xs
xsm
sm
md
lg

เค้นสอบจนท.รพ.พระมงกุฎฯปมจดหมายเตือนบึ้ม “บิ๊กป้อม”โผล่เคลียร์ข้อข้องใจวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เค้นสอบสาวใหญ่เจ้าหน้าที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า อาจเกี่ยวกับการทำจดหมายเตือนก่อนเกิดเหตุระเบิด เผย "3 นายพล" ไม่เกี่ยวโยง "บิ๊กป้อม"โผล่ประชุมสภากลาโหมวันนี้ พร้อมให้ถามทุกเรื่อง แต่ไม่รับปากจะตอบทุกเรื่อง ขณะที่สวนดุสิตโพล ชี้เป็นระเบิดการเมือง หวังสร้างสถานการณ์ ท้าทายกฎหมายบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าในการติดตามตัวบุคคลที่เขียนจดหมายเตือนเรื่องระเบิด 3 ฉบับ ส่งไปยังสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และสถาบันประสาทวิทยา ก่อนที่จะเกิดเหตุการระเบิดที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคนนั้น ประเด็นดังกล่าวมีรายงานว่า เมื่อช่วงหัวค่ำของ วันที่ 27 พ.ค. หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ควบคุมตัวสาวใหญ่คนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) อายุ 51 ปี จากบ้านพักย่านประเวศ มาที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เพื่อซักถามเกี่ยวกับกรณีจดหมายที่ถูกส่งมายังสถาบันการแพทย์ โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้คณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดเดินทางไปร่วมซักถามข้อมูล โดยในเบื้องต้นสาวใหญ่คนดังกล่าวปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับ เรื่องจดหมายเตือน รวมถึงกรณีระเบิดบริเวณหน้ากองสลากเก่า บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ และที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 คน มาซักถามข้อมูล โดยเป็นชาย 1 ราย และหญิง 2 รายซึ่งมีรายงานว่าทั้ง 3 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ของรพ.พระมงกุฎเกล้า อาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ระเบิด ที่ห้องวงษ์สุวรรณ แต่ทั้งนี้ต้องรอผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกับเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่จะไม่ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดออกไป

สำหรับประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่า การวางระเบิดรพ.พระมงกุฎเกล้า อาจจะเกี่ยวพันกับ อดีตนายพล 3 คนนั้น ปรากฏว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.รมน. และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต รองผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ. ได้ออกมาปฏิเสธ พร้อมประนามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง ส่วนอีกรายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยคือ พล.อ.“ม”ก็ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ พล.อ.“ม”เดินทางมา รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อมารับลูกสาวที่ เป็นแพทย์ด้านทันตกรรม ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าเป็นประจำ จึงไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

**"บิ๊กป้อม"โผล่กลาโหมวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Wassana J. Nanuam" เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หลังหายหน้าหายตาไปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เข้ารับการรักษาอาการป่วย และพักฟื้นอยู่ในต่างประเทศ

ทั้งนี้ น.ส.วาสนา โพสต์ระบุว่า "หลังหายหน้าไปตั้งแต่ 16 พ.ค. หลังประชุมครม. ท่ามกลางข่าวลือมากมาย หลายกระแส...แต่ที่สุด บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้แจ้งข่าวว่า จะมาเป็นประธานการประชุมสภากลาโหม วันจันทร์ 29 พ.ค.นี้ แน่นอน และพร้อมให้ถามคำถาม ทุกเรื่อง...แต่จะตอบหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง โดยเฉพาะไปไหนมา สุขภาพเป็นยังไง หรือหายไป ด้วยเหตุผลอื่น ??

รวมทั้งเรื่องระเบิด ที่ล่าสุด ทหารเชิญตัวสาวใหญ่ เข้าค่าย มทบ.11 สอบเข้ม หลังพบหลักฐานโยง ทำจดหมายเตือนระเบิด และมีการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยก่อนหน้านี้ มาสอบปากคำแล้วหลายคน"

**โพลชี้ระเบิดในกทม.โยงการเมือง

“สวนดุสิตโพล”สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่องประชาชนคิดอย่างไรต่อกรณีเหตุการณ์ระเบิดใน กทม.3 จุด ทั้งหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หน้าโรงละครแห่งชาติ และที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายต่อกฎหมายบ้านเมือง ส่งผลให้ประชาชนมีความวิตกกังวล และต้องการให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ เร่งดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งจากผลสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,223 คน ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ค.60 สรุปผลได้ ดังนี้

ประชาชนคิดอย่างไร กรณีระเบิดใน กทม.ทั้ง3 จุด อันดับ 1 เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไร้จิตสำนึก ท้าทายกฎหมายบ้านเมือง 83.73% อันดับ 2 อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว 81.44% อันดับ 3 อยากรู้ข้อเท็จจริง และเหตุจูงใจในการก่อเหตุ 78.74%

ประชาชนคิดว่าสาเหตุที่เกิดการวางระเบิดเป็นเพราะอะไร อันดับ 1 เป็นการสร้างสถานการณ์ ให้เป็นข่าวครึกโครม 78.00% อันดับ 2 มาจากความขัดแย้ง อำนาจและผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม 67.13% อันดับ 3 มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 66.48%

ทำอย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุระเบิดเช่นนี้อีก อันดับ 1 ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล 74.16% อันดับ 2 เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตามจุดเสี่ยงต่างๆ 71.38% อันดับ 3 หน่วยข่าวกรองต้องตรวจสอบข่าวให้ละเอียด ทันสถานการณ์ 63.53%

การวางระเบิดเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยหรือไม่ อันดับ 1 เกี่ยวข้อง 56.09% เพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง มีคลื่นใต้น้ำ การเมืองไทยยังมีความขัดแย้งแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 34.35% เพราะควรรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน อาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่มากกว่านี้ อันดับ 3 ไม่เกี่ยวข้อง 9.56% เพราะอาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งส่วนตัว หรือเรื่องอื่น ทำไปเพื่อต้องการท้าทายกฎหมายบ้านเมือง

การวางระเบิดเกี่ยวข้องกับครบรอบ 3 ปี คสช.หรือไม่ อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 47.02% เพราะต้องรอดูผลการสืบสวนและหลักฐานประกอบคดีเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ก่อน อันดับ 2 เกี่ยวข้อง 36.65% เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ซึ่งครบรอบ 3 ปีพอดี สถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของทหาร น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน อันดับ 3 ไม่เกี่ยวข้อง 16.33% เพราะอาจเป็นการกระทำของผู้ที่ไม่หวังดี หรือเกิดความคึกคะนอง อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย ฯลฯ

เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 39.53% เพราะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาล การเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญและมีผลต่อการขับเคลื่อนประเทศ ฯลฯ อันดับ 2 กระทบ 31.91% คือ การเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไป ประชาชนไม่กล้าออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กลัวระเบิด หน่วยเลือกตั้งมีอยู่ ทั่วประเทศ อันดับ 3 ไม่กระทบ 28.56% เพราะยังมีเวลาในการจัดเตรียมการเลือกตั้งอีกนาน ไม่ควรนำเอาเหตุระเบิดมาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เชื่อรัฐบาลรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น