กองปราบรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โทรศัพท์รีดทรัพย์ เหยื่อนักธุรกิจ
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (28 พ.ค.) ที่ กองปราบปราบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. สั่งการพ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.ต.กรกช ยงยืน สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมน.ส.อรษา โตยะบุตร หรือ"เจ๊เปิ้ล" อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ซ.เพชรเกษม 79 แยก 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ตามหมายจับศาลแขวง จังหวัดนนทบุรี ที่ 249/2555 ลงวันที่ 25 ก.ค. 55 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ได้ที่ร้านอาหารสวัสดดิการวิทยาลัยพยาบาลทหารเรือ กองบังคับการกรมแพทย์ทหารเรือ ถ.สมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.
ทั้งนี้สืบเนื่องจากน.ส.อรษา พร้อมด้วยนายชายแดน มณีทร อายุ 37 ปี สามีและพวกอีก 3 คน รวมกลุ่มกันตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหาย โดยการออกอุบายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานราชการต่างๆ ก่อนพูดจาข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้น เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย หากไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี หรือตรวจสอบให้ทำการโอนเงินมาให้ตามบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้ไว้ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย โดยบางรายถูกหลอกสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เนื่องจากทุกครั้งที่ทำการก่อเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาจะทำการโทรศัพท์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ VOIP แปลงสัญญาณดิจิตอล ซึ่งมีเทคนิคสามารถอำพรางให้แสดงหมายเลขที่โทรเข้าเป็นหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขใดก็ได้ ให้ปรากฏไปยังโทรศัพท์ของผู้รับปลายทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเบอร์โทรของหน่วยงานราชการนั้นๆ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป. ได้ทำการติดตามจับกุมตัวนายชายแดน สามีของผู้ต้องหารายนี้ได้ ที่ บริเวณย่านสถานีรถไฟหนองคาย ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองฯ จ.หนองคาย ก่อนจะขยายผลติดตามจับกุม น.ส.อรษา ผู้ต้องหารายนี้ได้ดังกล่าว ทำให้ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ในการสอบสวน น.ส.อรษา ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ส่วนการที่ตนเองถูกออกหมายจับในคดีนี้ เป็นเพราะว่านายชายแดน สามีแอบนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ในการกระทำความผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (28 พ.ค.) ที่ กองปราบปราบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. สั่งการพ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.ต.กรกช ยงยืน สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมน.ส.อรษา โตยะบุตร หรือ"เจ๊เปิ้ล" อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ซ.เพชรเกษม 79 แยก 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. ตามหมายจับศาลแขวง จังหวัดนนทบุรี ที่ 249/2555 ลงวันที่ 25 ก.ค. 55 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ได้ที่ร้านอาหารสวัสดดิการวิทยาลัยพยาบาลทหารเรือ กองบังคับการกรมแพทย์ทหารเรือ ถ.สมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.
ทั้งนี้สืบเนื่องจากน.ส.อรษา พร้อมด้วยนายชายแดน มณีทร อายุ 37 ปี สามีและพวกอีก 3 คน รวมกลุ่มกันตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหาย โดยการออกอุบายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานราชการต่างๆ ก่อนพูดจาข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้น เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย หากไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี หรือตรวจสอบให้ทำการโอนเงินมาให้ตามบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้ไว้ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย โดยบางรายถูกหลอกสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เนื่องจากทุกครั้งที่ทำการก่อเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาจะทำการโทรศัพท์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ VOIP แปลงสัญญาณดิจิตอล ซึ่งมีเทคนิคสามารถอำพรางให้แสดงหมายเลขที่โทรเข้าเป็นหมายเลขโทรศัพท์หมายเลขใดก็ได้ ให้ปรากฏไปยังโทรศัพท์ของผู้รับปลายทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเบอร์โทรของหน่วยงานราชการนั้นๆ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ป. ได้ทำการติดตามจับกุมตัวนายชายแดน สามีของผู้ต้องหารายนี้ได้ ที่ บริเวณย่านสถานีรถไฟหนองคาย ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองฯ จ.หนองคาย ก่อนจะขยายผลติดตามจับกุม น.ส.อรษา ผู้ต้องหารายนี้ได้ดังกล่าว ทำให้ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ในการสอบสวน น.ส.อรษา ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ส่วนการที่ตนเองถูกออกหมายจับในคดีนี้ เป็นเพราะว่านายชายแดน สามีแอบนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ในการกระทำความผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป