1. กล่าวนำ
หลังจาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งด้วยจำนวนตัวแทนผู้ออกเสียงเลือกตั้งเท่ากับ 304 (จาก
https://en.wikipedia.org/wiki/United_States_presidential_election,_2016) ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนตัวแทนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 538 ตัวแทนคือ มากกว่า 269 ตัวแทนและได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2017 ที่ผ่านมา (ดังในภาพที่ 1)
ภาพที่ 1 Donald Trump สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา*

*ภาพจาก http://www.ilfoglio.it/esteri/2017/01/20/news/usa-trump-discorso-inaugurazione-insediamento-originale-presidente-116198/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อ Donald Trump ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเริ่มต้นการบริหารประเทศ Trump จะมีภารกิจสำคัญสองประการที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนประการแรก คือ การเสนอรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งต่างๆ ทดแทนบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตรัฐบาล Obama เพื่อมาทำหน้าที่ในการบริหารกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภารกิจประการต่อมา คือ การออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Orders) เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานต่างๆ นำไปปฏิบัติตามและการเสนอร่างกฎหมายต่างๆ (เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร) ซึ่งจะมาจากคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ Trump ได้เสนอต่อประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี (ในปี 2016 ที่ผ่าน) เพื่อให้สภาพิจารณาอนุมัติผ่านให้ฝ่ายบริหารนำไปดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ดี ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแนวทางการบริหารรัฐบาลของ Trump และบุคคลสำคัญบางคนที่อยู่ในรัฐบาลเพื่อเป็นการเริ่มต้นก่อนที่กล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Trump ในตอนต่อไป
2. บุคคลที่ Trump เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและในหน่วยงานต่างๆ
2.1รายชื่อบุคคลในคณะรัฐมนตรีของ Trump ในภาพที่ 2 และภาพที่ 3*
ภาพที่ 2 Cabinet members บุคคลในคณะรัฐมนตรี


ภาพที่ 3 Cabinet-level officials เจ้าหน้าที่ระดับสูง (เทียบเท่ารัฐมนตรี)

Source : Trump Administration and NPR
* https://en.wikipedia.org/wiki/Formation_of_Donald_Trump%27s_cabinet ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ในภาพที่ 2 และภาพที่ 3 ดาวสีแดง หมายถึง เป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ หรือเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือรู้จักกับ Donald Trump มาก่อนซึ่งจะมีข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
(1) Mike Penceรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ตัวแทนของ Trump ในการลงพื้นที่)
Mike Pence เกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 1959 ที่ โคลัมบัส รัฐอินเดียนา แต่งงานแล้วกับ Karen Batten มีบุตรด้วยกัน 3 คน จบปริญญาตรีที่วิทยาลัย Hanover และจบกฎหมายที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา Indiana University Robert H. McKinney School of Law
ชีวิตทางการเมือง ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภา Congress ตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2013 และได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐอินเดียนาในปี 2013 – 2016 ต่อมาได้ลงสมัครในฐานะรองประธานาธิบดีของ Trump และได้รับเลือกเข้ามาในฐานะรองประธานาธิบดีคนที่ 48 และล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจาก Trump ให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตในการเลือกตั้งที่ผ่านมา (ปี 2016)
(2) Jeff Sessionsอัยการสูงสุด Attorney General รับผิดชอบดูแล กระทรวงยุติธรรม
Jeff Sessions เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 1946 ที่ Selma รัฐ Alabama มีชื่อเต็มว่า Jefferson Beauregard “Jeff” Sessions III จบการศึกษาที่ University of Alabama School of Law ในปี 1969
Jeff Sessions เป็นนักกฎหมายและนักการเมือง ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2017 Jeff Sessions ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับ Trump โดยเป็นบุคคลรายต้นๆ ที่ประกาศให้การสนับสนุน Trump ตั้งแต่เริ่มการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน จนกระทั่ง Trump ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ดูภาพที่ 4
ภาพที่ 4 Jeff Sessions ช่วยTrump หาเสียงที่รัฐ Alabama

*http://yellowhammernews.com/politics-2/trump-consider-sessions-vpขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(3) ReincePriebus หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว Chief of Staff
ReincePriebus เกิดเมื่อ: 18 มีนาคม 2515 ที่โดเวอร์รัฐนิวเจอร์ซีย์, อเมริกาจบปริญญาตรีที่ University of Wisconsin, Whitewater (BA) และจบการศึกษากฎหมายที่ University of Miami (JD) แต่งงานกับ Sally Sherrow และมีบุตรด้วยกันสองคน
ในเดือนมกราคมปี 2011 Priebus ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง Chairman of the Republican National Committee ต่อจาก Michael Steele และได้บริหารพรรครีพับลิกันจนทำให้หนี้สินของพรรคหมดไปในปี 2012 และด้วยผลงานนี้ Priebus จึงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้อีกในปี 2013
Priebus มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Paul Ryan (ดูภาพที่ 5) ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสภา Congress (ในปัจจุบัน) Priebus ได้ประกาศรับรอง Trump เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน และได้มีส่วนอย่างสำคัญในการสนับสนุนการหาเสียงของ Trump จนกระทั่ง Trump ชนะการเลือกตั้ง
ภาพที่ 5 ครอบครัว ReincePriebus กับ Paul Ryan*

*https://en.wikipedia.org/wiki/File:U.S._Republican_Party_of_Wisconsin_Chairman_Reince_Priebus,_his_wife_Sally,_and_Congressman_Paul_Ryan_in_2008.jpgขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(4) Elaine Chao รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม
Elaine Chao เกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 1953 ที่กรุงไทเป ไต้หวัน ต่อมาได้อพยพตามบิดามารดาคือ James S.C. Chao, และ Ruth Mulan Chu Chaoเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเด็ก Chao จบปริญญาตรีที่ Mount Holyoke College (1975) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจที่ Harvard Business School มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1979 ในช่วงที่ศึกษาที่ฮาร์วาร์ด Chao ได้รับเลือกเป็น class officer and class marshall หลังจากนั้นจึงได้แต่งงานกับ Mitch McConnell (ปัจจุบันเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของสหรัฐฯ) ในปี 1993 ดูภาพที่ 6
ภาพที่ 6 Elaine Chaoไปช่วย Mitch McConnell หาเสียง*

* http://heavy.com/news/2014/10/mitch-mcconnell-wife-elaine-chao-age-bio-nationality/
ในด้านเอกชน Chao มีประสบการณ์การทำงานหลายด้าน โดยได้เคยทำงานกับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง เช่น Bank of America, Citicorp และยังได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารของ United Way of America นานถึง 4 ปีอีกด้วย
สำหรับในด้านการเมือง Chao ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแรงงาน และเป็นรัฐมนตรีคนเดียวในรัฐบาลของ George W. Bush ที่อยู่ในตำแหน่งนาน 8 ปีตั้งแต่ปี 2001 จนถึง 2009 คือ ครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี George W. Bush
(5) Wilbur Ross รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ United States Secretary of Commerce
Wilbur Ross เกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 1937 ที่ Weehawken รัฐ New Jersey มีชื่อเต็มว่า Wilbur Louis Ross Jr.Ross ได้รับการศึกษาที่ Yale University, Harvard Business School, Harvard University มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ และนักลงทุนโดยมีทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดประมาณ 25,000 ล้านเหรียญ (จากการประมาณโดย Forbe) แต่งงานมาแล้วสามครั้งและมีบุตรสาวหนึ่งคน
Ross ได้ให้การสนับสนุนการลงสมัครรับเลือกตั้งของ Trump มาตั้งแต่ช่วงต้นๆของการแข่งขันเพื่อรับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันคาดว่า Ross ไม่เพียงจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนรายใหญ่ที่ช่วยในการหาเสียงของ Trump เท่านั้น แต่ยังได้ใช้สายสัมพันธ์ทางธุรกิจของตนเอง ชวนกลุ่มธุรกิจต่างๆ ให้บริจาคเงินช่วยเหลือและสนับสนุนการหาเสียงของ Trump อีกด้วย
ภาพที่ 7 Trump กับ Ross*

*https://www.bostonglobe.com/news/nation/2016/11/24/wilbur-ross-billionaire-investor-said-trump- ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
2.2 รายชื่อบุคคลที่เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองหรือบุคคลที่ใกล้ชิด Trump*
ภาพที่ 8 บุคคลที่ใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของ Donald Trump

ในภาพที่ 8 จะมีสองส่วนกลุ่มบุคคลในรูปภาพนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิด เป็นบุตรเขย เป็นบุตรสาว หรือเป็นบุคคลที่เคยร่วมอยู่ในทีมหาเสียงของ Trump ในระหว่างการหาเสียงในปี 2016
นอกจาก ReincePriebus ที่ได้กล่าวไปแล้วยังมี Stephen K. Bannon ซึ่งเคยรับราชการเป็นทหารเรือ เป็นอดีตสื่อมวลชนฝ่ายขวา (ที่มีแนวความคิดว่า ผลประโยชน์ของชาวอเมริกันต้องมาก่อน) และยังได้ทำหน้าที่ประธานคณะทำงานหาเสียงของ Trump เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดนโยบายต่างๆ ของ Trump เช่น การห้ามคนมุสลิมจาก 6 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
คนถัดมาคือ Jared Kushner (ดูภาพที่ 9) เป็นอเมริกันเชื้อสายยิวจบการศึกษาจาก Harvard ดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว มีบทบาทสำคัญใกล้เคียงกับ Bannon แต่ได้รับความไว้วางใจจาก Trump เป็นอย่างมากเพราะเป็นลูกเขยของ Trump โดย Kushner ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทำหน้าที่ในการประสานงานกับประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง ก่อนที่ Trump จะเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางในวันที่ 19 พ.ค.นี้ (2017)
ภาพที่ 9 Jared Kushnerกับ Ivanka Trump*

* http://edition.cnn.com/2016/12/05/politics/ivanka-trump-jared-kushner-dc-move/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
บุคคลสำคัญอื่นๆ เช่น Kellyanne Conway อดีตผู้จัดการหาเสียงคนล่าสุดของ Trump ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและโฆษกส่วนตัวของ Trump ซึ่งมักจะออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ แทน Trump, Ivanka Trump ลูกสาวคนโตของ Trump ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของ White House ซึ่งอาจเปรียบได้กับที่ปรึกษาส่วนตัวของ Trump และยังมีหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสตรีอีกด้วย, Donald McGahn อดีตที่ปรึกษากฎหมายของทีมหาเสียงหาเสียงเลือกตั้ง ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของทำเนียบขาวและบุคคลอื่นๆ ตามที่ระบุในภาพที่ 8
3. รูปแบบการบริหารงานรัฐบาลเชิงธุรกิจของ Trump
3.1 การใช้ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการในการบริหารงานเพื่อความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
ภาพที่ 10 ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ

การที่ Trump แต่งตั้ง ReincePriebus ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวและ Elaine Chao ให้ดำรงตำแหน่ง รมต.กระทรวงคมนาคมจะทำให้Trump ไม่เพียงจะได้บุคคลที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ในการบริหารงานมาทำหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น แต่ Trump ยังได้บุคคลที่มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญทั้งในสภา Congress และวุฒิสภาอีกด้วย
ในภาพที่ 10 ReincePriebus มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับ Paul Ryan ซึ่งเป็นประธานสภา Congress อาจช่วยให้การประสานงานระหว่างทำเนียบขาวกับสภาผู้แทน Congress มีความใกล้ชิดและมีความเข้าใจกันดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การเสนอร่างกฎหมายต่างๆ ให้สภาพิจารณา หรือการทำงานร่วมกับสภาผู้แทนจะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีและสะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับ Elaine Chao ก็เช่นกัน Chao เป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์การทำงานทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมานานที่สำคัญคือ เป็นภรรยาของ Mitch McConnellซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาที่มีบทบาทในการชี้นำ และมีบารมีส่วนตัวที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ ดังนั้น Trump จึงอาจใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง Chao กับ Mitch McConnell เป็นช่องทางในการสื่อสารวัตถุประสงค์ และนโยบายของฝ่ายบริหารผ่านไปยังวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายบริหารกับวุฒิสภาเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการในการดำเนินนโยบายของ Trump นั่นเอง
3.2 การมอบภารกิจสำคัญที่เป็นนโยบายของ Trump เพื่อมุ่งให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
หลังจากที่ Trump ได้สรรหาและคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ แล้ว Trump ยังได้มอบภารกิจสำคัญที่เป็นนโยบายเร่งด่วนที่มาจากการหาเสียงของ Trump ให้บุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการอย่างเร่งด่วนอีกด้วย ดังตัวอย่างในภาพที่ 11
ภาพที่ 11 ตัวอย่างการมอบภารกิจสำคัญของ Trump

ในภาพที่ 11 จะระบุถึงตัวอย่างที่ Trump ได้มอบภารกิจสำคัญให้บุคคลต่างๆรับผิดชอบดำเนิน เช่น
(1) เรื่องการปฏิรูประบบภาษีที่ Trump ได้หาเสียงต่อชาวอเมริกันว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ก็จะนำเรื่องการปฏิรูประบบภาษีมาเป็นนโยบายหนึ่งในการบริหารประเทศ ดังนั้น Trump จึงได้มอบให้ รมต.กระทรวงคลัง นาย Steven Mnuchin เป็นบุคคลหลักรับผิดชอบในการร่างแผนการปฏิรูประบบภาษี เพื่อนำเสนอต่อสภาเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
(2) การตรวจสอบผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย และรวมทั้งการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนบริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของนายพล (นอกราชการ) John F. Kelly รมต.กระทรวงรักษาความมั่นคงมาตุภูมิ หรือ Homeland Security ซึ่งในเรื่องคนต่างด้าวหลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ Trump เป็นประธานาธิบดีจะมีสถิติการจับกุมคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองลดลงประมาณ 44% (ดูภาพที่ 12) ส่วนเรื่องการจัดสร้างกำแพงกั้นชายแดนกำลังอยู่ในช่วงของการจัดทำรูปแบบและเสนอของบประมาณ
ภาพที่ 12 สถิติการจับกุมผู้หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกา ชายแดนเม็กซิโกลดลง*

* http://www.bbc.com/news/world-us-canada-38663043 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
และจากการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ Trump เข้ามาบริหารประเทศ ได้ส่งผลทำให้มีการจ้างงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นมากกว่าสองแสนคน (คาดว่า คงจะทดแทนแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย) ดูสถิติในภาพที่ 13
ภาพที่ 13 สถิติการจ้างงาน ก.พ. 2017

*https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-03-10/u-s-jobs-wages-show-solid-gains-in-trump-s-first-full-month ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(3) เรื่องการปฏิรูประบบสุขภาพ ฝ่ายบริหารของ Trump ได้ร่วมมือกับ Paul Ryan ประธานสภา Congress จัดทำร่างระบบสุขภาพ Health Care Act เสนอผ่านสภา Congress แล้ว และได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป (ดูhttps://tax.thomsonreuters.com/media-resources/news-media-resources/checkpoint-news/daily-newsstand/2017-health-care-reform-house-passes-american-heath-care-act/)
(4) เรื่องการเจรจาแก้ไขข้อตกลง NAFTA ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นสมาชิกนั้น กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ โดย Robert Lighthizer (ในภาพที่ 14) ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ได้พบกับสมาชิกสภาผู้แทน เพื่อปรึกษาหาทางในการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ในประเด็นการค้าต่างๆ และรวมทั้งแนวความคิดในการทำให้ NAFTA ทันสมัยยิ่งขึ้น
ภาพที่ 14 Robert Lighthizer

*ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.usnews.com/news/articles/2017-05-16/robert- lighthizer-meets-with-lawmakers-heralding-possible-nafta-tweaks ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
สำหรับปัญหาการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ, ปัญหาความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง, ปัญหาการก่อการร้าย, ปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS), นโยบายการพัฒนาระบบการคมนาคมภายในประเทศสหรัฐอเมริกา, นโยบายการพัฒนาระบบการศึกษา, นโยบายการพัฒนากองทัพ, การกำหนดมาตรการลดการขาดดุลการค้ากับประเทศจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ และปัญหาอื่นๆ ที่รัฐบาลของ Trump จะต้องหาทางแก้ไข ผู้เขียนจะขอนำเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาไปเขียนในบทความตอนต่อไป
3.3 การใช้ tweeter หรือเทคนิคการสื่อสารอื่นๆ เพื่อติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรง
การที่ Trump ซึ่งไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่เป็นนักธุรกิจได้รับเลือกจากประชาชนให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและการที่ Trump มักจะถูกกล่าวหา และตำหนิติเตียนจากกลุ่มสื่อสารมวลชนที่มีความรู้สึกต่อต้าน และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับTrump จำนวนมาก เช่น สำนักข่าว CNN, หนังสือพิมพ์ New York Time, และหนังสือพิมพ์ Washington Post เป็นต้น ได้ทำให้ Trump จำเป็นต้องหันไปใช้ช่องทางอื่นในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เพราะไม่เชื่อว่า สื่อมวลชนที่มีขนาดใหญ่ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Trump จะรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมานั่นเอง
ช่องทางที่ Trump ใช้สื่อสารข่าวสาร และความคิดเห็นของตนไปยังชาวอเมริกัน เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวและตอบโต้สื่อมวลชนอื่นๆ หรือบุคคลฝ่ายตรงข้ามคือ การใช้ tweeter ดังตัวอย่างเช่น
(1) การส่งข้อความของ Trump ไปยังชาวอเมริกันก่อนออกเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบีย*
Getting ready for my big foreign trip.
Will be strongly protecting American interests – that's what I like to do!
(2) การส่งข้อความต้อนรับประธานาธิบดีโคลอมเบียJuan Manuel Santos18 พ.ค. 2017*
A great honor to welcome President Juan Manuel Santos of Colombia to the White House today! 🇴 Joint Press Conf
ภาพที่ 15 Trump กับประธานาธิบดี Santos*

* https://mobile.twitter.com/realDonaldTrump/status/865337513245913089?p=v
4. บทสรุป
แม้ Trump จะเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้เพียงประมาณ 5 เดือนเท่านั้น (รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา) และยังถูกต่อต้านจากนักการเมือง สื่อสารมวลชน และกลุ่มประชาชนฝ่ายต่อต้าน แต่ผลงานจากการทำงานของ Trump กลับชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้า และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายมีจำนวนลดน้อยลง บริษัท (สัญชาติสหรัฐฯ) ไม่ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น จึงเป็นผลให้มีการจ้างแรงงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ เมื่อประชาชนรายได้เพิ่ม ก็จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นด้วยรัฐบาลก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีรายได้และภาษีอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ Trump มีคำสั่งปลด James Comey (ดูภาพที่ 16) ออกจากตำแหน่ง Trump ก็ถูกนักการเมืองและสื่อมวลชนฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่า Trumpต้องการขัดขวางกระบวนสอบสวนของ FBI และยังนำข้อมูลลับไปแลกเปลี่ยนกับ รมต.ต่างประเทศรัสเซีย ในช่วงที่เข้าพบ Trump ที่ทำเนียบขาวอีกด้วย และแม้จะยังไม่มีการสืบสวนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ก็มีนักการเมืองและสื่อมวลชนบางกลุ่มต้องการขยายผลเพื่อนำไปสู่การพิจารณาและลงมติปลด Trump ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีให้ได้ (Impeachment) ดังนั้น ในบทความตอนต่อไป ผู้เขียนจะขอนำกรณีการปลด ผอ.FBI และเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาศึกษา และแสดงความคิดเห็นให้ผู้อ่านที่สนใจได้รับทราบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลายๆ ท่านกำลังให้ความสนใจและสอบถามกันมา
ภาพที่ 16 James Comey อดีต ผอ.FBI*

*มาจาก http://www.kusi.com/story/35386902/president-trump-fires-fbi-director-james-comey
ท้ายบทความ
ขอฝากคำพูดไปยังหัวหน้า คสช. และท่านนายกรัฐมนตรีว่า การกระทำของท่านจะดังก้องกว่าคำพูดของท่าน Your actions speak louder than your words.
หลังจาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งด้วยจำนวนตัวแทนผู้ออกเสียงเลือกตั้งเท่ากับ 304 (จาก
https://en.wikipedia.org/wiki/United_States_presidential_election,_2016) ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนตัวแทนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด 538 ตัวแทนคือ มากกว่า 269 ตัวแทนและได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2017 ที่ผ่านมา (ดังในภาพที่ 1)
ภาพที่ 1 Donald Trump สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา*
*ภาพจาก http://www.ilfoglio.it/esteri/2017/01/20/news/usa-trump-discorso-inaugurazione-insediamento-originale-presidente-116198/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
เมื่อ Donald Trump ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเริ่มต้นการบริหารประเทศ Trump จะมีภารกิจสำคัญสองประการที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนประการแรก คือ การเสนอรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งต่างๆ ทดแทนบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตรัฐบาล Obama เพื่อมาทำหน้าที่ในการบริหารกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภารกิจประการต่อมา คือ การออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Orders) เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานต่างๆ นำไปปฏิบัติตามและการเสนอร่างกฎหมายต่างๆ (เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร) ซึ่งจะมาจากคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ Trump ได้เสนอต่อประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี (ในปี 2016 ที่ผ่าน) เพื่อให้สภาพิจารณาอนุมัติผ่านให้ฝ่ายบริหารนำไปดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ดี ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแนวทางการบริหารรัฐบาลของ Trump และบุคคลสำคัญบางคนที่อยู่ในรัฐบาลเพื่อเป็นการเริ่มต้นก่อนที่กล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Trump ในตอนต่อไป
2. บุคคลที่ Trump เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีและในหน่วยงานต่างๆ
2.1รายชื่อบุคคลในคณะรัฐมนตรีของ Trump ในภาพที่ 2 และภาพที่ 3*
ภาพที่ 2 Cabinet members บุคคลในคณะรัฐมนตรี
ภาพที่ 3 Cabinet-level officials เจ้าหน้าที่ระดับสูง (เทียบเท่ารัฐมนตรี)
Source : Trump Administration and NPR
* https://en.wikipedia.org/wiki/Formation_of_Donald_Trump%27s_cabinet ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ในภาพที่ 2 และภาพที่ 3 ดาวสีแดง หมายถึง เป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ หรือเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์หรือรู้จักกับ Donald Trump มาก่อนซึ่งจะมีข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
(1) Mike Penceรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ตัวแทนของ Trump ในการลงพื้นที่)
Mike Pence เกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 1959 ที่ โคลัมบัส รัฐอินเดียนา แต่งงานแล้วกับ Karen Batten มีบุตรด้วยกัน 3 คน จบปริญญาตรีที่วิทยาลัย Hanover และจบกฎหมายที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา Indiana University Robert H. McKinney School of Law
ชีวิตทางการเมือง ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภา Congress ตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2013 และได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐอินเดียนาในปี 2013 – 2016 ต่อมาได้ลงสมัครในฐานะรองประธานาธิบดีของ Trump และได้รับเลือกเข้ามาในฐานะรองประธานาธิบดีคนที่ 48 และล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจาก Trump ให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตในการเลือกตั้งที่ผ่านมา (ปี 2016)
(2) Jeff Sessionsอัยการสูงสุด Attorney General รับผิดชอบดูแล กระทรวงยุติธรรม
Jeff Sessions เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 1946 ที่ Selma รัฐ Alabama มีชื่อเต็มว่า Jefferson Beauregard “Jeff” Sessions III จบการศึกษาที่ University of Alabama School of Law ในปี 1969
Jeff Sessions เป็นนักกฎหมายและนักการเมือง ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2017 Jeff Sessions ได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับ Trump โดยเป็นบุคคลรายต้นๆ ที่ประกาศให้การสนับสนุน Trump ตั้งแต่เริ่มการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน จนกระทั่ง Trump ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ดูภาพที่ 4
ภาพที่ 4 Jeff Sessions ช่วยTrump หาเสียงที่รัฐ Alabama
*http://yellowhammernews.com/politics-2/trump-consider-sessions-vpขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(3) ReincePriebus หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว Chief of Staff
ReincePriebus เกิดเมื่อ: 18 มีนาคม 2515 ที่โดเวอร์รัฐนิวเจอร์ซีย์, อเมริกาจบปริญญาตรีที่ University of Wisconsin, Whitewater (BA) และจบการศึกษากฎหมายที่ University of Miami (JD) แต่งงานกับ Sally Sherrow และมีบุตรด้วยกันสองคน
ในเดือนมกราคมปี 2011 Priebus ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง Chairman of the Republican National Committee ต่อจาก Michael Steele และได้บริหารพรรครีพับลิกันจนทำให้หนี้สินของพรรคหมดไปในปี 2012 และด้วยผลงานนี้ Priebus จึงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้อีกในปี 2013
Priebus มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Paul Ryan (ดูภาพที่ 5) ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสภา Congress (ในปัจจุบัน) Priebus ได้ประกาศรับรอง Trump เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน และได้มีส่วนอย่างสำคัญในการสนับสนุนการหาเสียงของ Trump จนกระทั่ง Trump ชนะการเลือกตั้ง
ภาพที่ 5 ครอบครัว ReincePriebus กับ Paul Ryan*
*https://en.wikipedia.org/wiki/File:U.S._Republican_Party_of_Wisconsin_Chairman_Reince_Priebus,_his_wife_Sally,_and_Congressman_Paul_Ryan_in_2008.jpgขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(4) Elaine Chao รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม
Elaine Chao เกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 1953 ที่กรุงไทเป ไต้หวัน ต่อมาได้อพยพตามบิดามารดาคือ James S.C. Chao, และ Ruth Mulan Chu Chaoเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเด็ก Chao จบปริญญาตรีที่ Mount Holyoke College (1975) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจที่ Harvard Business School มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1979 ในช่วงที่ศึกษาที่ฮาร์วาร์ด Chao ได้รับเลือกเป็น class officer and class marshall หลังจากนั้นจึงได้แต่งงานกับ Mitch McConnell (ปัจจุบันเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของสหรัฐฯ) ในปี 1993 ดูภาพที่ 6
ภาพที่ 6 Elaine Chaoไปช่วย Mitch McConnell หาเสียง*
* http://heavy.com/news/2014/10/mitch-mcconnell-wife-elaine-chao-age-bio-nationality/
ในด้านเอกชน Chao มีประสบการณ์การทำงานหลายด้าน โดยได้เคยทำงานกับสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียง เช่น Bank of America, Citicorp และยังได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารของ United Way of America นานถึง 4 ปีอีกด้วย
สำหรับในด้านการเมือง Chao ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแรงงาน และเป็นรัฐมนตรีคนเดียวในรัฐบาลของ George W. Bush ที่อยู่ในตำแหน่งนาน 8 ปีตั้งแต่ปี 2001 จนถึง 2009 คือ ครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี George W. Bush
(5) Wilbur Ross รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ United States Secretary of Commerce
Wilbur Ross เกิดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 1937 ที่ Weehawken รัฐ New Jersey มีชื่อเต็มว่า Wilbur Louis Ross Jr.Ross ได้รับการศึกษาที่ Yale University, Harvard Business School, Harvard University มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ และนักลงทุนโดยมีทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดประมาณ 25,000 ล้านเหรียญ (จากการประมาณโดย Forbe) แต่งงานมาแล้วสามครั้งและมีบุตรสาวหนึ่งคน
Ross ได้ให้การสนับสนุนการลงสมัครรับเลือกตั้งของ Trump มาตั้งแต่ช่วงต้นๆของการแข่งขันเพื่อรับเลือกเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันคาดว่า Ross ไม่เพียงจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนรายใหญ่ที่ช่วยในการหาเสียงของ Trump เท่านั้น แต่ยังได้ใช้สายสัมพันธ์ทางธุรกิจของตนเอง ชวนกลุ่มธุรกิจต่างๆ ให้บริจาคเงินช่วยเหลือและสนับสนุนการหาเสียงของ Trump อีกด้วย
ภาพที่ 7 Trump กับ Ross*
*https://www.bostonglobe.com/news/nation/2016/11/24/wilbur-ross-billionaire-investor-said-trump- ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
2.2 รายชื่อบุคคลที่เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองหรือบุคคลที่ใกล้ชิด Trump*
ภาพที่ 8 บุคคลที่ใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของ Donald Trump
ในภาพที่ 8 จะมีสองส่วนกลุ่มบุคคลในรูปภาพนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิด เป็นบุตรเขย เป็นบุตรสาว หรือเป็นบุคคลที่เคยร่วมอยู่ในทีมหาเสียงของ Trump ในระหว่างการหาเสียงในปี 2016
นอกจาก ReincePriebus ที่ได้กล่าวไปแล้วยังมี Stephen K. Bannon ซึ่งเคยรับราชการเป็นทหารเรือ เป็นอดีตสื่อมวลชนฝ่ายขวา (ที่มีแนวความคิดว่า ผลประโยชน์ของชาวอเมริกันต้องมาก่อน) และยังได้ทำหน้าที่ประธานคณะทำงานหาเสียงของ Trump เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดนโยบายต่างๆ ของ Trump เช่น การห้ามคนมุสลิมจาก 6 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
คนถัดมาคือ Jared Kushner (ดูภาพที่ 9) เป็นอเมริกันเชื้อสายยิวจบการศึกษาจาก Harvard ดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว มีบทบาทสำคัญใกล้เคียงกับ Bannon แต่ได้รับความไว้วางใจจาก Trump เป็นอย่างมากเพราะเป็นลูกเขยของ Trump โดย Kushner ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทำหน้าที่ในการประสานงานกับประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง ก่อนที่ Trump จะเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางในวันที่ 19 พ.ค.นี้ (2017)
ภาพที่ 9 Jared Kushnerกับ Ivanka Trump*
* http://edition.cnn.com/2016/12/05/politics/ivanka-trump-jared-kushner-dc-move/ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
บุคคลสำคัญอื่นๆ เช่น Kellyanne Conway อดีตผู้จัดการหาเสียงคนล่าสุดของ Trump ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและโฆษกส่วนตัวของ Trump ซึ่งมักจะออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ แทน Trump, Ivanka Trump ลูกสาวคนโตของ Trump ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของ White House ซึ่งอาจเปรียบได้กับที่ปรึกษาส่วนตัวของ Trump และยังมีหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสตรีอีกด้วย, Donald McGahn อดีตที่ปรึกษากฎหมายของทีมหาเสียงหาเสียงเลือกตั้ง ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของทำเนียบขาวและบุคคลอื่นๆ ตามที่ระบุในภาพที่ 8
3. รูปแบบการบริหารงานรัฐบาลเชิงธุรกิจของ Trump
3.1 การใช้ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการในการบริหารงานเพื่อความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
ภาพที่ 10 ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ
การที่ Trump แต่งตั้ง ReincePriebus ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวและ Elaine Chao ให้ดำรงตำแหน่ง รมต.กระทรวงคมนาคมจะทำให้Trump ไม่เพียงจะได้บุคคลที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ในการบริหารงานมาทำหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น แต่ Trump ยังได้บุคคลที่มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญทั้งในสภา Congress และวุฒิสภาอีกด้วย
ในภาพที่ 10 ReincePriebus มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับ Paul Ryan ซึ่งเป็นประธานสภา Congress อาจช่วยให้การประสานงานระหว่างทำเนียบขาวกับสภาผู้แทน Congress มีความใกล้ชิดและมีความเข้าใจกันดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การเสนอร่างกฎหมายต่างๆ ให้สภาพิจารณา หรือการทำงานร่วมกับสภาผู้แทนจะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีและสะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับ Elaine Chao ก็เช่นกัน Chao เป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์การทำงานทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมานานที่สำคัญคือ เป็นภรรยาของ Mitch McConnellซึ่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาที่มีบทบาทในการชี้นำ และมีบารมีส่วนตัวที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ ดังนั้น Trump จึงอาจใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง Chao กับ Mitch McConnell เป็นช่องทางในการสื่อสารวัตถุประสงค์ และนโยบายของฝ่ายบริหารผ่านไปยังวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายบริหารกับวุฒิสภาเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการในการดำเนินนโยบายของ Trump นั่นเอง
3.2 การมอบภารกิจสำคัญที่เป็นนโยบายของ Trump เพื่อมุ่งให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
หลังจากที่ Trump ได้สรรหาและคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ แล้ว Trump ยังได้มอบภารกิจสำคัญที่เป็นนโยบายเร่งด่วนที่มาจากการหาเสียงของ Trump ให้บุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการอย่างเร่งด่วนอีกด้วย ดังตัวอย่างในภาพที่ 11
ภาพที่ 11 ตัวอย่างการมอบภารกิจสำคัญของ Trump
ในภาพที่ 11 จะระบุถึงตัวอย่างที่ Trump ได้มอบภารกิจสำคัญให้บุคคลต่างๆรับผิดชอบดำเนิน เช่น
(1) เรื่องการปฏิรูประบบภาษีที่ Trump ได้หาเสียงต่อชาวอเมริกันว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ก็จะนำเรื่องการปฏิรูประบบภาษีมาเป็นนโยบายหนึ่งในการบริหารประเทศ ดังนั้น Trump จึงได้มอบให้ รมต.กระทรวงคลัง นาย Steven Mnuchin เป็นบุคคลหลักรับผิดชอบในการร่างแผนการปฏิรูประบบภาษี เพื่อนำเสนอต่อสภาเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
(2) การตรวจสอบผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย และรวมทั้งการสร้างกำแพงกั้นเขตแดนบริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของนายพล (นอกราชการ) John F. Kelly รมต.กระทรวงรักษาความมั่นคงมาตุภูมิ หรือ Homeland Security ซึ่งในเรื่องคนต่างด้าวหลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ Trump เป็นประธานาธิบดีจะมีสถิติการจับกุมคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองลดลงประมาณ 44% (ดูภาพที่ 12) ส่วนเรื่องการจัดสร้างกำแพงกั้นชายแดนกำลังอยู่ในช่วงของการจัดทำรูปแบบและเสนอของบประมาณ
ภาพที่ 12 สถิติการจับกุมผู้หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกา ชายแดนเม็กซิโกลดลง*
* http://www.bbc.com/news/world-us-canada-38663043 ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
และจากการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ Trump เข้ามาบริหารประเทศ ได้ส่งผลทำให้มีการจ้างงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นมากกว่าสองแสนคน (คาดว่า คงจะทดแทนแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย) ดูสถิติในภาพที่ 13
ภาพที่ 13 สถิติการจ้างงาน ก.พ. 2017
*https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-03-10/u-s-jobs-wages-show-solid-gains-in-trump-s-first-full-month ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
(3) เรื่องการปฏิรูประบบสุขภาพ ฝ่ายบริหารของ Trump ได้ร่วมมือกับ Paul Ryan ประธานสภา Congress จัดทำร่างระบบสุขภาพ Health Care Act เสนอผ่านสภา Congress แล้ว และได้ส่งเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป (ดูhttps://tax.thomsonreuters.com/media-resources/news-media-resources/checkpoint-news/daily-newsstand/2017-health-care-reform-house-passes-american-heath-care-act/)
(4) เรื่องการเจรจาแก้ไขข้อตกลง NAFTA ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นสมาชิกนั้น กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ โดย Robert Lighthizer (ในภาพที่ 14) ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ได้พบกับสมาชิกสภาผู้แทน เพื่อปรึกษาหาทางในการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ ในประเด็นการค้าต่างๆ และรวมทั้งแนวความคิดในการทำให้ NAFTA ทันสมัยยิ่งขึ้น
ภาพที่ 14 Robert Lighthizer
*ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.usnews.com/news/articles/2017-05-16/robert- lighthizer-meets-with-lawmakers-heralding-possible-nafta-tweaks ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
สำหรับปัญหาการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ, ปัญหาความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง, ปัญหาการก่อการร้าย, ปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS), นโยบายการพัฒนาระบบการคมนาคมภายในประเทศสหรัฐอเมริกา, นโยบายการพัฒนาระบบการศึกษา, นโยบายการพัฒนากองทัพ, การกำหนดมาตรการลดการขาดดุลการค้ากับประเทศจีน ญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ และปัญหาอื่นๆ ที่รัฐบาลของ Trump จะต้องหาทางแก้ไข ผู้เขียนจะขอนำเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาไปเขียนในบทความตอนต่อไป
3.3 การใช้ tweeter หรือเทคนิคการสื่อสารอื่นๆ เพื่อติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรง
การที่ Trump ซึ่งไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่เป็นนักธุรกิจได้รับเลือกจากประชาชนให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและการที่ Trump มักจะถูกกล่าวหา และตำหนิติเตียนจากกลุ่มสื่อสารมวลชนที่มีความรู้สึกต่อต้าน และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับTrump จำนวนมาก เช่น สำนักข่าว CNN, หนังสือพิมพ์ New York Time, และหนังสือพิมพ์ Washington Post เป็นต้น ได้ทำให้ Trump จำเป็นต้องหันไปใช้ช่องทางอื่นในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เพราะไม่เชื่อว่า สื่อมวลชนที่มีขนาดใหญ่ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Trump จะรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมานั่นเอง
ช่องทางที่ Trump ใช้สื่อสารข่าวสาร และความคิดเห็นของตนไปยังชาวอเมริกัน เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวและตอบโต้สื่อมวลชนอื่นๆ หรือบุคคลฝ่ายตรงข้ามคือ การใช้ tweeter ดังตัวอย่างเช่น
(1) การส่งข้อความของ Trump ไปยังชาวอเมริกันก่อนออกเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบีย*
Getting ready for my big foreign trip.
Will be strongly protecting American interests – that's what I like to do!
(2) การส่งข้อความต้อนรับประธานาธิบดีโคลอมเบียJuan Manuel Santos18 พ.ค. 2017*
A great honor to welcome President Juan Manuel Santos of Colombia to the White House today! 🇴 Joint Press Conf
ภาพที่ 15 Trump กับประธานาธิบดี Santos*
* https://mobile.twitter.com/realDonaldTrump/status/865337513245913089?p=v
4. บทสรุป
แม้ Trump จะเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้เพียงประมาณ 5 เดือนเท่านั้น (รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา) และยังถูกต่อต้านจากนักการเมือง สื่อสารมวลชน และกลุ่มประชาชนฝ่ายต่อต้าน แต่ผลงานจากการทำงานของ Trump กลับชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้า และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมายมีจำนวนลดน้อยลง บริษัท (สัญชาติสหรัฐฯ) ไม่ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น จึงเป็นผลให้มีการจ้างแรงงานชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น นั่นก็คือ เมื่อประชาชนรายได้เพิ่ม ก็จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นด้วยรัฐบาลก็จะมีรายได้จากการเก็บภาษีรายได้และภาษีอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณได้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ Trump มีคำสั่งปลด James Comey (ดูภาพที่ 16) ออกจากตำแหน่ง Trump ก็ถูกนักการเมืองและสื่อมวลชนฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่า Trumpต้องการขัดขวางกระบวนสอบสวนของ FBI และยังนำข้อมูลลับไปแลกเปลี่ยนกับ รมต.ต่างประเทศรัสเซีย ในช่วงที่เข้าพบ Trump ที่ทำเนียบขาวอีกด้วย และแม้จะยังไม่มีการสืบสวนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ก็มีนักการเมืองและสื่อมวลชนบางกลุ่มต้องการขยายผลเพื่อนำไปสู่การพิจารณาและลงมติปลด Trump ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีให้ได้ (Impeachment) ดังนั้น ในบทความตอนต่อไป ผู้เขียนจะขอนำกรณีการปลด ผอ.FBI และเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาศึกษา และแสดงความคิดเห็นให้ผู้อ่านที่สนใจได้รับทราบ เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลายๆ ท่านกำลังให้ความสนใจและสอบถามกันมา
ภาพที่ 16 James Comey อดีต ผอ.FBI*
*มาจาก http://www.kusi.com/story/35386902/president-trump-fires-fbi-director-james-comey
ท้ายบทความ
ขอฝากคำพูดไปยังหัวหน้า คสช. และท่านนายกรัฐมนตรีว่า การกระทำของท่านจะดังก้องกว่าคำพูดของท่าน Your actions speak louder than your words.