วานนี้ (11พ.ค.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ทำหนังสือถึงเลขาธิการวุฒิสภา ให้ชะลอการดำเนินการสรรหา คตง.ไว้ก่อน เพื่อรอให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน มีผลบังคับใช้ก่อน และเห็นว่ากระบวนการสรรหาตามที่ ผู้ว่าฯสตง. ทำหนังสือถึงเลขาฯวุฒิสภา เป็นการดำเนินการที่เกินอำนาจหน้าที่ ว่า เราทำอย่างถูกต้อง ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 23/2560 ข้อ 12 ที่ระบุว่า เมื่อมีกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ พ้นจากตำแหน่ง หรือจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ ให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทนให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง หรือนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ แล้วแต่กรณี ซึ่งคตง.ชุดปัจจุบัน จะครบวาระในวันที่ 25 ก.ย.60 ซึ่งอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่ง คือจะพ้นตำแหน่งตามวาระภายใน 180 วัน ต้องดำเนินการสรรหาตามคำสั่งดังกล่าว
ดังนั้น เมื่อต้องมีการสรรหาตามคำสั่ง คสช. ทางสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาฯคณะกรรมการสรรหา จึงประสานมาที่ สตง. ให้เป็นต้นเรื่องแจ้งว่า คตง.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อไร จึงได้ทำหนังสือถึงเลขาวุฒิสภา ลงวันที่ 24 เม.ย. 60 ถึงวาระการดำรงตำแหน่งของ คตง.ปัจจุบัน จากนั้น ทางเลขาวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือกลับมาถึงสตง. ในวันที่ 28 เม.ย.60 แจ้ง คตง. เสนอชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่ กก.สรรหา ตนจึงแจ้งต่อที่ประชุม คตง.ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม คตง.(11พ.ค.) ตนได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และมีการนัดวันประชุม เพื่อเสนอชื่อ กก.สรรหาคตง.ให้กับ เลขาวุฒิสภา ภายในวันที่ 24 พ.ค.นี้ จึงคิดว่ากระบวนการสรรหา น่าจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นให้ศาลรธน.วินิจฉัย จากนี้ไป ก็จะเป็นหน้าที่ของ กก.สรรหาซึ่งคิดว่าน่าจะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ในคำสั่งของคสช. ที่ 21/2560 ส่วนที่ คตง. มีความเห็นว่า การสรรหาควรรอให้มีพ.ร.ป.ว่าด้วยตรวจเงินแผ่นดินก่อนนั้น คิดว่า คตง.เข้าใจตัวคำสั่ง คสช.แล้ว จึงมีมติว่าจะเสนอชื่อ กก.สรรหาให้ทันภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับหนังสือให้กับเลขาวุฒิสภา
"ผมได้เล่าให้ คตง.ฟังในที่ประชุมว่า สตง.ไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้โดยพลการ แต่เป็นหน้าที่ต้องดำเนินการ ตามคำสั่ง คสช.21/2560 ถ้าไม่ทำไม่ต้องพูดว่าละเว้นหรือไม่ แต่ก็ไม่งาม ซึ่งคิดว่า คตง.เข้าใจ เพราะข้อเท็จจริงไม่ซับซ้อน ขอยืนยันว่าไม่มีการงัดข้อ และบรรยากาศในสตง. ก็ไม่ร้อนระอุอย่างที่มีการพาดหัวข่าว ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่ค้างคาใจระหว่างกัน ทุกคนทำตามหน้าที่ ซึ่งคำสั่งชัดเจนแล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาส่งศาลรธน.ตีความอีก"
นายพิศิษฐ์ กล่าวด้วยว่า การเสียเวลาเพื่อรอการสรรหาใหม่ จะไม่เกิดประโยชน์กับ คตง.ชุดปัจจุบัน นอกจากจะได้รักษาการนานขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคิดว่า 3 ปี ทำงานอย่างเต็มที่ก็ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อครบวาระแล้ว คนอื่นจะมาทำต่อก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย แต่การสรรหา คตง. ช้าจะกระทบกับการสรรหา ผู้ว่าสตง. คนใหม่ ที่จะมาแทนตน ซึ่งจะหมดวาระพร้อมกับ คตง.ชุดปัจจุบันด้วย ดังนั้นในการสรรหาผู้ว่าสตง. จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน เพราะ ตนไม่สมัครเป็นคตง.ชุดใหม่แน่นอน จึงไม่มีเรื่องของประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่เป็นข่าว
"คงไม่ใช่ว่า คตง.ชุดปัจจุบันจะไปทำหน้าที่เลือกผู้ว่าฯสตง. ไปรอ คตง.ชุดใหม่ แม้ว่าอาจจะมีสิทธิสมัครเป็นคตง. อีกครั้งหรือไม่ ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมายแต่ไม่ใช่ชุดปัจจุบันนี้ ต้องแยกแยะให้ถูก ซึ่งคำสั่ง คสช. ที่ 23/2560 กำหนดไว้หมดแล้ว มีเจตนาต้องการให้สืบทอดงานกัน ไม่ใช่ว่าให้สรรหาแล้วเราไม่ทำตาม ถ้าไม่ทำแล้วจะเขียนกรอบเวลาไว้ทำไม นี่คือสิ่งที่ สตง.ดำเนินการไป ไม่มีข้อขัดแย้ง หรือหวังผลว่าจะให้ใครเป็นผู้ว่าฯสตง. ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้นคนที่จะสรรหาผู้ว่าฯสตง. ต้องเป็นคตง.ชุดใหม่ ส่วนจะได้ คตง.คนเดิมบางคนกลับมาหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง "
ส่วนประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการลงสมัคร คตง. อีกครั้ง ของ คตง.ชุดปัจจุบันว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตีความโดย คตง.ชุดปัจจุบันควรจะทราบเองว่า จะสมัครได้หรือไม่ แต่ถ้าอ่านตามคำสั่ง คสช.ที่ 23 จะมีความกระจ่างอยู่แล้วว่า ห้ามคนที่เคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระมาก่อนลงสมัคร แม้ว่ามีคำสั่ง คสช.ที่ 71 ให้ คตง.ชุดปัจจุบันลงสมัครได้อีกครั้งก็ตาม เพราะคำสั่งเก่าที่แย้งกับคำสั่งใหม่นั้น ต้องยึดคำสั่งใหม่ที่มีการเขียนกระบวนการสรรหาไว้ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการออกคำสั่งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตีความ แม้จะไม่มีการยกเลิกคำสั่งที่ 71 แต่ก็ถือว่ามีผลเฉพาะเท่าที่ไม่ขัดกับคำสั่งใหม่เท่านั้น เรื่องนี้จึงไม่ซับซ้อน ต้องยึดคำสั่งปัจจุบันเป็นแนวปฏิบัติ
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึง ปัญหาการสรรหา คตง. ว่า ก่อนหน้านี้มีคำสั่งคสช. ออกมาให้ คตง. อยู่จนครบ ซึ่งตามกำหนดจะครบเดือนก.ย.นี้ และให้ดำเนินการสรรหาใหม่ ซึ่งเดิมคำสั่งดังกล่าวเขียนรวมกันกับศาลรธน. แล้วก็แก้ไขไปมาอยู่หลายครั้ง จนดูเหมือนจะตกหล่นรายละเอียดไป ดังนั้น คงต้องไปแก้อีกรอบ เพื่อกระบวนการสรรหาจะได้เริ่ม
ทั้งนี้ เจตนารมณ์การสรรหาคตง. ของคำสั่ง คสช. ต้องการให้สรรหาก่อนที่ คตง.จะครบวาระดำรงตำแหน่ง ภายใน 180 วัน ก่อนครบวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง แต่ไม่ทราบว่าเขาไปเข้าใจให้สรรหาหลังครบวาระได้อย่างไร นอกจากนี้ ความจริงในการสรรหา คตง.ไม่จำเป็นต้องมี สตง.เป็นผู้แทน แต่ไม่รู้ว่าเขียนอย่างไร จึงต้องมีผู้แทนจาก สตง. เป็นกรรมการสรรหาด้วย จนขณะนี้เกิดปัญหาขึ้น และคณะกรรมการสรรหา คตง.หยุดชะงัก ดังนั้น คงต้องไปบอกรัฐบาลเขียนให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า หากมีการสรรหา คตง. จะทำให้ คตง.ชุดปัจจุบันลาออก เพื่อลงสมัครคัดเลือกเป็น คตง.ใหม่อีกวาระ นายมีชัย กล่าวว่า ข้อกำหนดดังกล่าวหาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหนของคำสั่ง คสช. แต่เจตนาไม่ใช่เช่นนั้น กล่าวคือ คนที่เคยเป็นแล้วต้องไม่เป็นอีก ซึ่งตนต้องไปทำให้ร่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ผู้ว่าฯสตง. ที่จะมาเป็นกรรมการ ก็ยังเป็นปัญหาว่าเป็นได้หรือไม่
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า การสรรหา คตง. ไม่จำเป็นต้องรอให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินเสร็จก่อน ทาง กรธ. อยากให้สรรหาไปเลย เพราะกลัวว่ากม.ลูกจะช้า และอาจเป็นปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ในรธน. กำหนดให้บุคคลเป็นคตง. ได้ครั้งเดียว เว้นวรรคแล้วค่อยลงสรรหาใหม่อีกรอบ ก็ไม่ได้
ดังนั้น เมื่อต้องมีการสรรหาตามคำสั่ง คสช. ทางสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขาฯคณะกรรมการสรรหา จึงประสานมาที่ สตง. ให้เป็นต้นเรื่องแจ้งว่า คตง.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อไร จึงได้ทำหนังสือถึงเลขาวุฒิสภา ลงวันที่ 24 เม.ย. 60 ถึงวาระการดำรงตำแหน่งของ คตง.ปัจจุบัน จากนั้น ทางเลขาวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือกลับมาถึงสตง. ในวันที่ 28 เม.ย.60 แจ้ง คตง. เสนอชื่อบุคคลที่จะทำหน้าที่ กก.สรรหา ตนจึงแจ้งต่อที่ประชุม คตง.ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม คตง.(11พ.ค.) ตนได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และมีการนัดวันประชุม เพื่อเสนอชื่อ กก.สรรหาคตง.ให้กับ เลขาวุฒิสภา ภายในวันที่ 24 พ.ค.นี้ จึงคิดว่ากระบวนการสรรหา น่าจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นให้ศาลรธน.วินิจฉัย จากนี้ไป ก็จะเป็นหน้าที่ของ กก.สรรหาซึ่งคิดว่าน่าจะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ในคำสั่งของคสช. ที่ 21/2560 ส่วนที่ คตง. มีความเห็นว่า การสรรหาควรรอให้มีพ.ร.ป.ว่าด้วยตรวจเงินแผ่นดินก่อนนั้น คิดว่า คตง.เข้าใจตัวคำสั่ง คสช.แล้ว จึงมีมติว่าจะเสนอชื่อ กก.สรรหาให้ทันภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับหนังสือให้กับเลขาวุฒิสภา
"ผมได้เล่าให้ คตง.ฟังในที่ประชุมว่า สตง.ไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้โดยพลการ แต่เป็นหน้าที่ต้องดำเนินการ ตามคำสั่ง คสช.21/2560 ถ้าไม่ทำไม่ต้องพูดว่าละเว้นหรือไม่ แต่ก็ไม่งาม ซึ่งคิดว่า คตง.เข้าใจ เพราะข้อเท็จจริงไม่ซับซ้อน ขอยืนยันว่าไม่มีการงัดข้อ และบรรยากาศในสตง. ก็ไม่ร้อนระอุอย่างที่มีการพาดหัวข่าว ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่ค้างคาใจระหว่างกัน ทุกคนทำตามหน้าที่ ซึ่งคำสั่งชัดเจนแล้ว ก็ไม่ต้องเสียเวลาส่งศาลรธน.ตีความอีก"
นายพิศิษฐ์ กล่าวด้วยว่า การเสียเวลาเพื่อรอการสรรหาใหม่ จะไม่เกิดประโยชน์กับ คตง.ชุดปัจจุบัน นอกจากจะได้รักษาการนานขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคิดว่า 3 ปี ทำงานอย่างเต็มที่ก็ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อครบวาระแล้ว คนอื่นจะมาทำต่อก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย แต่การสรรหา คตง. ช้าจะกระทบกับการสรรหา ผู้ว่าสตง. คนใหม่ ที่จะมาแทนตน ซึ่งจะหมดวาระพร้อมกับ คตง.ชุดปัจจุบันด้วย ดังนั้นในการสรรหาผู้ว่าสตง. จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน เพราะ ตนไม่สมัครเป็นคตง.ชุดใหม่แน่นอน จึงไม่มีเรื่องของประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างที่เป็นข่าว
"คงไม่ใช่ว่า คตง.ชุดปัจจุบันจะไปทำหน้าที่เลือกผู้ว่าฯสตง. ไปรอ คตง.ชุดใหม่ แม้ว่าอาจจะมีสิทธิสมัครเป็นคตง. อีกครั้งหรือไม่ ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมายแต่ไม่ใช่ชุดปัจจุบันนี้ ต้องแยกแยะให้ถูก ซึ่งคำสั่ง คสช. ที่ 23/2560 กำหนดไว้หมดแล้ว มีเจตนาต้องการให้สืบทอดงานกัน ไม่ใช่ว่าให้สรรหาแล้วเราไม่ทำตาม ถ้าไม่ทำแล้วจะเขียนกรอบเวลาไว้ทำไม นี่คือสิ่งที่ สตง.ดำเนินการไป ไม่มีข้อขัดแย้ง หรือหวังผลว่าจะให้ใครเป็นผู้ว่าฯสตง. ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้นคนที่จะสรรหาผู้ว่าฯสตง. ต้องเป็นคตง.ชุดใหม่ ส่วนจะได้ คตง.คนเดิมบางคนกลับมาหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง "
ส่วนประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการลงสมัคร คตง. อีกครั้ง ของ คตง.ชุดปัจจุบันว่าสามารถทำได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตีความโดย คตง.ชุดปัจจุบันควรจะทราบเองว่า จะสมัครได้หรือไม่ แต่ถ้าอ่านตามคำสั่ง คสช.ที่ 23 จะมีความกระจ่างอยู่แล้วว่า ห้ามคนที่เคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระมาก่อนลงสมัคร แม้ว่ามีคำสั่ง คสช.ที่ 71 ให้ คตง.ชุดปัจจุบันลงสมัครได้อีกครั้งก็ตาม เพราะคำสั่งเก่าที่แย้งกับคำสั่งใหม่นั้น ต้องยึดคำสั่งใหม่ที่มีการเขียนกระบวนการสรรหาไว้ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการออกคำสั่งอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตีความ แม้จะไม่มีการยกเลิกคำสั่งที่ 71 แต่ก็ถือว่ามีผลเฉพาะเท่าที่ไม่ขัดกับคำสั่งใหม่เท่านั้น เรื่องนี้จึงไม่ซับซ้อน ต้องยึดคำสั่งปัจจุบันเป็นแนวปฏิบัติ
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึง ปัญหาการสรรหา คตง. ว่า ก่อนหน้านี้มีคำสั่งคสช. ออกมาให้ คตง. อยู่จนครบ ซึ่งตามกำหนดจะครบเดือนก.ย.นี้ และให้ดำเนินการสรรหาใหม่ ซึ่งเดิมคำสั่งดังกล่าวเขียนรวมกันกับศาลรธน. แล้วก็แก้ไขไปมาอยู่หลายครั้ง จนดูเหมือนจะตกหล่นรายละเอียดไป ดังนั้น คงต้องไปแก้อีกรอบ เพื่อกระบวนการสรรหาจะได้เริ่ม
ทั้งนี้ เจตนารมณ์การสรรหาคตง. ของคำสั่ง คสช. ต้องการให้สรรหาก่อนที่ คตง.จะครบวาระดำรงตำแหน่ง ภายใน 180 วัน ก่อนครบวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง แต่ไม่ทราบว่าเขาไปเข้าใจให้สรรหาหลังครบวาระได้อย่างไร นอกจากนี้ ความจริงในการสรรหา คตง.ไม่จำเป็นต้องมี สตง.เป็นผู้แทน แต่ไม่รู้ว่าเขียนอย่างไร จึงต้องมีผู้แทนจาก สตง. เป็นกรรมการสรรหาด้วย จนขณะนี้เกิดปัญหาขึ้น และคณะกรรมการสรรหา คตง.หยุดชะงัก ดังนั้น คงต้องไปบอกรัฐบาลเขียนให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า หากมีการสรรหา คตง. จะทำให้ คตง.ชุดปัจจุบันลาออก เพื่อลงสมัครคัดเลือกเป็น คตง.ใหม่อีกวาระ นายมีชัย กล่าวว่า ข้อกำหนดดังกล่าวหาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหนของคำสั่ง คสช. แต่เจตนาไม่ใช่เช่นนั้น กล่าวคือ คนที่เคยเป็นแล้วต้องไม่เป็นอีก ซึ่งตนต้องไปทำให้ร่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ผู้ว่าฯสตง. ที่จะมาเป็นกรรมการ ก็ยังเป็นปัญหาว่าเป็นได้หรือไม่
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า การสรรหา คตง. ไม่จำเป็นต้องรอให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินเสร็จก่อน ทาง กรธ. อยากให้สรรหาไปเลย เพราะกลัวว่ากม.ลูกจะช้า และอาจเป็นปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ในรธน. กำหนดให้บุคคลเป็นคตง. ได้ครั้งเดียว เว้นวรรคแล้วค่อยลงสรรหาใหม่อีกรอบ ก็ไม่ได้