xs
xsm
sm
md
lg

จะให้เศรษฐกิจฟื้น ต้องช่วยภาคเกษตร!!!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ประชากรบ้านนี้เมืองนี้จะยังเป็นชาวนา เกษตรกรกี่เปอร์เซ็นต์ไม่ทราบ กว่า 50 ปีก่อนมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์เป็นสังคมเกษตรกรรม จากนั้นเป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเพื่อความทันสมัย เริ่มจากผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้าจนยกระดับเป็นการผลิตเพื่อส่งออก

ทุกวันนี้การทำนาไม่มีอะไรดีขึ้น จากการเป็นเจ้าของที่นาส่วนหนึ่งได้มาเป็นเพียงแรงงานหรือไม่ก็เช่านาทำแบ่งรายได้กับเจ้าของที่นา เคยหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน พึ่งควายมีชีวิตก็ยกระดับสู่การใช้ควายเหล็ก อุปกรณ์การเกษตร ราคาข้าว ราคาชีวิตชาวนายังไม่ดีขึ้น

ไทยแลนด์แดนสยามเมืองยิ้มของหมู่เฮาจะก้าวสู่ยุค 4.0 แล้ว แต่ภาคเกษตรกำลังถอยหลังลงหุบเหว แทบมองไม่เห็นอนาคต ภาคเกษตรกรรมถูกทอดทิ้งให้อยู่ในมือของนายทุน เจ้าของที่ดิน พ่อค้าคนกลาง เจ้าของโรงสีและพ่อค้าปุ๋ยเคมีและสารเคมีเกษตร

ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองแต่ละยุคคุยโม้ว่าจะช่วยชาวนาเกษตรกรทุกยุค โดยเฉพาะก่อนมหกรรมซื้อเสียงเลือกตั้ง ผลที่ตามมาก็คือคนช่วยเหลือรวยขึ้นจากโครงการเงินอัดฉีด แต่ชาวนาคนรอรับการช่วยเหลือได้เพียงเศษเนื้อข้างเขียง ถูกโจรเสื้อนอกหลอกลวงซ้ำซาก

โจรเสื้อนอกมีหลายกลุ่ม จะโทษนักซื้อเสียงเลือกตั้งอย่างเดียวก็ไม่แฟร์ ผู้กุมอำนาจรัฐไม่ใช่เพียงนักการเมืองเท่านั้น ยังมีนักวิชาการ ข้าราชการ นักรัฐประหาร ซึ่งรับใช้พ่อค้านายทุน กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับเกษตรผู้สนับสนุนข้าราชการและจ่ายเงินเลี้ยงดูพรรคการเมือง

ชาวนา เกษตรกร จึงเป็นกลุ่มน่าสงสารในสังคม เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งให้ความสำคัญกับเกษตรกรรม เป็นผู้ผลิตอาหารป้อนประชาชนทั้งในและต่างประเทศ แต่กลับไม่มีเงินเหลือติดบ้าน มีแต่หนี้สิน ถ้ารับภาระไม่ไหวต้องขายนาใช้หนี้ มาเช่านาทำ

เมื่อกำหนดเส้นทางชีวิตไม่ได้ ถูกกำกับโดยระบบการค้าไม่เป็นธรรมและหลอกลวงโดยข้าราชการเหยื่อพ่อค้าปุ๋ยและสารเคมีเกษตร ทำให้ผลผลิตจากแผ่นดินไทยเต็มไปด้วยสารพิษตกค้าง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสุขภาพเลวร้ายเป็นภาระหนักด้านสวัสดิการสาธารณสุข

ทุกวันนี้มีใครจริงใจ เห็นอกเห็นใจชาวนา เกษตรกรบ้าง? นึกไม่ออก! พวกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วซ้ำซากเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ ครัวไทยสู่ครัวโลก ล้วนเป็นพวกร้อยลิ้นกะลาวนเคลือบสารพิษกร่อนกระดูกสันหลังชาวนาแหกตาชาวบ้านขอให้อยู่ดูดีไปวันๆ

ดูอีกตัวอย่างก็ได้ บางพวกก็คุยฟุ้งว่าให้เมืองไทยเป็น “เมดิคัลฮับ” หรือแหล่งดูแลรักษาสุขภาพ เป็นศูนย์รวมด้านบริการการแพทย์ เพียงแค่พยาบาลรายได้ต่ำงานหนักเรียกร้องขอให้บรรจุเป็นข้าราชการเท่านั้น ก็ไม่ได้รับการแยแส แถมยังพูดให้ช้ำหัวอกอีก

ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงเป็นไปตามยถากรรม เว้นแต่อะไรก็ตามที่จะเอื้อและอวยกลุ่มทุนใหญ่ นักลงทุนจากต่างประเทศถูกชักชวนโอ้โลมปฏิโลมให้เข้าไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษ คนไทยจะเป็นจะตายก็ไม่ว่า ขออย่าทำอะไรให้กระทบบรรยากาศการลงทุนก็แล้วกัน

ที่น่าหัวร่อจนกรามหักก็คือทฤษฎีวิบัติ “โครงการให้ทายาทเศรษฐีช่วยอุ้มคนจน!” ปัดโธ่! งี่เง่าดักดานหรือบ้องตื้นกันแน่ ที่เป็นเศรษฐี เจ้าสัวรับบทเป็นผู้อุปถัมภ์ผู้มีอำนาจทุกวันนี้เพราะรวยจากเงินคนรายได้น้อย! เลือดคนจนหวาน ไร้ไขมันเพราะทำงานหนัก

ทุกวันนี้เห็นผู้มีปัญญาพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงิน ประชานิยมบ้าง ประชาขมขื่นบ้าง แล้วแต่จะคิดอ่านให้ชาวบ้านเห็นว่าดูดี แต่ไม่ยอมเข้าใจว่าเศรษฐกิจจะดีต้องให้คนมีเงิน มีรายได้เอง ไม่ใช่รายได้เทียมจากเงินแจก สวัสดิการที่รัฐเจียดให้อยู่รอด

ยามเศรษฐกิจตกต่ำซึมลึกทั่วโลก ภาคอุตสาหกรรมไม่เคยช่วยเหลือบ้านเมืองได้ สินค้าขายไม่ออกต้องปิดโรงงาน เลิกจ้างคนงาน ส่งให้ไปอยู่ภาคเกษตรกรรม ถ้าเปลี่ยนมาช่วยเหลือภาคเกษตรโดยให้ทุกคนมีกิน มีรายได้เพิ่ม สินค้าขายได้ ชาวนาก็มีเงินซื้อสินค้า

เมื่อสินค้าขายออก ก็มีความต้องการเพิ่มกำลังการผลิต การจ้างงาน เป้าหมายหลักขณะนี้คือต้องให้คนในภาคเกษตรซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น คนในโลกต้องกินอาหาร ไม่กินไอโฟน โทรศัพท์มือถือตกรุ่นที่กลายเป็นขยะอุตสาหกรรมกำจัดยาก

การจะให้เศรษฐกิจฟื้น ก็ต้องเสริมรายได้ภาคเกษตร ไม่ยากเย็นอะไร เพียงส่งเสริมการผลิตข้าว พืชเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษเต็มที่ ราคาก็ดี สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด ชาวนา ชาวสวนก็มีรายได้เพิ่มซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทำให้รายได้รัฐจากภาษีเพิ่มขึ้นด้วย

ทุกวันนี้มีตัวเลขชี้ชัดหรือยังว่ารายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ขยายตัวเพราะคนขาดกำลังซื้อ ไม่มีรายได้ ขาดช่องทางทำมาหากิน! ทำไมไม่ประกาศวาระแห่งชาติเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ทำไมยอมเป็นลูกไล่พ่อค้าปุ๋ยเคมีเกษตรและสารพิษกำจัดศัตรูพืช

การใช้จุลินทรีย์ในนาข้าวมีต้นทุนเพียง 500 บาทต่อไร่ เพลี้ยไม่รังควาญเพราะต้นและใบข้าวแข็ง แต่ต้นทุนเคมีเกษตรสูงถึง 1,500 บาทต่อไร่ ทำให้ต้นทุนสูง ราคาขายไม่เพิ่ม พืชเกษตรอินทรีย์ ออร์แกนิค ราคาแพงกว่า ปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภคไม่เสี่ยงตาย

รู้ทั้งรู้ว่าเกษตรอินทรีย์ดี มีความต้องการทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ทำอะไรให้จริงจัง เพราะอะไร!? พ่อค้าปุ๋ยเคมี สารเคมีเกษตรมีบุญคุณใหญ่หลวงชดใช้ไม่จบสิ้นหรือ ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองเลือดเย็นจะยอมให้มีการขายและคนกินสินค้าเกษตรปนเปื้อนสารพิษต่อไปหรือ

ประชาชนมีสิทธิทวงถามจิตสำนึกในความรับผิดชอบหรือไม่? หรือว่าการเข้ามากุมอำนาจรัฐเป็นเพียงเล่ห์กลเพื่อจะใช้เล่ห์ลิ้นเพื่อจัดสรรผลประโยชน์ให้ยั่งยืนเฉพาะกลุ่มธุรกิจใหญ่ กลุ่มอำนาจรัฐซ้อนรัฐ จะได้ผูกขาดการเสวยสุขต่อเนื่องจากทรัพย์สินแผ่นดิน

ประชาชนจำยอมเสียสิทธิเสรีภาพในการเรียกร้อง ถูกกฎหมายกดหัว ถูกขูดรีดโดยราคาน้ำมันแพง ดอกเบี้ยแพง อาหารปนสารพิษ อาชญากรรมเพิ่ม ภัยทุนนิยมสามานย์ รายได้ไม่ทันภาระรายจ่าย อนาคตมืดมน ผู้กุมอำนาจรัฐยังกินอิ่มนอนหลับฝันดีอยู่หรือ
กำลังโหลดความคิดเห็น