ใครจะถาม-ใครจะตอบ คำถามยอดฮิตประมาณสี่ซ้าห้าข้อ คงต้องปล่อยให้บรรดาพ่อเจ้าประคุณรุนช่องทั้งหลาย ท่านว่าไปตามสิทธิ ตามรสนิยมของใคร-ของมันก็แล้วกัน แต่ระหว่างนี้...สำหรับผู้ซึ่งไม่อยากแกว่งปากหาตีนมากมายเกินไปนัก น่าจะลองหันไปมองๆ ประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย เอาไว้มั่ง เพราะสิ่งที่กำลังอุบัติขึ้นมาในประเทศเหล่านี้ อาจถือเป็น “คำถาม” ที่ไม่ว่าใครจะมีรสนิยมออกไปในแนวไหน ถือสิทธิไปในรูปใด ลักษณะใดก็ตาม พึงต้องค้นหา “คำตอบ” อย่างระมัดระวัง อย่างประณีต ละเอียดอ่อนไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยเหตุเพราะถือเป็นเรื่อง “ส่วนรวม” อันไม่อาจอาศัยเพียงแค่รสนิยม “ส่วนตัว” ได้เลย...
คือฟิลิปปินส์นั้น...อย่างที่พอทราบๆ ไปแล้วว่า ตั้งแต่ช่วงวันพุธที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา จู่ๆ กองกำลังติดอาวุธนับร้อยๆ ได้บุกเข้ายึดเมือง “มาราวี” (Marawi) อันมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ “ลาเนาใต้” (Lanao de Sur) บนเกาะมินดาเนา เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฟิลิปปินส์ จนเกิดการปะทะกับทหารกองทัพฟิลิปปินส์ ชนิดต้องไล่ยิงกันสนั่นลั่นเมือง ล้มตายกันไปแล้วไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบศพ ประชากรในเมืองที่มีอยู่ประมาณ 200,000 กว่าคน ต้องอพยพหลบหนีหัวซุกหัวซุน ที่หนีไม่ทันโดยเฉพาะบรรดา “ชาวคริสต์” จำนวนไม่น้อย ถูกจับเป็นตัวประกัน เล่นเอาประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อย่าง “นายดูเตอร์เต” ที่กำลังอยู่ระหว่างเดินทางเยือนรัสเซีย ต้องประกาศกฎอัยการศึก ตลอดทั่วทั้งเกาะมินดาเนาครอบคลุมพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 104,530 ตารางกิโลเมตร...
สิ่งที่คงต้องหันไปมองก็เพราะว่า...กองกำลังติดอาวุธที่ว่านี้ แม้จะซ่อนรูป ซ่อนร่างอยู่ในฐานะกลุ่มก่อการร้ายฟิลิปปินส์มาตั้งแต่ครั้งอดีต คือกลุ่ม “มาอูเต” (Maute group) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดย “นายอับดุลเลาะห์ มาอูเต” (Abdullah Maute) ผู้มีแนวคิดแบบ “มุสลิมสุดโต่ง” มาตั้งแต่ครั้งยังผนวกตัวเข้ากับ “ขบวนการปลดปล่อยอิสลามโมโร” (Moro Islamic Liberation Front) แต่ช่วงหลังๆ หรือหลังจากไปต่อเส้นต่อสายกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย “อาบู ไซยาฟ” (Abu Sayyaf) ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดแนบแน่นกับองค์กรก่อการร้ายระดับโลกอย่าง “อัลกออิดะห์” (al-Qaeda) ซึ่งค่อยๆ พัฒนาตัวเองมาเป็นพวก “ไอเอส” “ไอซิส” หรือ “ดาเอช” (IS-Isis-Daesh) และพยายามออกเรี่ยวออกแรงฉีกประเทศซีเรีย อิรัก และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางออกเป็นชิ้นๆ มาโดยตลอด กลุ่ม “มาอูเต” ที่ว่า จึงอาจถือเป็น “ไอเอสสาขาฟิลิปปินส์” ไปโดยปริยาย...
การบุกยึดบ้าน ยึดเมืองของพวก “มาอูเต” หรือ “ไอเอสสาขาฟิลิปปินส์” คราวนี้...จึงไม่ได้ถือเป็น “ปัญหาภายใน” อันเนื่องมาจากการลุกฮือ ก่อกบฏ ก่อการร้าย โดยบรรดาชาวฟิลิปปินส์ล้วนๆ อีกต่อไปแล้ว แต่กำลังกลายเป็น “ปัญหาภายนอก” เป็นการ “ปฏิวัติส่งออก” หรือเป็นการบุก “ยึดดินแดน” ของประเทศอื่นแบบดื้อๆ ทื่อๆ เพราะกองกำลังติดอาวุธที่ผสมรวมตัวเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ ในเมืองมาราวี มีทั้งผู้ก่อการร้ายชาวมาเลย์ อินโดนีเซีย ประกอบรวมเข้าไว้ด้วย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น...ถ้าว่ากันตามคำพูดของประธานาธิบดี “ดูเตอร์เต” ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว “RT” หรือ “รัสเซีย ทูเดย์” ในช่วงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับทราบข่าวคราวการปฏิบัติการครั้งนี้ ยังมี “ผู้ก่อการร้ายต่างชาติ” บางราย ที่ผู้นำฟิลิปปินส์ใช้คำเรียกขานว่า “Caucasian looking” หรือผู้ที่มีลักษณะคล้ายๆ ฝรั่ง หรือแขกขาว ซึ่งถูกจับ ถูกทหารฟิลิปปินส์ฆ่าตายไปแล้วประมาณ 6 ศพ เป็นอย่างน้อย...
และนั่นเองที่ทำให้สำนักข่าว “MintPress News” ซึ่งนำเอาบทสัมภาษณ์ดังกล่าวไปขยายต่อ ถึงได้ตัดสินใจพาดหัวข่าวเอาไว้ว่า “Philippine President Duterte Fears CIA Assassination, Blames US for ISIS Presence.” หรือสรุปได้ประมาณว่า ผู้นำฟิลิปปินส์อย่าง “นายดูเตอร์เต” นั้น ไม่เพียงแต่คิดจะกล่าวหาว่าหน่วยงานข่าวกรองอันทรงอิทธิพลอย่าง “ซีไอเอ” ในสหรัฐฯ คือผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ก่อการร้าย “ไอซิส” ซึ่งบุกเข้ายึดบ้าน ยึดเมือง ยึดดินแดนฟิลิปปินส์ในขณะนี้เท่านั้น แต่ยังเชื่อว่าหน่วยงานนี้ พร้อมที่จะวางแผน “ลอบสังหาร” ตัวเอง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศฟิลิปปินส์ ให้ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ ความต้องการของอเมริกาอีกด้วยต่างหาก!!! ส่วนเหตุผลรายละเอียดจะเป็นเช่นไร อันนี้...คงต้องไปว่ากันต่ออีกซักวัน เพราะอย่างน้อยน่าจะเป็นประโยชน์ซะยิ่งกว่า การเอียงหูไปฟัง “คำตอบ” ของพวกนักการเมืองต่อ “คำถาม” สี่ซ้าห้าข้อของ “บิ๊กตู่” เป็นไหนๆ...