ผู้จัดการรายวัน360- -ชุด “อีโอดี” คาดมือบึ้มหน้าโรงละครแห่งชาติมีความเชี่ยวชาญและเป็นคนเดียวกับที่ก่อเหตุหน้ากองสลากเก่า ใช้ไปป์บอมบ์ไทเมอร์ เป็นตัวจุดระเบิด และตั้งเวลา นายกฯสั่ง “คสช.-ทหาร-ตร.” ดูแลทุกพื้นที่ พร้อมสั่งเช็ก ปรับปรุง กล้องวงจรปิดให้ชัดทั่วประเทศ “บิ๊กป้อม” รับพบกลุ่มเคลื่อนไหวก่อกวนช่วงครบ 3 ปี แต่ไม่มาก
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดเมื่อค่ำวันที่ 15พ.ค.ที่ผ่านมา ณ บริเวณโคนต้นไม้บนทางเท้าใกล้เสาไฟฟ้า หน้าโรงละครแห่งชาติ ข้างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้จุดรอรับส่งรถรับส่งฟรี ถนนราชินี มุ่งหน้าถนนพระอาทิตย์ ย่านสนามหลวง แรงระเบิดทำให้ท่อพีวีซีขาตั้งป้ายแสดงบอร์ดแผนผังท้องสนามหลวงที่มัดอยู่กับเสาไฟฟ้าแตกหักเป็นท่อน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสารประกอบระเบิด
วานนี้ (16 พ.ค.) ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.1 และ ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบหลักฐานสำคัญคือ ไอซีไทเมอร์ (IC Timer)หนึ่งในชิ้นส่วนใช้ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ ตกบริเวณพื้นห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิดประมาณ 15 เมตร จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบด้วยว่า ไอซีไทเมอร์ ดังกล่าวลักษณะเดียวกันเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ ที่บริเวณหน้ากองสลากเก่า ถ.ราชดำเนินกลาง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการใช้ไทเมอร์เป็นตัวจุดระเบิด โดยการตั้งเวลา
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดหน้ากองสลากเก่าสันนิษฐานว่า น่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันซึ่งมีความเชี่ยวชาญการประกอบระเบิดเป็นพิเศษ เนื่องจากเหตุระเบิดล่าสุด มือระเบิดได้ประกอบระเบิดให้มีขนาดเล็กกว่าระเบิดหน้ากองสลากเก่า หลังจากเกิดระเบิดแล้วทำให้หลักฐานต่างๆ ที่ใช้ประกอบระเบิดถูกทำลายไปด้วย ไม่เหลือหลักฐาน เหมือนกับเหตุระเบิดครั้งแรกที่หน้ากองสสากเก่า เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไม่พบสารประกอบระเบิด และวัสดุที่ใช้หุ้มดินระเบิดที่อาจถูกทำลายไปพร้อมกัน ผู้ก่อเหตุลงมือเพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ ไม่ได้มุ่งประสงค์ต่อชีวิตแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พบขาตั้งป้ายท่อพีวีซีที่แตกเป็นท่อนๆ สันนิษฐานว่าคนร้ายวางระเบิดไปป์บอมบ์ไว้ใกล้ๆ แรงระเบิดจึงทำให้ท่อพีวีซีดังกล่าวแตกหัก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตำรวจแถลงชี้แจงเบื้องต้นแล้ว กำลังสืบสวนติดตามอยู่ ฝากประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์จะดูปกติ แต่อาจมีคนไม่ดีแอบแฝงอยู่ ก็ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก และรัฐบาลก็ไม่อยากปิดบัง วันนี้ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คสช.ไปดูทุกพื้นที่ ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) และปรับปรุงคุณภาพกล้องให้ติดตามได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะบางพื้นที่มีคุณภาพไม่ดี เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำกันมานานแล้ว ถึงเวลาต้องปรับปรุง ต้องใช้งบประมาณก็ต้องมาวางแผนกันให้ดีเป็นขั้นตอน
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ครม. แล้ว ทุกหน่วยงานต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเข้าสำรวจกล้องซีซีทีวีทุกพื้นที่ เพราะช่วงนี้จะครบ 3 ปีการทำงานของ คสช. และรัฐบาล แต่ยืนยันเราทำงานก้าวหน้าไปตลอด เมื่อครบ 3 ปี อาจจะมีบางพวกที่อยากดิสเครดิตการทำงานของรัฐบาล และคสช. ยืนยันเราตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ตลอดระยะเวลา 3 ปี มีความสงบเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุ่มเททำงาน เราพยายามทำในทุกเรื่องทั้งเศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต เหมือนที่นายกฯ ระบุให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทำให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ แต่จะให้ดีเหมือนที่สื่อต้องการอาจไม่ใช่ แต่ยืนยันว่าดีขึ้น
เมื่อถามว่า ช่วงใกล้ครบ 3 ปี มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มี แต่ไม่มากและการทำงานคงเป็นกลุ่มเล็ก ใช้คน 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวก็ติดตามทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ เราพยายามทำให้เกิดความสงบให้ได้
ส่วนที่มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุหน้ากองสลากเก่า พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมาที่ตน ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่สืบสวนรายละเอียด แล้วให้เขาชี้แจง อย่าให้ตนพูด เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด
*** สั่งล่ามือบึ้มป่วนเมือง
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ได้สั่งการให้ตำรวจร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันตรวจสอบ พิสูจน์ทราบสาเหตุที่แท้จริงและเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว ซึ่งให้ติดตามดูความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลไม่หวังดีที่อยู่เบื้องหลังและเหตุการณ์ระเบิดที่เคยเกิดขึ้นหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อ 5 เม.ย.60 ที่ผ่านมาว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร
พล.ต.คงชีพ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรได้ กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงมีความตื่นตัวและเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในสถานที่สำคัญๆ ที่เป็นแหล่งชุมชนและสถานีขนส่ง ควบคู่กับงานการข่าวและเครือข่ายภาคประชาชนอย่างใกล้ชิด
“การกระทำรุนแรงดังกล่าวมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ แม้จะไม่ประสงค์ต่อชีวิตแต่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความท้าทายร่วมกันที่เรากำลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในสังคม จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันติดตาม เฝ้าระวังและสังเกตพฤติกรรมปกปิดของบุคคลที่ไม่หวังดี หากพบเห็นขอให้ร่วมกันบันทึกภาพและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในสังคม” พล.ต.คงชีพ กล่าว
** รองผู้ว่าฯ กทม.สั่งเพิ่ม CCTV ท้องสนามหลวง
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจและทหาร เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิด เมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ สนามหลวง พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ กรุงเทพมหานคร และตำรวจ รวมถึงทหาร จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ประสงค์ร้ายผู้กระทำก็จะถูกดำเนินคดี และถูกประณามจากคนไทยทั้งประเทศ โดยข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ได้ส่งต่อให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดไปแล้ว
ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัย ยืนยันว่า กรุงเทพมหานคร มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะบริเวณท้องสนามหลวง มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองบุคคลที่จะผ่านเข้าออกในพื้นที่รอบสนามหลวงและยอมรับว่า ตั้งแต่วันนี้ กรุงเทพมหานคร จะเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมสั่งเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมบริเวณท้องสนามหลวง และขยายพื้นที่การติดตั้งกล้องออกไปอีก 2 ถึง 3 กิโลเมตร รวมถึงบริเวณตรอกออกซอยต่างๆ ที่เชื่อมต่อท้องสนามหลวงด้วย
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดเมื่อค่ำวันที่ 15พ.ค.ที่ผ่านมา ณ บริเวณโคนต้นไม้บนทางเท้าใกล้เสาไฟฟ้า หน้าโรงละครแห่งชาติ ข้างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้จุดรอรับส่งรถรับส่งฟรี ถนนราชินี มุ่งหน้าถนนพระอาทิตย์ ย่านสนามหลวง แรงระเบิดทำให้ท่อพีวีซีขาตั้งป้ายแสดงบอร์ดแผนผังท้องสนามหลวงที่มัดอยู่กับเสาไฟฟ้าแตกหักเป็นท่อน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสารประกอบระเบิด
วานนี้ (16 พ.ค.) ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.1 และ ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบหลักฐานสำคัญคือ ไอซีไทเมอร์ (IC Timer)หนึ่งในชิ้นส่วนใช้ประกอบระเบิดไปป์บอมบ์ ตกบริเวณพื้นห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิดประมาณ 15 เมตร จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบด้วยว่า ไอซีไทเมอร์ ดังกล่าวลักษณะเดียวกันเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ ที่บริเวณหน้ากองสลากเก่า ถ.ราชดำเนินกลาง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการใช้ไทเมอร์เป็นตัวจุดระเบิด โดยการตั้งเวลา
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดหน้ากองสลากเก่าสันนิษฐานว่า น่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันซึ่งมีความเชี่ยวชาญการประกอบระเบิดเป็นพิเศษ เนื่องจากเหตุระเบิดล่าสุด มือระเบิดได้ประกอบระเบิดให้มีขนาดเล็กกว่าระเบิดหน้ากองสลากเก่า หลังจากเกิดระเบิดแล้วทำให้หลักฐานต่างๆ ที่ใช้ประกอบระเบิดถูกทำลายไปด้วย ไม่เหลือหลักฐาน เหมือนกับเหตุระเบิดครั้งแรกที่หน้ากองสสากเก่า เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไม่พบสารประกอบระเบิด และวัสดุที่ใช้หุ้มดินระเบิดที่อาจถูกทำลายไปพร้อมกัน ผู้ก่อเหตุลงมือเพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ ไม่ได้มุ่งประสงค์ต่อชีวิตแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พบขาตั้งป้ายท่อพีวีซีที่แตกเป็นท่อนๆ สันนิษฐานว่าคนร้ายวางระเบิดไปป์บอมบ์ไว้ใกล้ๆ แรงระเบิดจึงทำให้ท่อพีวีซีดังกล่าวแตกหัก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตำรวจแถลงชี้แจงเบื้องต้นแล้ว กำลังสืบสวนติดตามอยู่ ฝากประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์จะดูปกติ แต่อาจมีคนไม่ดีแอบแฝงอยู่ ก็ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก และรัฐบาลก็ไม่อยากปิดบัง วันนี้ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร คสช.ไปดูทุกพื้นที่ ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) และปรับปรุงคุณภาพกล้องให้ติดตามได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะบางพื้นที่มีคุณภาพไม่ดี เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำกันมานานแล้ว ถึงเวลาต้องปรับปรุง ต้องใช้งบประมาณก็ต้องมาวางแผนกันให้ดีเป็นขั้นตอน
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนได้รายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ครม. แล้ว ทุกหน่วยงานต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเข้าสำรวจกล้องซีซีทีวีทุกพื้นที่ เพราะช่วงนี้จะครบ 3 ปีการทำงานของ คสช. และรัฐบาล แต่ยืนยันเราทำงานก้าวหน้าไปตลอด เมื่อครบ 3 ปี อาจจะมีบางพวกที่อยากดิสเครดิตการทำงานของรัฐบาล และคสช. ยืนยันเราตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ตลอดระยะเวลา 3 ปี มีความสงบเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุ่มเททำงาน เราพยายามทำในทุกเรื่องทั้งเศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต เหมือนที่นายกฯ ระบุให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทำให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ แต่จะให้ดีเหมือนที่สื่อต้องการอาจไม่ใช่ แต่ยืนยันว่าดีขึ้น
เมื่อถามว่า ช่วงใกล้ครบ 3 ปี มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มี แต่ไม่มากและการทำงานคงเป็นกลุ่มเล็ก ใช้คน 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวก็ติดตามทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ เราพยายามทำให้เกิดความสงบให้ได้
ส่วนที่มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุหน้ากองสลากเก่า พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมาที่ตน ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่สืบสวนรายละเอียด แล้วให้เขาชี้แจง อย่าให้ตนพูด เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด
*** สั่งล่ามือบึ้มป่วนเมือง
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อ 15 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ได้สั่งการให้ตำรวจร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันตรวจสอบ พิสูจน์ทราบสาเหตุที่แท้จริงและเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว ซึ่งให้ติดตามดูความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลไม่หวังดีที่อยู่เบื้องหลังและเหตุการณ์ระเบิดที่เคยเกิดขึ้นหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อ 5 เม.ย.60 ที่ผ่านมาว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร
พล.ต.คงชีพ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตรได้ กำชับให้ฝ่ายความมั่นคงมีความตื่นตัวและเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในสถานที่สำคัญๆ ที่เป็นแหล่งชุมชนและสถานีขนส่ง ควบคู่กับงานการข่าวและเครือข่ายภาคประชาชนอย่างใกล้ชิด
“การกระทำรุนแรงดังกล่าวมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ แม้จะไม่ประสงค์ต่อชีวิตแต่กระทบต่อความเชื่อมั่นและความท้าทายร่วมกันที่เรากำลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในสังคม จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันติดตาม เฝ้าระวังและสังเกตพฤติกรรมปกปิดของบุคคลที่ไม่หวังดี หากพบเห็นขอให้ร่วมกันบันทึกภาพและแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในสังคม” พล.ต.คงชีพ กล่าว
** รองผู้ว่าฯ กทม.สั่งเพิ่ม CCTV ท้องสนามหลวง
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจและทหาร เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิด เมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ สนามหลวง พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ กรุงเทพมหานคร และตำรวจ รวมถึงทหาร จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ และหากพบว่าเป็นการกระทำที่ประสงค์ร้ายผู้กระทำก็จะถูกดำเนินคดี และถูกประณามจากคนไทยทั้งประเทศ โดยข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ได้ส่งต่อให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดไปแล้ว
ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัย ยืนยันว่า กรุงเทพมหานคร มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะบริเวณท้องสนามหลวง มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองบุคคลที่จะผ่านเข้าออกในพื้นที่รอบสนามหลวงและยอมรับว่า ตั้งแต่วันนี้ กรุงเทพมหานคร จะเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง พร้อมสั่งเพิ่มกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมบริเวณท้องสนามหลวง และขยายพื้นที่การติดตั้งกล้องออกไปอีก 2 ถึง 3 กิโลเมตร รวมถึงบริเวณตรอกออกซอยต่างๆ ที่เชื่อมต่อท้องสนามหลวงด้วย