วันนี้รายการโปรโมชั่นลด แลกแจก แถมจากรัฐบาล คสช. ที่กำลังทยอยออกมาเรื่อยๆ ทั้งที่โครงการประชานิยม เป็นเหมือนพิษร้าย ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หวาดหวั่นเหลือเกิน แต่เพื่อประคองสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองก็อาจจะยอมเดินทางนี้บ้าง ใครจะว่าเกลียดตัวกินไข่ ก็ได้
ในมุมมอง คสช.มองว่าอะไรที่เป็นประชานิยม เปรียบเสมือนเครื่องมือของฝ่ายการเมือง โดยใช้การวางนโยบายประชานิยม หว่านเงินของรัฐไปให้ประชาชน เพื่อกลับเข้าสู่อำนาจในการเลือกตั้งอีกครั้งรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงวางมาตรการสารพัด เพื่อเป็นด่านสกัดกั้นไม่ให้นักการเมืองใช้โครงการประชานิยมมาทำลายประเทศ
ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็ไม่ลืมวางเงื่อนไขสกัดกั้นประชานิยม มีไอเดียให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สแกนนโยบายพรรคการเมืองก่อนหาเสียง หากมีโครงการต้องสงสัย ต้องรีบแก้ไข อย่าให้ค้างท่อ ตอกย้ำว่าคณะรัฐประหารชุดนี้ ขยาดโครงการประชานิยมมาก
แต่ครั้นดูนโยบายที่ ***“นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. *** ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ แล้วทำให้มีคำถามกลับไปว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองรึเปล่า รัฐบาลประยุทธ์จัดประชานิยมเอาใจประชาชนไปแล้วไม่น้อย ที่จะตามมาก็ยังมีอยู่มาก
ไม่ว่าจะเป็น ***“โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ”*** ที่ปีก่อนมีผู้ลงทะเบียนถึง 8.3 ล้านคน เป็นเกษตรกร 2.9 ล้านคน คนทั่วไป 5.4 ล้านคน มอบเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และ 1,500 บาท สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี รวมเป็นเงิน 12,750 ล้านบาท ให้ช่วงต้นปี 2560 เป็นของขวัญปีใหม่ของ “ลุงตู่”
***คนมีรายได้น้อยได้ของขวัญแจกกันไปถ้วนหน้า มาปีนี้เอาอีกแล้วครับท่าน เปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยอีกครั้ง ปิดยอดไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ยอดทะลุ 13 ล้านคน***
***“เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด*** โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาอัพเดทตัวเลขวันที่ 13 พ.ค. ว่ายอดลงทะเบียน ณ วันที่ 11 พ.ค. มีถึง 12 ล้านกว่าคน ออกอาการดีใจ ว่าคนมาลงทะเบียนเยอะ เหตุเพราะมั่นใจในการช่วยเหลือของรัฐบาล ในการแจกจริงจ่ายจริงของปีก่อน เพราะปีก่อนแจกจ่ายได้ถึงร้อยละ 97.5 ของผู้มีสิทธิ
ปีนี้ก็จะทยอยออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น การจัดสรรที่ดินทำกิน การให้สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ โครงการบ้านประชารัฐ และจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสู่การดูแลด้านสวัสดิการเพิ่มเติมได้อย่างตรงจุดมากขึ้น เช่น การมอบบัตรสวัสดิการเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ขึ้นรถเมล์รถไฟฟรี เพราะมาตรการเหล่านี้จะไม่ให้ทุกคนเหมือนอดีต แต่จะให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อย
จับอาการดีใจของ โฆษกรัฐบาล หลายฝ่ายแอบนินทา ว่าดีใจเพราะประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับการช่วยเหลือ หรือดีใจว่าปีนี้มีคนจนเพิ่มขึ้นกันแน่ แต่ไม่ว่าตรรกะไหนมันก็ผิดทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนบริหารประเทศแล้วคนจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมาดีใจหาอะไรไม่ทราบ ควรไปทบทวนถึงการบริหารของตัวเองดีกว่าหรือไม่ ยิ่งอยู่คนยิ่งจน เห็นอย่างนี้ต้องรีบพิจารณาตัวเองแล้ว
ทางด้าน*** “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”*** รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ออกมาบอกว่า นายกฯกำลังคิดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท โดยดึงเงินจากกองทุนประชารัฐที่มีอยู่ออกมา แต่จะเป็นอะไรก็ต้องดูต่อไป จะมีอะไรให้เซอร์ไพร์สขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนุมัติเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดิมได้รับการช่วยเหลือเดือนละ 600 บาท คราวนี้เพิ่มเดือนละ 1,200-1,500 บาท เพราะสังคมไทยกำลังจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ โครงการนี้ถือว่าดีเพราะคนสูงอายุเสียภาษีบำรุงประเทศกันมานานปีก็ควรจะจ่ายคืนเป็นการตอบแทนบุณคุณกันให้หนักๆไปเลย ถ้าได้เดือนละเป็นหมื่นก็ยิ่งดี
จะว่าไป สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เพราะต้องการให้เงินหมุนเวียนในระบบ ให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ เพราะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นจุดบอดที่ 3 ปียังแก้ไม่ตก พอครบรอบขวบปีของรัฐบาลทีไร มักจะถูกฝ่ายการเมืองร่วมกันโจมตีเรื่องปัญหาปากท้องแบบสามัคคีบาทา
*** ดังนั้น เมื่อยังมีเวลาอยู่ ก็รีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่นั้นที่เขาด่าว่า คสช.เข้ามาแล้วเสียของจะเป็นจริง บอกเลยว่า เวลาของรัฐบาลที่เหลืออยู่ปีกว่าๆ ก่อนจะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปที่วางไว้ คงได้เห็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่ว่ามาอีกเป็นแน่ เชื่อขนมกินรอได้เลย รับรองมีรายการลด แลก แจก แถม อีกหลายโปรโมชั่น***
..
ในมุมมอง คสช.มองว่าอะไรที่เป็นประชานิยม เปรียบเสมือนเครื่องมือของฝ่ายการเมือง โดยใช้การวางนโยบายประชานิยม หว่านเงินของรัฐไปให้ประชาชน เพื่อกลับเข้าสู่อำนาจในการเลือกตั้งอีกครั้งรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงวางมาตรการสารพัด เพื่อเป็นด่านสกัดกั้นไม่ให้นักการเมืองใช้โครงการประชานิยมมาทำลายประเทศ
ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็ไม่ลืมวางเงื่อนไขสกัดกั้นประชานิยม มีไอเดียให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สแกนนโยบายพรรคการเมืองก่อนหาเสียง หากมีโครงการต้องสงสัย ต้องรีบแก้ไข อย่าให้ค้างท่อ ตอกย้ำว่าคณะรัฐประหารชุดนี้ ขยาดโครงการประชานิยมมาก
แต่ครั้นดูนโยบายที่ ***“นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. *** ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ แล้วทำให้มีคำถามกลับไปว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองรึเปล่า รัฐบาลประยุทธ์จัดประชานิยมเอาใจประชาชนไปแล้วไม่น้อย ที่จะตามมาก็ยังมีอยู่มาก
ไม่ว่าจะเป็น ***“โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ”*** ที่ปีก่อนมีผู้ลงทะเบียนถึง 8.3 ล้านคน เป็นเกษตรกร 2.9 ล้านคน คนทั่วไป 5.4 ล้านคน มอบเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และ 1,500 บาท สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี รวมเป็นเงิน 12,750 ล้านบาท ให้ช่วงต้นปี 2560 เป็นของขวัญปีใหม่ของ “ลุงตู่”
***คนมีรายได้น้อยได้ของขวัญแจกกันไปถ้วนหน้า มาปีนี้เอาอีกแล้วครับท่าน เปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยอีกครั้ง ปิดยอดไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ยอดทะลุ 13 ล้านคน***
***“เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด*** โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาอัพเดทตัวเลขวันที่ 13 พ.ค. ว่ายอดลงทะเบียน ณ วันที่ 11 พ.ค. มีถึง 12 ล้านกว่าคน ออกอาการดีใจ ว่าคนมาลงทะเบียนเยอะ เหตุเพราะมั่นใจในการช่วยเหลือของรัฐบาล ในการแจกจริงจ่ายจริงของปีก่อน เพราะปีก่อนแจกจ่ายได้ถึงร้อยละ 97.5 ของผู้มีสิทธิ
ปีนี้ก็จะทยอยออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น การจัดสรรที่ดินทำกิน การให้สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ โครงการบ้านประชารัฐ และจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสู่การดูแลด้านสวัสดิการเพิ่มเติมได้อย่างตรงจุดมากขึ้น เช่น การมอบบัตรสวัสดิการเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ขึ้นรถเมล์รถไฟฟรี เพราะมาตรการเหล่านี้จะไม่ให้ทุกคนเหมือนอดีต แต่จะให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อย
จับอาการดีใจของ โฆษกรัฐบาล หลายฝ่ายแอบนินทา ว่าดีใจเพราะประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับการช่วยเหลือ หรือดีใจว่าปีนี้มีคนจนเพิ่มขึ้นกันแน่ แต่ไม่ว่าตรรกะไหนมันก็ผิดทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนบริหารประเทศแล้วคนจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมาดีใจหาอะไรไม่ทราบ ควรไปทบทวนถึงการบริหารของตัวเองดีกว่าหรือไม่ ยิ่งอยู่คนยิ่งจน เห็นอย่างนี้ต้องรีบพิจารณาตัวเองแล้ว
ทางด้าน*** “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”*** รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ออกมาบอกว่า นายกฯกำลังคิดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท โดยดึงเงินจากกองทุนประชารัฐที่มีอยู่ออกมา แต่จะเป็นอะไรก็ต้องดูต่อไป จะมีอะไรให้เซอร์ไพร์สขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนุมัติเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดิมได้รับการช่วยเหลือเดือนละ 600 บาท คราวนี้เพิ่มเดือนละ 1,200-1,500 บาท เพราะสังคมไทยกำลังจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ โครงการนี้ถือว่าดีเพราะคนสูงอายุเสียภาษีบำรุงประเทศกันมานานปีก็ควรจะจ่ายคืนเป็นการตอบแทนบุณคุณกันให้หนักๆไปเลย ถ้าได้เดือนละเป็นหมื่นก็ยิ่งดี
จะว่าไป สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เพราะต้องการให้เงินหมุนเวียนในระบบ ให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ เพราะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นจุดบอดที่ 3 ปียังแก้ไม่ตก พอครบรอบขวบปีของรัฐบาลทีไร มักจะถูกฝ่ายการเมืองร่วมกันโจมตีเรื่องปัญหาปากท้องแบบสามัคคีบาทา
*** ดังนั้น เมื่อยังมีเวลาอยู่ ก็รีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่นั้นที่เขาด่าว่า คสช.เข้ามาแล้วเสียของจะเป็นจริง บอกเลยว่า เวลาของรัฐบาลที่เหลืออยู่ปีกว่าๆ ก่อนจะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปที่วางไว้ คงได้เห็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่ว่ามาอีกเป็นแน่ เชื่อขนมกินรอได้เลย รับรองมีรายการลด แลก แจก แถม อีกหลายโปรโมชั่น***
..