"นายกฯ"ลงใต้ อธิบายยุทธศาสตร์ "Thailand4.0 ในภาคใต้" ย้ำต้องร่วมปฏิรูป-ปรองดอง เพื่อปลดล็อกความขัดแย้งประเทศ ซัดนักการเมืองมีแต่นโยบายพรรค ไม่มียุทธศาสตร์ชาติ ทำประเทศติดกับดัก เผยในหลวง ร.10 ทรงเป็นห่วงเรื่องการศึกษา ขอคนไทยเรียนรู้ตลอดชีวิต น้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการดำเนินชีวิต และพัฒนาชาติ
วานนี้ (24พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย มล.ปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่ ม.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา เพื่อปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การขับเคลื่อนThailand4.0ในภาคใต้"
ทั้งนี้ ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศ และคนของเราให้ไปสู่ 4.0 ให้ได้ โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งเรื่องของความรู้ เทคโนโลยี ปรับเปลี่บนกระบวนการผลิต การเพาะปลูก เพิ่มมูลค่าการส่งออก ที่สำคัญคือทุกฝ่ายต้องปรับปรุงตัวเอง เลิกขัดแย้ง
" ที่ผ่านมาเราไม่ได้ให้ความสนใจเลย รัฐบาลนี้เข้ามาตั้งแต่ปี 2557 เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ศึกษา วิจัย แล้วก็เก็บเอาไว้ ในอดีตที่ไม่มียุทธศาสต์ประเทศเลย ทำไปตามนโยบายพรรค ท้ายสุด เราก็ติดกับดักตัวเอง ถูกจัดลำดับเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคนวัยศึกษา ทั้งนักเรียน ครู เพราะถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ามาก เนื่องจากเป็นคนที่สร้างคนรุ่นใหม่ให้สังคมไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
"ขอฝากเรื่องการศึกษาไว้ เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ท่านทรงเป็นห่วงเรื่องการศึกษา เพราะพระองค์ทรงช่วยเหลือด้านการศึกษา อุทกภัยต่างๆ และรับสั่งมาว่าให้คนไทยมีระเบียบ วินัย และเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงมีความสุข มีความพอเพียง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา พระองค์ทรงรับสั่งว่า ทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้หมดแล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้เอามาขับเคลื่อน นโยบายทั้งหมดจึงอยู่ภายใต้ศาสตร์ของพระราชา เรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียงทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอร้องบรรดานักเรียน นักศึกษาว่า อย่าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองกันมากนัก เพราะพวกที่ออกมาเคลื่อนไหวมักจะเรียนไม่จบ หรือไปจบเอาในช่วง 8 ปี เนื่องจากต้องไปทำกิจกรรมต่างๆ ขอให้กลับไปทำ และคิดในเรื่องของตัวเองคือ เรื่องการเรียนและการศึกษา รวมทั้งทำเพื่อครอบครัวจะดีกว่า เพราะถ้ามัวแต่เสียเวลากับการออกมาเคลื่อนไหว การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จจากการกล่าวปาฐกถา นายกฯ ได้ไปเยี่ยมชมตลาดเกษตร ม.สงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นตลาดจำหน่ายผัก และผลไม้ที่เกษตรกร นำเข้ามาจำหน่ายถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยนายกรัฐมนตรี ได้พบและพูดคุยกับเกษตรกร และแม่ค้า โดยขอให้ทุกคนใส่ใจคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และสร้างมูลค่าให้กับสินค้า จนสามารถสร้างรายได้ สร้างชีวิตให้มีความสุข
"ขายของแบบนี้รวยแน่แน่ รวยอย่างนี้มีความสุข ไม่ใช่รวยแล้วติดคุก มันมีความสุขที่ไหน ต้องหนีไปต่างประเทศ ดังนั้นเราประกอบอาชีพเช่นนี้แล้วรวยก็จะมีความสุขอย่างแน่นอน แต่รวยแล้วต้องมีน้ำใจ ไม่ใช่รวยเงินแล้วไม่มีน้ำใจ อย่างนี้เรียกว่าโง่ "
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแวะชิมด้วงมะพร้าว หรือด้วงสาคู สินค้าขึ้นชื่อ ของชาวปักษ์ใต้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนอนด้วงไหมของภาคเหนือ แต่ตัวใหญ่กว่า โดยบอกว่า อร่อย นอกจากนี้ได้มีแม่ค้าขายอาหารทะเลสด นำปูทะเลขนาดใหญ่ มามอบให้นายกฯ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับยิ้ม พร้อมกล่าวหยอกล้อว่า "ให้กินปูเลยหรือ ขอบคุณมาก" นอกจากนี้ นายกฯ ยังร่วมเต้นเพลง Chicken dance ซึ่งเป็นเพลงที่แม่ค้าใช้ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสนุกสนาน
วานนี้ (24พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย มล.ปนัดดา ดิศกุล รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่ ม.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา เพื่อปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การขับเคลื่อนThailand4.0ในภาคใต้"
ทั้งนี้ ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศ และคนของเราให้ไปสู่ 4.0 ให้ได้ โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งเรื่องของความรู้ เทคโนโลยี ปรับเปลี่บนกระบวนการผลิต การเพาะปลูก เพิ่มมูลค่าการส่งออก ที่สำคัญคือทุกฝ่ายต้องปรับปรุงตัวเอง เลิกขัดแย้ง
" ที่ผ่านมาเราไม่ได้ให้ความสนใจเลย รัฐบาลนี้เข้ามาตั้งแต่ปี 2557 เข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ศึกษา วิจัย แล้วก็เก็บเอาไว้ ในอดีตที่ไม่มียุทธศาสต์ประเทศเลย ทำไปตามนโยบายพรรค ท้ายสุด เราก็ติดกับดักตัวเอง ถูกจัดลำดับเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคนวัยศึกษา ทั้งนักเรียน ครู เพราะถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ามาก เนื่องจากเป็นคนที่สร้างคนรุ่นใหม่ให้สังคมไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
"ขอฝากเรื่องการศึกษาไว้ เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ท่านทรงเป็นห่วงเรื่องการศึกษา เพราะพระองค์ทรงช่วยเหลือด้านการศึกษา อุทกภัยต่างๆ และรับสั่งมาว่าให้คนไทยมีระเบียบ วินัย และเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงมีความสุข มีความพอเพียง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา พระองค์ทรงรับสั่งว่า ทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้หมดแล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้เอามาขับเคลื่อน นโยบายทั้งหมดจึงอยู่ภายใต้ศาสตร์ของพระราชา เรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียงทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอร้องบรรดานักเรียน นักศึกษาว่า อย่าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองกันมากนัก เพราะพวกที่ออกมาเคลื่อนไหวมักจะเรียนไม่จบ หรือไปจบเอาในช่วง 8 ปี เนื่องจากต้องไปทำกิจกรรมต่างๆ ขอให้กลับไปทำ และคิดในเรื่องของตัวเองคือ เรื่องการเรียนและการศึกษา รวมทั้งทำเพื่อครอบครัวจะดีกว่า เพราะถ้ามัวแต่เสียเวลากับการออกมาเคลื่อนไหว การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จจากการกล่าวปาฐกถา นายกฯ ได้ไปเยี่ยมชมตลาดเกษตร ม.สงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นตลาดจำหน่ายผัก และผลไม้ที่เกษตรกร นำเข้ามาจำหน่ายถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยนายกรัฐมนตรี ได้พบและพูดคุยกับเกษตรกร และแม่ค้า โดยขอให้ทุกคนใส่ใจคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และสร้างมูลค่าให้กับสินค้า จนสามารถสร้างรายได้ สร้างชีวิตให้มีความสุข
"ขายของแบบนี้รวยแน่แน่ รวยอย่างนี้มีความสุข ไม่ใช่รวยแล้วติดคุก มันมีความสุขที่ไหน ต้องหนีไปต่างประเทศ ดังนั้นเราประกอบอาชีพเช่นนี้แล้วรวยก็จะมีความสุขอย่างแน่นอน แต่รวยแล้วต้องมีน้ำใจ ไม่ใช่รวยเงินแล้วไม่มีน้ำใจ อย่างนี้เรียกว่าโง่ "
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแวะชิมด้วงมะพร้าว หรือด้วงสาคู สินค้าขึ้นชื่อ ของชาวปักษ์ใต้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนอนด้วงไหมของภาคเหนือ แต่ตัวใหญ่กว่า โดยบอกว่า อร่อย นอกจากนี้ได้มีแม่ค้าขายอาหารทะเลสด นำปูทะเลขนาดใหญ่ มามอบให้นายกฯ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับยิ้ม พร้อมกล่าวหยอกล้อว่า "ให้กินปูเลยหรือ ขอบคุณมาก" นอกจากนี้ นายกฯ ยังร่วมเต้นเพลง Chicken dance ซึ่งเป็นเพลงที่แม่ค้าใช้ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสนุกสนาน