ผู้จัดการรายวัน360-"ศรีวราห์" สั่งเช็คกล้องวงจรปิด14 ตัว หาคนร้ายบึ้มหน้าโรงละครแห่งชาติ ได้ข้อมูลพอสมควร เผยวัตถุพยานบ่งชี้ คล้ายเหตุระเบิดปี 50 "ศานิตย์"คุยโวต้องทำทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ เป็น"เซฟตี้โซน"
วานนี้(18 พ.ค.)พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวน เหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้สนามหลวง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายว่า ได้สั่งการให้มีการรวบรวมพยาน หลักฐานให้รอบด้าน ครบถ้วนทุกมิติ ได้มีการไล่เช็กกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ 14 ตัว ซึ่งได้ข้อมูลมาพอสมควร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกได้เพียงว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุวางระเบิด เมื่อปี 50 ในพื้นที่กทม. ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพียงแต่วัตถุพยานบางอย่างในที่เกิดเหตุ บ่งชี้ว่าคล้ายกับเหตุการณ์ ปี 50 เท่านั้น และตัวบุคคลที่ก่อเหตุ จะเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ ตนไม่อยากพูด ขออย่านำไปโยงถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวน เชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุมีเป้าประสงค์เพื่อก่อกวน ไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต ซึ่งในการสืบสวนสอบสวนคดี ตนได้กำชับ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้ชี้แจงไปตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. แล้วว่า พบสารโพแทสเซียม มีการตั้งเวลาที่ตั้งไว้จุดชนวน 4-8 ชั่วโมง เบื้องต้นไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา 4 รายที่ตนไปรับตัวที่ บก.ป. เมื่อวันที้ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งให้เร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปราม และจับกุม
ส่วนความคืบหน้าคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณถังขยะ หน้ากองสลากเก่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันคดีมีความคืบหน้า แต่จะออกหมายจับได้เมื่อไร ยังไม่ยืนยัน เพราะกรณีนี้ไม่ได้เป็นความผิดซึ่งหน้า ก็ไม่ทราบว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีในชั้นนี้ มีน้ำหนักพอที่ศาลจะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่ เพราะเป็นเพียงการสืบสวน
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากไปตรวจที่เกิดเหตุแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน จนปราศจากข้อสงสัย จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ ชุด EOD ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส.บก.น.1 และสืบสวน สน.ชนะสงคราม กลับไปตรวจที่เกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง ในคืนเดียวกันจนพบชิ้นส่วนบางอย่าง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงถึงเหตุที่เกิดขึ้นได้ ชิ้นส่วนเหล่านี้อยู่กระจัดกระจาย บางชิ้นส่วนห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร หลังจากที่ได้เก็บพยานหลักฐานดังกล่าวแล้ว ก็ได้ส่งหลักฐานดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยัน ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอผลอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ผบก.น.1-9 กำหนดให้ภายในรัศมี 1 กม. ของพื้นที่สำคัญในเขตรับผิดชอบ ไม่เฉพาะบริเวณท้องสนามหลวงเท่านั้น ต้องทำให้ทุกที่ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone)ให้ได้ ซึ่งการทำให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ก็ต้องมีมาตรการเชิงรุกในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเพิ่มความเข้มในการจัดสายตรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ อาสาสมัคร รวมทั้งให้ประสานกทม. และภาคเอกชน ติดกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจับกุมคนร้าย และป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลใจ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิด ได้นำข้อมูลเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ หน้ากองสลากฯเก่า มาเทียบเคียงกับเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ โดยชุดสืบสวนได้ตั้งสมมติฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือคนร้ายรายเดียวกัน แนวทางการสืบสวนติดตามคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดหน้ากองสลากฯเก่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียงพบชายต้องสงสัย 2 คน เดินคู่กันไป เห็นเพียงข้างหลัง ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามแกะรอยผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้ระยะทางประมาณ 150 เมตร และไม่เห็นว่าผู้ต้องสงสัยหนีไปทางไหน แต่ตรวจสอบก็ยังไม่พบพาหนะที่คนร้ายใช้มาก่อเหตุ ชุดสืบสวนสันนิฐาน ว่า มือระเบิดอาจจะนั่งรถเมล์ นำระเบิดใส่กระเป๋าวางที่จุดเป้าหมาย เพื่อป้องกันตำรวจแกะรอย ติดตามจากยานพาหนะรถยนต์ หรือ รถจยย. สอดคล้องกับจุดเกิดเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เพราะอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ ท่าปล่อยรถเมล์ รวมทั้งมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย รวมทั้งคนร้ายต้องมาดูลาดเลาก่อนลงมือ เนื่องจากจุดที่วางระเบิดทั้ง 2 จุด เป็นจุดอับที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดอยู่บนรถเมล์เพื่อหาเบาะแสติดตามล่าตัวมือวางระเบิดไปป์บอมบ์ ทั้ง 2 คดี
วานนี้(18 พ.ค.)พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวน เหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ใกล้สนามหลวง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายว่า ได้สั่งการให้มีการรวบรวมพยาน หลักฐานให้รอบด้าน ครบถ้วนทุกมิติ ได้มีการไล่เช็กกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ 14 ตัว ซึ่งได้ข้อมูลมาพอสมควร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกได้เพียงว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุวางระเบิด เมื่อปี 50 ในพื้นที่กทม. ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพียงแต่วัตถุพยานบางอย่างในที่เกิดเหตุ บ่งชี้ว่าคล้ายกับเหตุการณ์ ปี 50 เท่านั้น และตัวบุคคลที่ก่อเหตุ จะเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ ตนไม่อยากพูด ขออย่านำไปโยงถึงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวน เชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุมีเป้าประสงค์เพื่อก่อกวน ไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต ซึ่งในการสืบสวนสอบสวนคดี ตนได้กำชับ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนผลการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้ชี้แจงไปตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. แล้วว่า พบสารโพแทสเซียม มีการตั้งเวลาที่ตั้งไว้จุดชนวน 4-8 ชั่วโมง เบื้องต้นไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา 4 รายที่ตนไปรับตัวที่ บก.ป. เมื่อวันที้ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งให้เร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปราม และจับกุม
ส่วนความคืบหน้าคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณถังขยะ หน้ากองสลากเก่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันคดีมีความคืบหน้า แต่จะออกหมายจับได้เมื่อไร ยังไม่ยืนยัน เพราะกรณีนี้ไม่ได้เป็นความผิดซึ่งหน้า ก็ไม่ทราบว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีในชั้นนี้ มีน้ำหนักพอที่ศาลจะสามารถออกหมายจับได้หรือไม่ เพราะเป็นเพียงการสืบสวน
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากไปตรวจที่เกิดเหตุแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน จนปราศจากข้อสงสัย จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ ชุด EOD ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส.บก.น.1 และสืบสวน สน.ชนะสงคราม กลับไปตรวจที่เกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง ในคืนเดียวกันจนพบชิ้นส่วนบางอย่าง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงถึงเหตุที่เกิดขึ้นได้ ชิ้นส่วนเหล่านี้อยู่กระจัดกระจาย บางชิ้นส่วนห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร หลังจากที่ได้เก็บพยานหลักฐานดังกล่าวแล้ว ก็ได้ส่งหลักฐานดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยัน ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอผลอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ผบก.น.1-9 กำหนดให้ภายในรัศมี 1 กม. ของพื้นที่สำคัญในเขตรับผิดชอบ ไม่เฉพาะบริเวณท้องสนามหลวงเท่านั้น ต้องทำให้ทุกที่ในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone)ให้ได้ ซึ่งการทำให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ก็ต้องมีมาตรการเชิงรุกในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเพิ่มความเข้มในการจัดสายตรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ อาสาสมัคร รวมทั้งให้ประสานกทม. และภาคเอกชน ติดกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจับกุมคนร้าย และป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก จึงขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลใจ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิด ได้นำข้อมูลเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ หน้ากองสลากฯเก่า มาเทียบเคียงกับเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ โดยชุดสืบสวนได้ตั้งสมมติฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือคนร้ายรายเดียวกัน แนวทางการสืบสวนติดตามคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดหน้ากองสลากฯเก่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียงพบชายต้องสงสัย 2 คน เดินคู่กันไป เห็นเพียงข้างหลัง ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามแกะรอยผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้ระยะทางประมาณ 150 เมตร และไม่เห็นว่าผู้ต้องสงสัยหนีไปทางไหน แต่ตรวจสอบก็ยังไม่พบพาหนะที่คนร้ายใช้มาก่อเหตุ ชุดสืบสวนสันนิฐาน ว่า มือระเบิดอาจจะนั่งรถเมล์ นำระเบิดใส่กระเป๋าวางที่จุดเป้าหมาย เพื่อป้องกันตำรวจแกะรอย ติดตามจากยานพาหนะรถยนต์ หรือ รถจยย. สอดคล้องกับจุดเกิดเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เพราะอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ ท่าปล่อยรถเมล์ รวมทั้งมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย รวมทั้งคนร้ายต้องมาดูลาดเลาก่อนลงมือ เนื่องจากจุดที่วางระเบิดทั้ง 2 จุด เป็นจุดอับที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดอยู่บนรถเมล์เพื่อหาเบาะแสติดตามล่าตัวมือวางระเบิดไปป์บอมบ์ ทั้ง 2 คดี