อือมม์ม์ม์...แทบไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ที่เสนอให้ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ตั้งคำถาม 4 ข้อต่อปวงชนชาวไทยในช่วงนี้ กับผู้ซึ่งเคยเสนอให้ท่านนายกฯ งัดเอามาตรา “ฉี่ฉิบฉี่”ออกมาสั่งห้ามใครต่อใครไม่ให้นั่งหลังรถกระบะ เมื่อไม่กี่เดือนผ่านมา จะเป็นรายเดียวกันหรือไม่ อย่างไร เพราะโดยผลลัพธ์ โดยปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ออกจะไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากกันมากมายซักเท่าไหร่ แม้ว่าความหนัก ความเบา ในเชิงปริมาณและคุณภาพ อาจไม่เหมือนกันซะทีเดียวนัก...
อย่างที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” แห่งคอลัมน์ “ป้อมพระอาทิตย์” ท่านได้ตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน ชันสูตรพลิกศพ ไว้ในเว็บไซต์ “ผู้จัดการ” เมื่อวันวานที่ผ่านมานั่นแหละว่า “วัสดุ” ต่างๆ ที่หวนกลับมาหาคำถาม 4 ข้อที่ว่า ดูจะหนักไปทาง “ก้อนอิฐ, ท่อนไม้, ตัวหนอนปูถนน, ร้องเท้าแตะ, เกี๊ยะเก่า, สากกะเบือ ฯลฯ” ซะมากกว่า ไม่ค่อยมี “ดอกไม้,พวงมาลัย” ซักเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว...มันคงไม่ได้ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เรื่องคอขาดบาดตายอะไรมากมาย ยิ่งถ้าหากคิดในแง่ดี หรือพยายามมองโลกให้สวยๆ เข้าไว้ อาจถือเป็นการเตือนสติ กระตุ้นสติของบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลายไปในตัวก็ยังได้...
แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่มีอำนาจ มีบทบาทในการหันซ้าย-หันขวาบ้านเมืองไปในทางไหนก็ได้ การจะคิดอะไร พูดอะไร หรือกระทำการใดๆ ก็ตาม ยังไงๆ คงต้องทวนไป-ทวนมาประมาณ 10 ตลบขึ้นไปเป็นอย่างน้อย ถึงจะคิด-พูด-ทำ ในสิ่งนั้นๆ ได้ โดยไม่ต้องเจอกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากวัสดุต่างๆ ที่ไม่น่าพึงประสงค์ไปด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้...สำหรับผู้ซึ่งมีอำนาจบางราย อย่างเช่น “ป๋าเปรม” เป็นต้น ท่านเลยมักหันมาใช้วิธี “อม” สิ่งต่างๆ เอาไว้ เมื่อลองไม่พูดซะอย่าง!!! เลยไม่มีใครรู้ว่าท่านคิดอะไร และเมื่อพอได้จังหวะลงมือทำ ฝ่ายตรงข้ามก็ขาดสะพายแล่งเป็นท่อนๆ จนทำให้สมญานาม “เตมีย์ใบ้” สามารถดำเนินควบคู่กับสมญานาม “นักฆ่าแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา” มาโดยตลอด...
อย่างไรก็แล้วแต่...นั่นถือเป็นเรื่อง “ศักยภาพส่วนบุคคล” ที่ย่อมผิดแผก แตกต่างกันไปตามสภาพ แต่ไม่ว่าจะมีศักยภาพสูงเหลือล้น ทนเหลือหลาย หรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใดก็ตาม ขึ้นชื่อว่าผู้มีอำนาจทั้งหลายแล้ว ย่อมต้องมีองค์ประกอบของผู้รับใช้ใกล้ชิด พรรคพวกและบริวารกระจายอยู่รอบข้างไม่ต่างไปจาก “สิ่งแวดล้อมรอบตัว” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ใครที่สภาพแวดล้อมรอบตัวดี...ก็ดีไป แต่บางรายแม้ตัวเองดีๆ ซักเท่าไหร่ แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมดัน “เป็นพิษ” ขึ้นมาซะอย่าง โอกาสที่จะเกิดอาการสะดุดแข้งสะดุดขาตัวเอง หงายท้องตึง หลับกลางอากาศ ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างมิใช่น้อย...
ยิ่งถ้าอำนาจนั้นๆ...ต่อเนื่อง ยาวนานยิ่งขึ้นไปเท่าไหร่ การบริหารจัดการกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง หรือแม้แต่กับ “ตัวตนของตัวเอง” ยิ่งเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ลำบากยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่งั้นอภิมหานักจิตวิทยาอย่างคุณปู่ “Froude” ท่านคงไม่คิดเอ่ยเอาไว้เป็นวาทะประมาณว่า “The upward sweep of excellence is proportioned, with strictest accuracy, to oblivion of the self which is ascending.” หรือ “การก้าวขึ้นสู่เบื้องสูงแห่งคุณธรรมความดี มีส่วนสมดุลอย่างเคร่งครัดกับการลดละเลิก...อัตตา...ซึ่งมักทวีขึ้นตามลำดับ” อะไรประมาณนั้น เพราะแม้แต่ตัวคุณปู่ “Froude” เอง ท่านก็ยังควบคุม “อัตตา” ของตัวเองแทบไม่อยู่...
การอาศัยกระบวนการ “เลือกตั้ง” ตามระบอบประชาธิปไตยแบบไหนก็แล้วแต่ เพื่อเกิดการเช็ก ตรวจสอบ ถ่วงดุล สิ่งที่ถือเป็น “อัตตา” ของใครต่อใคร จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ลำบาก โดยเฉพาะในโลกยุคใหม่ คือยังไงๆ...มันคงหนีไม่พ้นต้องเดินไปตาม “โรดแมป” นั่นแหละ โดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญได้กำหนดเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กตู่” หรือใครก็ตาม คงไม่ได้มีขีดความสามารถพอที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง หรือยืดเวลาออกไปอย่างที่คิดๆ กันไปเอง แต่อาจเป็นเพราะรู้สึก “เปรี้ยวเท้า” ขึ้นมาบ้างนิดๆ เลยต้องงัดเอาคำถาม 4 ข้อ ออกมาถามใครๆ จนกลายเป็นเรื่อง เป็นราว ขึ้นมาจนได้...
และอันที่จริง...ถ้ามองโลกในแง่ดี หรือมองโลกให้สวยๆ เข้าไว้ ในจำนวนคำถาม 4 ข้อ ไม่ว่าใครคิดจะตอบไปตามรสนิยมของใคร-ของมันก็ตาม แต่สำหรับคำถามข้อสุดท้าย หรือข้อที่ 4 ที่ถามเอาไว้ว่า... “ท่านคิดว่ากลุ่มการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีก เกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไขและแก้ด้วยวิธีใด” อันนี้...ถ้าหากคิดไม่ออก น่าจะลองไหว้วานให้ “ทหาร” อย่าง “บิ๊กแดง” แม่ทัพภาคที่ 1 ช่วยตอบ ก็อาจเข้าท่ามิใช่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองประเภทมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงเอามากๆ ระดับกล้าวางระเบิดถึงภายในโรงพยาบาล เพราะโดย “คำตอบ” นั้น คงมีอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว แถมเป็นคำตอบชนิด “ไร้ความปรานี” ซะอีกต่างหาก เพียงแต่ “รอนายสั่ง” เท่านั้นเอง!!! เรียกว่า...อาจ “ไม่ต้องเสียเวลาตั้งคำถาม” เอาเลยก็ยังได้...