xs
xsm
sm
md
lg

พระเอก ‘ทรัมป์’ จะตกม้าตายหรือไม่...?

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

<b>โดนัลด์ ทรัมป์</b>
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นจุดสนใจของสื่อมวลชนทั่วโลกช่วงที่กำลังเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว ป่าวร้องว่าต้องการเชื่อมต่อความพยายามสร้างสันติภาพยั่งยืนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิสราเอลและชาติมุสลิม

ถ้าต้องประเมินผลโดยรวม ยังไม่แน่ใจว่าผลเชิงบวกและลบอย่างไหนจะมากกว่ากัน เพราะทรัมป์ต้องการสมานรอยร้าวกับกลุ่มมุสลิมนิกายซุนหนี่ แต่ก็ขยายรอยร้าวกับมุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งนำโดยอิหร่าน และทรัมป์แสดงตนชัดเจนว่ามองอิหร่านเป็นคู่ปฏิปักษ์ด้วย

เป้าหมายของทรัมป์ในการเยือนตะวันออกกลาง โดยเลือกซาอุดีอาระเบีย เป็นจุดแรกก็เพื่อสมานแผลระหว่างตัวเองกับชาวมุสลิม หลังจากได้กล่าวร้ายต่างๆ ต่อชาวมุสลิม รวมทั้งมีทัศนคติเชิงลบอันเป็นผลมาจากการก่อการร้าย สงครามยืดเยื้อในตะวันออกกลาง

ทรัมป์ได้เคยประกาศมาตรการเข้มงวดในการออกวีซ่าห้ามชาวมุสลิมจากหลายประเทศเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ แต่โดนคำสั่งศาลในสหรัฐฯ ยกเลิกประกาศ ทำให้เสียฟอร์มไปไม่น้อย จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีหลายเรื่องเพราะพลังอิทธิพลของกลุ่มอำนาจแฝงเร้น

ความพยายามอี๋อ๋อกับซาอุดีอาระเบียก็ได้รับการตอบสนองอย่างดียิ่ง ผู้นำซาอุฯ ได้ปูพรมแดงต้อนรับทรัมป์แบบอภิมหาวีไอพี ซึ่งทรัมป์ก็ได้ตักตวงผลประโยชน์อย่างเต็มที่ด้วยข้อตกลงขายอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยมูลค่า 110 พันล้านดอลลาร์ให้กองทัพซาอุฯ

นั่นเป็นการทดแทนอาวุธที่ถูกใช้ไปเพราะกองทัพซาอุฯ และพันธมิตรชาติมุสลิมเพื่อนบ้านใกล้เคียงเข้าไปร่วมทำสงครามกับเยเมน ทำให้บ้านเมืองแทบล่มสลาย ผู้คนบาดเจ็บตายเป็นเบือ อดอยากแร้นแค้น ฆ่าไม่เลือกโดยผู้บุกรุกเพราะเยเมนอยู่ข้างอิหร่าน

กบฏฮูตีซึ่งนับถือนิกายชีอะห์ได้เข้ากุมอำนาจในเยเมน ทำให้ซาอุฯ และกลุ่มประเทศมุสลิมซุนหนี่เกรงว่าสถานการณ์อาจแพร่กระจายเข้าสู่ประเทศใกล้เคียง สร้างปัญหาความมั่นคง ทำให้ตัดสินใจเปิดสงครามเต็มรูปแบบ รุกรานเยเมนโดยเปิดเผย

นึกว่าจะเผด็จศึกอย่างง่ายดาย แต่กบฏฮูตีสู้ไม่ถอย สร้างความเสียหายให้กำลังพลรบของซาอุฯ และพันธมิตรได้ไม่น้อย ทำให้ซาอุฯ ต้องเสียหน้ามาก เพราะมีกำลังทหาร กำลังอาวุธเหนือกว่าฝ่ายกบฏเทียบกันไม่ติด แต่ก็ยังไม่สามารถพิชิตศึกได้ตามที่ต้องการ

แม้ซาอุฯ และพันธมิตรจะไม่เป็นศัตรูโดยตรงกับอิสราเอล ก็ยังเป็นปัญหาในความพยายามสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มชนชาติปาเลสไตน์ เพราะซาอุฯ และพวกยังสนับสนุนปาเลสไตน์ให้มีสภาพเป็นรัฐ ไม่ชอบใจที่อิสราเอลมุ่งขยายพื้นที่ครอบครอง

ทรัมป์สมประโยชน์เป็นอย่างมากในการเยือนซาอุฯ นอกจากการขายอาวุธทันสมัยแล้ว ยังยินดีที่นักลงทุนซาอุฯ จะไปลงทุนในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าการลงทุนเกิน 100 พันล้านเหรียญสหรัฐนอกเหนือจากการขายน้ำมันดิบตามปกติ

อิสราเอลแสดงอาการไม่พอใจทรัมป์ในการตกลงขายอาวุธให้ซาอุฯ ทำให้ทรัมป์ต้องประกาศว่าอะไรก็ตามที่สหรัฐฯ ขายให้ประเทศอื่นๆ อิสราเอลย่อมมีโอกาสได้เข้าถึงเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าการค้าขายทำให้สหรัฐฯ ได้ประโยชน์นั้น ไม่เลือกหรือจำกัดลูกค้า

อิสราเอลถือว่าเป็นพันธมิตรอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ได้ซื้ออาวุธทันสมัยจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างดุลยภาพและศักยภาพในขีดความสามารถป้องกันประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับยุครัฐบาลโอบามาง่อนแง่นทำให้ทรัมป์ต้องเร่งฟื้นฟู

คนรัฐบาลอิสราเอลไม่ชอบขี้หน้าทรัมป์ก็เยอะ ก่อนจะไปถึงอิสราเอล รัฐมนตรีหลายคนไม่อยากไปพบต้อนรับทรัมป์ ร้อนถึงนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ต้องขอร้องให้ช่วยกันไปพบปะคณะทรัมป์ ต้อนรับขับสู้ด้วยความเต็มใจในฐานะมิตร

สาเหตุหนึ่งของความเหม็นหน้าทรัมป์เป็นเพราะความปากพล่อย ยิ่งคนในวงการข่าวกรองด้วยแล้ว ยิ่งไม่พอใจเมื่อทรัมป์เอาข่าวกรอง ข้อมูลลับซึ่งหน่วยสืบราชการลับอิสราเอลหามาได้ด้วยความยากลำบาก แต่ทรัมป์กลับไปเล่าให้คณะรัสเซียรู้เรื่องหมด

อิสราเอลอยู่รอดมาได้จนทุกวันนี้ท่ามกลางศัตรูเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บในตะวันออกกลางเพราะมีหน่วยข่าวกรองชั้นสุดยอดคือ “มอสสาด” หรับงานข่าวกรองสากล และหน่วย “ชินเบธ” ซึ่งดูแลเรื่องงานมั่นคงภายใน เมื่อทรัมป์ปากโป้ง ทำให้เสี่ยงจนเกิดความเสียหาย

การเยือนชาติอาหรับนับถือนิกายซุนหนี่จึงถูกมองว่าเป็นมาตรการโดดเดี่ยวอิหร่าน การพูดเรื่องนโยบายและจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อผู้นำมุสลิมจาก 50 ประเทศเท่ากับว่าสหรัฐฯ ปรับเปลี่ยนท่าทีมุมมอง เลือกจะไม่คบกับอิหร่านซึ่งถูกมองว่าสนับสนุนการก่อการร้าย

ผู้นำอิหร่านซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีมาหมาดๆ “ฮัสซัน รูฮานี” บอกว่าการที่ทรัมป์ไปวางก้ามเขื่องโขในการเยือนซาอุฯ นั้นเป็นเพียงการ “โชว์ฟอร์ม” เท่านั้น และอิหร่านเองก็ไม่ได้หวังอะไรมากจากทรัมป์เพราะมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับอิหร่านอยู่แล้ว

จากนี้ไปคงเห็นการแบ่งค่ายมุสลิมชัดเจนโดยทรัมป์เป็นตัวประกอบชูโรงอาศัยผลประโยชน์เป็นตัวนำ แต่การจะไปไล่บี้อิหร่านก็ไม่ง่ายเพราะอิหร่านมีพวกคือรัสเซียและจีน รวมทั้งชาติอื่นๆ ซึ่งไม่ได้มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับอิหร่าน ทรัมป์เองจะรอดได้นานหรือไม่

ขณะที่ทำตัวเป็นพระเอกในต่างประเทศ นักการเมืองพรรครีพับลิกันเริ่มถอยออกห่างจากทรัมป์อันเนื่องจากปัญหาที่ทรัมป์คิดเอง ทำเองกรณีไล่เจมส์ โคมีย์ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ จนเกิดวิกฤตร้ายแรงอาจสาหัสเท่าคดีวอเตอร์เกตก็ได้

เรื่องร้อนๆ สำหรับทรัมป์คือโคมีย์จะไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา การสืบสวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนในก๊วนทรัมป์กับรัสเซีย การขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและการสอบสวนประเด็นอื่นๆ ต่อเนื่องจากเรื่องฉาวโฉ่ที่เป็นอยู่

บทบาทพระเอกที่ทรัมป์เล่นอยู่อาจเป็นเพียงซ่อนอาการปากกล้าขาสั่นเท่านั้น!
กำลังโหลดความคิดเห็น