ข่าวปนคน คนปนข่าว
** หมายหัว"วีระ"ขจัดก้างขวางคอ"บ่อนสายตะกู"
วงแตก!! การประชุมกระชับสัมพันธไมตรีระหว่าง"ผู้ว่าฯอุดรมีชัย" ของกัมพูชากับ "ผู้ว่าฯบุรีรัมย์" ของไทย ที่นัดกันเมื่อ16 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ บริเวณจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน หลัง วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ประกาศจะไปสังเกตการณ์ เพราะเชื่อว่าไม่ใช่การประชับสัมพันธ์อะไรหรอก แค่หาทางให้มีการเปิด"ด่านสายตะกู" ให้คน 2 ประเทศ ผ่านเข้า-ออกได้เต็มรูปแบบเหมือนด่านชายแดนอื่นๆ เพื่อเอื้อแก่การกวาดต้อนและอำนวยความสะดวกให้ "ลูกค้าชาวไทย"ไปเข้า "กาสิโนสายตะกูรีสอร์ท" ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนของ 2 ประเทศ ไม่ต้องอ้อมไปเข้าด่านอื่นให้ลำบากลำบน จนลูกค้าหดหาย Soft Opening มาเดือนกว่า แต่ยอดไม่ถึงเป้า จน"ถุงขนม" ที่เตรียมไว้ให้ "บิ๊ก 2 ประเทศ" ค่อยๆร่อยหรอไปเรื่อย
การประกาศยกเลิกประชุมกะทันหัน เหมือน"คนร้อนตัว" ยิ่งเพิ่มน้ำหนัก "ความไม่ชอบมาพากล" ของนัดหมายครั้งนี้ และผลประโยชน์ทับซ้อนของกาสิโนแห่งนี้ขึ้นไปอีก ข่าวว่า พอผู้ว่าฯ 2 จังหวัด 2 ประเทศ เห็นพ้องยกเลิกหมายพูดคุยกัน ทำเอา"บิ๊ก 2 ประเทศ" เดือดปุดๆ จนมีข่าวมาถึงหู"วีระ" ว่าตอนนี้กลายเป็นคนมีค่าหัวหกหลัก ถูกล็อกเป้าโดย "มือสังหารต่างชาติ" แถมมีหน่วยงานในประเทศดักฟังโทรศัพท์อีกต่างหาก หลักๆ ก็คงมาจากการเกาะติดตรวจสอบ"บ่อนสายตะกู" จนเป็นก้างขวางคอ ทำเอา"กินสินบาท-คาดสินบน" กันไม่คล่อง
ผนวกกับการประกาศ เปิดโปงเบื้องหลัง ที่ทำให้ต้องไปทนทุกข์อยู่ในคุกเปรยซอร์ ถึง 3 ปีครึ่ง ที่งานนี้มี"คนที่คุณรู้ว่าใคร" เป็น"ไอ้โม่ง" รู้เห็นเป็นใจให้ทหารเขมรหิ้วตัว "วีระ" ทั้งที่ยืนอยู่ในแผ่นดินไทย สำคัญก็ตรงที่"ไอ้โม่ง" ที่ว่าดันเป็น "ผู้มีอำนาจ" ในตอนนี้เสียด้วย ที่โดนล็อกเป้า-หมายหัว ก็คงกะสอยทีเดียวได้ 2 เด้ง ... นึกถึงคำพูด "ป๋าป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่เคยบอกในทำนองว่าไม่รับประกันความปลอดภัย หาก"วีระ" ดื้อดึงไปตรวจสอบบ่อนสายตะกู ก็ อดหวาดเสียวแทนไม่ได้
** คนร้ายตายใจ "ศานิตย์" ตายเพราะปาก
มันก็จะแถๆ หน่อย ... ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ พูดไม่คิด เหมือนนิยายเล่มละบาท แต่พยายามวางพลอตเรื่องเหมือนนวนิยายสืบสวนที่มี "หักมุม" ตอนจบ "บิ๊กตู่น้อย" พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาชี้แจงกรณีออกตัวแรง เบี่ยงประเด็นว่า“ระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ”เมื่อวันก่อน แค่ "ท่อ PVCแตก" เป็นกลยุทธ์ "สับขาหลอกคนร้ายให้ตายใจ”และสั่งให้เจ้าหน้าที่ควานหาตัวคนร้ายในทางลับ หลังมั่นใจว่าเป็นระเบิด ก็ตอนที่ให้ลูกน้องปูพรมในที่เกิดเหตุ จนพบชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิดทั้งที่ชาวบ้านทั่วไปได้ยิงเสียง "ตูม" ก็ฟันธงได้ก่อนว่า ระเบิดแน่นอน
ยิ่งพอโดนเหล่าบิ๊กๆ "หักหน้า"ฟันธงว่า ระเบิดป่วนเมืองชัวร์ป๊าบ "ศานิตย์ ซาราเฮโย" ถึงต้องออกมา"ดริฟ" โชว์แบบนี้ สำทับด้วย "บิ๊กปู" พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับหน้าเสื่อคดีความมั่นคงทั่วราชอาณาจักร ระบุว่า ต้นเหตุมาจากระเบิดที่มีการตั้งเวลา วางแผนดิบดี คล้ายกับเหตุระเบิดหน้ากองสลากเก่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ... คนร้ายอาจจะตายใจ แต่"ศานิตย์" อาจเข้าทำนอง ตายเพราะปากไปเรียบร้อย
** "โคเรียคิง”ยังแค่ "ดราม่า" ไม่ "โคม่า"อย่างที่คิด
ดราม่าต่อเนื่อง สถานการณ์"กระทะโคเรียคิง”ถูกแฉหมดสภาพกระทะราคาหลักหมื่น ล่าสุดเป็นคิว สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่พลิ้วไม่ออก หลังผลการชำแหละกระทะดังของ "นักวิชาการ" ออกมาว่า ไม่ได้มีคุณสมบัติสุดวิเศษตามที่ได้โฆษณาเอาไว้ โดยนายวีระพงษ์ บุญโญภาส ประธานคณะกรรมการขายตรงเเละการตลาดเเบบตรง สคบ. สรุปผลการประชุมของคณะกรรมการว่า การตั้งราคา 1.5 หมื่นบาท เเละ1.8 หมื่นบาท เป็น Fake Original Price แปลตรงตัวว่า "การปลอมราคาจริง" ส่วนการโฆษณาเข้าข่าย "ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค" ที่ลดราคาจนเกิดเเรงจูงใจต่อผู้บริโภคเกินไป จึงสั่ง"ห้ามโฆษณา" มีผลทันที และให้บริษัทที่นำเข้ากระทะโคเรียคิง แก้ไขคำโฆษณา 3 ประเด็น "การลดราคาเกินจริง - ความลื่น 300% - การเคลือบกระทะ 8 ชั้น" ส่วนเรื่องบทลงโทษนั้นยังไม่ได้พิจารณา ... สรุปแบบ"จบข่าว" ได้ความว่า สั่งแบนแค่โฆษณา ยังขายต่อได้เหมือนเดิม ดราม่ากันต่อไป ไม่ได้ "โคม่า" อย่างที่คิด
** ไล่ปิดเพจเฟซบุ๊ก เหมือนไสช้างไปชนทรานส์ฟอร์เมอร์ส
เลยเดดไลน์ 10 โมงตรง อังคารที่ 16 พ.ค. ที่ กสทช.ขีดเส้นตายให้ "facebook"บล๊อกเพจกว่า 600 เพจ ที่หมิ่นเหม่ทำผิดกฎหมายไทย แต่เท่าที่ตามส่อง"เพจดัง" ที่ติดโผ กสทช.ก็ยังลอยนวลอยู่ จะมีก็แต่เพียง "บางโพสต์" ที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงจากภายในประเทศไทยเท่านั้น เรื่องนี้ก็สะท้อนว่า ท่าทีของ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. ที่ออกโรงมาแยกเขี้ยวใส่ และขู่จะดำเนินคดี "facebookประเทศไทย" ก็แค่ "ราคาคุย" เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจ "คำร้องขอ" หรือ "คำข้อร้อง" ของทางการไทย
ถ้าไม่หลอกตัวเองจนเกินไป กสทช. ที่ยังติดข้อสงสัยว่ามีอำนาจมา"ล่าเนตไอดอล" แบบนี้หรือเปล่า ควรสำเหนียกได้แล้วว่า การตั้งหน้าตั้งตาปิดกั้น-ควบคุมข้อมูลในยุคดิจิทัล ทั้งที่ควบคุมไม่ได้ ยิ่งในทางเทคนิค ก็อ่อนด้อย ไม่เท่าทันผู้ประกอบการ หรือกระทั่งผู้ใช้งานก็ตาม ไม่ต่างจากการ "ไสช้างไปชนทรานส์ฟอร์เมอร์ส" ที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า แล้วหันมาชู"ข้อได้เปรียบ" ของเราที่มี "ตลาดโซเชี่ยล" ติดอันดับต้นๆ ของโลก จนทุกแพลตฟอร์มแห่มาตั้งสำนักงานใน ประเทศไทย
รู้แบบนี้แล้ว กสทช. ต้องประสานกับ "กระทรวงดีอี" ในการออกกฎบัตร-กฎหมาย อะไรก็ตามแต่ หาทางรีดภาษี-จัดเก็บรายได้จาก"สังคมออนไลน์" จาก "ผู้ประกอบการ" ทั้ง "Facebook ประเทศไทย - Line ประเทศไทย- Youtube ประเทศไทย" ที่เชื่อแน่ว่ามี "กระแสรายได้เข้า-ออก" ที่ตรวจสอบได้ ถ้าทำได้แบบนี้ ก็จะได้ทั้ง"รายได้" และ"อำนาจต่อรอง" เพราะเชื่อว่าแต่ละแพลตฟอร์ม คงไม่กล้าหือ เสี่ยงกับการหลุดวงโคจรจาก"ตลาดโซเชี่ยลไทย" หรอก แล้วก็ไม่ใช่ไปเสียเวลาหาทางไล่เบี้ยกับ "พ่อค้าแม่ขายออนไลน์" อย่างที่ "กรมสรรพากร" กำลังทำอยู่ เหมือนโมเดล"นับชามก๋วยเตี๋ยว" ในอดีต ที่เป็นสไตล์ "ไทยแลนด์ 0.4" หาใช่ "ไทยแลนด์ 4.0" ไม่
**งามไส้ไทยแลนด์ "รมต.อินโดฯ"ฉะปตท.ไร้ธรรมาภิบาล
จากกรณีที่ "รัฐบาลอินโดนีเซีย" ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 69,000 ล้านบาท จาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย (PTTEP Australasia)บริษัทลูกในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) ฐานทำน้ำมันรั่ว ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บริเวณแหล่งขุดเจาะ "มอนทารา" ของปตท.สผ. นอกชายฝั่งออสเตรเลีย เมื่อปี2552 หรืออเกือบ 8 ปีก่อน ... ไม่ใช่ข้อกล่าวหาลอยๆ หรืองานมโนที่ไหน เป็นบทสัมภาษณ์ "อาลีฟ ฮาวาส โอโกรเซโน" รมต.กระทรวงประสานงานกิจการทางทะเล ของอินโดนีเซีย ที่ให้สัมภาษณ์พิเศษ แบบลึกสุดใจกับ "ทีมข่าวเครือผู้จัดการ" ถึงเบื้องหลังการตัดสินใจฟ้องกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ที่จะทำให้รู้เช่นเห็นชาติ "กลุ่ม ปตท." ที่ไม่มีความรับผิดชอบ-ไร้ธรรมาภิบาล เชิญท่านผู้อ่านติดตามได้ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับนี้
ช.ชฎา
** หมายหัว"วีระ"ขจัดก้างขวางคอ"บ่อนสายตะกู"
วงแตก!! การประชุมกระชับสัมพันธไมตรีระหว่าง"ผู้ว่าฯอุดรมีชัย" ของกัมพูชากับ "ผู้ว่าฯบุรีรัมย์" ของไทย ที่นัดกันเมื่อ16 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ บริเวณจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน หลัง วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ประกาศจะไปสังเกตการณ์ เพราะเชื่อว่าไม่ใช่การประชับสัมพันธ์อะไรหรอก แค่หาทางให้มีการเปิด"ด่านสายตะกู" ให้คน 2 ประเทศ ผ่านเข้า-ออกได้เต็มรูปแบบเหมือนด่านชายแดนอื่นๆ เพื่อเอื้อแก่การกวาดต้อนและอำนวยความสะดวกให้ "ลูกค้าชาวไทย"ไปเข้า "กาสิโนสายตะกูรีสอร์ท" ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนของ 2 ประเทศ ไม่ต้องอ้อมไปเข้าด่านอื่นให้ลำบากลำบน จนลูกค้าหดหาย Soft Opening มาเดือนกว่า แต่ยอดไม่ถึงเป้า จน"ถุงขนม" ที่เตรียมไว้ให้ "บิ๊ก 2 ประเทศ" ค่อยๆร่อยหรอไปเรื่อย
การประกาศยกเลิกประชุมกะทันหัน เหมือน"คนร้อนตัว" ยิ่งเพิ่มน้ำหนัก "ความไม่ชอบมาพากล" ของนัดหมายครั้งนี้ และผลประโยชน์ทับซ้อนของกาสิโนแห่งนี้ขึ้นไปอีก ข่าวว่า พอผู้ว่าฯ 2 จังหวัด 2 ประเทศ เห็นพ้องยกเลิกหมายพูดคุยกัน ทำเอา"บิ๊ก 2 ประเทศ" เดือดปุดๆ จนมีข่าวมาถึงหู"วีระ" ว่าตอนนี้กลายเป็นคนมีค่าหัวหกหลัก ถูกล็อกเป้าโดย "มือสังหารต่างชาติ" แถมมีหน่วยงานในประเทศดักฟังโทรศัพท์อีกต่างหาก หลักๆ ก็คงมาจากการเกาะติดตรวจสอบ"บ่อนสายตะกู" จนเป็นก้างขวางคอ ทำเอา"กินสินบาท-คาดสินบน" กันไม่คล่อง
ผนวกกับการประกาศ เปิดโปงเบื้องหลัง ที่ทำให้ต้องไปทนทุกข์อยู่ในคุกเปรยซอร์ ถึง 3 ปีครึ่ง ที่งานนี้มี"คนที่คุณรู้ว่าใคร" เป็น"ไอ้โม่ง" รู้เห็นเป็นใจให้ทหารเขมรหิ้วตัว "วีระ" ทั้งที่ยืนอยู่ในแผ่นดินไทย สำคัญก็ตรงที่"ไอ้โม่ง" ที่ว่าดันเป็น "ผู้มีอำนาจ" ในตอนนี้เสียด้วย ที่โดนล็อกเป้า-หมายหัว ก็คงกะสอยทีเดียวได้ 2 เด้ง ... นึกถึงคำพูด "ป๋าป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่เคยบอกในทำนองว่าไม่รับประกันความปลอดภัย หาก"วีระ" ดื้อดึงไปตรวจสอบบ่อนสายตะกู ก็ อดหวาดเสียวแทนไม่ได้
** คนร้ายตายใจ "ศานิตย์" ตายเพราะปาก
มันก็จะแถๆ หน่อย ... ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ พูดไม่คิด เหมือนนิยายเล่มละบาท แต่พยายามวางพลอตเรื่องเหมือนนวนิยายสืบสวนที่มี "หักมุม" ตอนจบ "บิ๊กตู่น้อย" พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาชี้แจงกรณีออกตัวแรง เบี่ยงประเด็นว่า“ระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ”เมื่อวันก่อน แค่ "ท่อ PVCแตก" เป็นกลยุทธ์ "สับขาหลอกคนร้ายให้ตายใจ”และสั่งให้เจ้าหน้าที่ควานหาตัวคนร้ายในทางลับ หลังมั่นใจว่าเป็นระเบิด ก็ตอนที่ให้ลูกน้องปูพรมในที่เกิดเหตุ จนพบชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิดทั้งที่ชาวบ้านทั่วไปได้ยิงเสียง "ตูม" ก็ฟันธงได้ก่อนว่า ระเบิดแน่นอน
ยิ่งพอโดนเหล่าบิ๊กๆ "หักหน้า"ฟันธงว่า ระเบิดป่วนเมืองชัวร์ป๊าบ "ศานิตย์ ซาราเฮโย" ถึงต้องออกมา"ดริฟ" โชว์แบบนี้ สำทับด้วย "บิ๊กปู" พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับหน้าเสื่อคดีความมั่นคงทั่วราชอาณาจักร ระบุว่า ต้นเหตุมาจากระเบิดที่มีการตั้งเวลา วางแผนดิบดี คล้ายกับเหตุระเบิดหน้ากองสลากเก่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ... คนร้ายอาจจะตายใจ แต่"ศานิตย์" อาจเข้าทำนอง ตายเพราะปากไปเรียบร้อย
** "โคเรียคิง”ยังแค่ "ดราม่า" ไม่ "โคม่า"อย่างที่คิด
ดราม่าต่อเนื่อง สถานการณ์"กระทะโคเรียคิง”ถูกแฉหมดสภาพกระทะราคาหลักหมื่น ล่าสุดเป็นคิว สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่พลิ้วไม่ออก หลังผลการชำแหละกระทะดังของ "นักวิชาการ" ออกมาว่า ไม่ได้มีคุณสมบัติสุดวิเศษตามที่ได้โฆษณาเอาไว้ โดยนายวีระพงษ์ บุญโญภาส ประธานคณะกรรมการขายตรงเเละการตลาดเเบบตรง สคบ. สรุปผลการประชุมของคณะกรรมการว่า การตั้งราคา 1.5 หมื่นบาท เเละ1.8 หมื่นบาท เป็น Fake Original Price แปลตรงตัวว่า "การปลอมราคาจริง" ส่วนการโฆษณาเข้าข่าย "ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค" ที่ลดราคาจนเกิดเเรงจูงใจต่อผู้บริโภคเกินไป จึงสั่ง"ห้ามโฆษณา" มีผลทันที และให้บริษัทที่นำเข้ากระทะโคเรียคิง แก้ไขคำโฆษณา 3 ประเด็น "การลดราคาเกินจริง - ความลื่น 300% - การเคลือบกระทะ 8 ชั้น" ส่วนเรื่องบทลงโทษนั้นยังไม่ได้พิจารณา ... สรุปแบบ"จบข่าว" ได้ความว่า สั่งแบนแค่โฆษณา ยังขายต่อได้เหมือนเดิม ดราม่ากันต่อไป ไม่ได้ "โคม่า" อย่างที่คิด
** ไล่ปิดเพจเฟซบุ๊ก เหมือนไสช้างไปชนทรานส์ฟอร์เมอร์ส
เลยเดดไลน์ 10 โมงตรง อังคารที่ 16 พ.ค. ที่ กสทช.ขีดเส้นตายให้ "facebook"บล๊อกเพจกว่า 600 เพจ ที่หมิ่นเหม่ทำผิดกฎหมายไทย แต่เท่าที่ตามส่อง"เพจดัง" ที่ติดโผ กสทช.ก็ยังลอยนวลอยู่ จะมีก็แต่เพียง "บางโพสต์" ที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงจากภายในประเทศไทยเท่านั้น เรื่องนี้ก็สะท้อนว่า ท่าทีของ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาธิการ กสทช. ที่ออกโรงมาแยกเขี้ยวใส่ และขู่จะดำเนินคดี "facebookประเทศไทย" ก็แค่ "ราคาคุย" เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจ "คำร้องขอ" หรือ "คำข้อร้อง" ของทางการไทย
ถ้าไม่หลอกตัวเองจนเกินไป กสทช. ที่ยังติดข้อสงสัยว่ามีอำนาจมา"ล่าเนตไอดอล" แบบนี้หรือเปล่า ควรสำเหนียกได้แล้วว่า การตั้งหน้าตั้งตาปิดกั้น-ควบคุมข้อมูลในยุคดิจิทัล ทั้งที่ควบคุมไม่ได้ ยิ่งในทางเทคนิค ก็อ่อนด้อย ไม่เท่าทันผู้ประกอบการ หรือกระทั่งผู้ใช้งานก็ตาม ไม่ต่างจากการ "ไสช้างไปชนทรานส์ฟอร์เมอร์ส" ที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า แล้วหันมาชู"ข้อได้เปรียบ" ของเราที่มี "ตลาดโซเชี่ยล" ติดอันดับต้นๆ ของโลก จนทุกแพลตฟอร์มแห่มาตั้งสำนักงานใน ประเทศไทย
รู้แบบนี้แล้ว กสทช. ต้องประสานกับ "กระทรวงดีอี" ในการออกกฎบัตร-กฎหมาย อะไรก็ตามแต่ หาทางรีดภาษี-จัดเก็บรายได้จาก"สังคมออนไลน์" จาก "ผู้ประกอบการ" ทั้ง "Facebook ประเทศไทย - Line ประเทศไทย- Youtube ประเทศไทย" ที่เชื่อแน่ว่ามี "กระแสรายได้เข้า-ออก" ที่ตรวจสอบได้ ถ้าทำได้แบบนี้ ก็จะได้ทั้ง"รายได้" และ"อำนาจต่อรอง" เพราะเชื่อว่าแต่ละแพลตฟอร์ม คงไม่กล้าหือ เสี่ยงกับการหลุดวงโคจรจาก"ตลาดโซเชี่ยลไทย" หรอก แล้วก็ไม่ใช่ไปเสียเวลาหาทางไล่เบี้ยกับ "พ่อค้าแม่ขายออนไลน์" อย่างที่ "กรมสรรพากร" กำลังทำอยู่ เหมือนโมเดล"นับชามก๋วยเตี๋ยว" ในอดีต ที่เป็นสไตล์ "ไทยแลนด์ 0.4" หาใช่ "ไทยแลนด์ 4.0" ไม่
**งามไส้ไทยแลนด์ "รมต.อินโดฯ"ฉะปตท.ไร้ธรรมาภิบาล
จากกรณีที่ "รัฐบาลอินโดนีเซีย" ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 69,000 ล้านบาท จาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย (PTTEP Australasia)บริษัทลูกในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) ฐานทำน้ำมันรั่ว ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บริเวณแหล่งขุดเจาะ "มอนทารา" ของปตท.สผ. นอกชายฝั่งออสเตรเลีย เมื่อปี2552 หรืออเกือบ 8 ปีก่อน ... ไม่ใช่ข้อกล่าวหาลอยๆ หรืองานมโนที่ไหน เป็นบทสัมภาษณ์ "อาลีฟ ฮาวาส โอโกรเซโน" รมต.กระทรวงประสานงานกิจการทางทะเล ของอินโดนีเซีย ที่ให้สัมภาษณ์พิเศษ แบบลึกสุดใจกับ "ทีมข่าวเครือผู้จัดการ" ถึงเบื้องหลังการตัดสินใจฟ้องกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ที่จะทำให้รู้เช่นเห็นชาติ "กลุ่ม ปตท." ที่ไม่มีความรับผิดชอบ-ไร้ธรรมาภิบาล เชิญท่านผู้อ่านติดตามได้ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับนี้
ช.ชฎา