xs
xsm
sm
md
lg

ด้วยบารมีพระเอเชียเทวาธิราช!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


บรรยากาศความขมึงตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี...ที่ทำให้ใครต่อใครออกอาการขนลุก ขนตั้ง เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มาถึง ณ ขณะนี้ต้องเรียกว่า...ลดลงไปแบบฮวบๆ ฮาบๆ โดยเฉพาะหลังจากปวงชนชาวเกาหลีใต้ ตัดสินใจเลือก “นายมุน แจ-อิน” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ชนิดแทบไม่ต่างไปจากครั้งที่ปวงชนชาวฟิลิปปินส์ เลือก “นายดูเตอร์เต” ขึ้นมาเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ ยังไงยังงั้น อันถือเป็นตัวส่งผลให้ความขมึงตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ซึ่งเคยทำให้อาเซียนทั้งอาเซียน ปวดหัว ปวดหำกันมาโดยตลอด แทบละลายหายเกลี้ยงยิ่งกว่าได้รับประทานยา “บวดหาย” หรือยา “ริดสีดวงทวารตาปลามังกร” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

แม้ว่าโดยบุคลิกภาพของ “นายมุน แจ-อิน” แทบจะเป็นคนละเรื่อง คนละเบอร์ กับ “นายดูเตอร์เต” คือไม่ถนัดในการ “อมสุนัข” เอาไว้ในปากไม่ได้ออกไปทางชาวบ้านๆ หนักไปทางนักวิชาการ นักกฎหมาย แถมเป็นนักกฎหมายแนวเน้นสิทธิมนุษยชนด้วยต่างหาก แต่นั่นต้องถือเป็นแค่ลีลา เป็นไลฟ์สไตล์ เพราะสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น ย่อมขึ้นอยู่กับ “จุดยืน-ทัศนะ-วิธีการ” ของผู้นำแต่ละราย ว่าจะเป็นไปในแนวไหนกันแน่!!! ซึ่งถ้ามองกันในแง่นี้ ทั้ง “นายมุน แจ-อิน” และ “นายดูเตอร์เต” ก็ออกจะมีอะไรคล้ายๆ กันอยู่พอสมควร คือต่างไม่ได้คิด “ศิโรราบ” ต่อคุณพ่ออเมริกาไปด้วยทั้งคู่ สำหรับรายของ “ดูเตอร์เต” นั้น ถึงขั้นเสนอตำแหน่ง “ลูกกะหรี่” หรือ “ลูก...อีดอก” ให้กับผู้นำอเมริกากันเห็นๆ ส่วนราย “มุน แจ-อิน” ที่อาจเคยผ่านการทำศัลยกรรม ผ่าสุนัขออกจากปากมาตั้งแต่แรก แม้ไม่ดุเดือดเลือดพล่านถึงขั้นนั้น แต่ถ้าลองหันไปดู “คำขวัญ” ที่ใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเที่ยวนี้ เช่นคำว่า “Say No to America” ก็น่าจะหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน...

รายของ “ดูเตอร์เต” นั้น...ว่ากันว่า ทำให้นโยบายทางยุทธศาสตร์ของคุณพ่ออเมริกา ที่ทั้ง “โอมาบ้า” และ “นางฮิลลารี คลินตัน” พยายามนิรมิตสร้างสรรค์มาโดยตลอด คือนโยบาย “ปักหมุดในเอเชีย” (Pivot to Asia) แทบพังทลายลงไปต่อหน้า ต่อตา คือแทบไม่รู้ว่าจะไปหาที่ปักหมุดเอาไว้ตรงไหน ในเมื่อฟิลิปปินส์ที่เคยเป็นอดีตฐานทัพของอเมริกามาตั้งแต่อ้อน แต่ออก แถมยังสามารถยุให้ตีกะจีนได้ง่ายมาก ด้วยเหตุเพราะข้อพิพาทในน่านน้ำหมู่เกาะปะการัง ในทะเลจีนใต้ ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ครั้งพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูด แต่จู่ๆ...เมื่อ “ดูเตอร์เต” กลับหันไป “จูบปาก” จีนและรัสเซียเฉยเลย ส่งผลให้เวียดนามที่มีปัญหาเดียวกันกับฟิลิปปินส์ พลอยหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะผนึกกำลัง “อาเซียน” ให้เป็นลูกตุ้มถ่วงจีนอีกต่อไป คุณพ่ออเมริกาท่านเลยต้องหันไปปักหมุดแถวๆ ออสเตรเลียโน่นเลย ซึ่งหนักไปทาง “เสียบหล่น...เสียบหล่น ตั้งห้าหกที” พอๆ กับเพลง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ทำนองนั้น...

ส่วนรายของ “มุน แจ-อิน” นั้น...จะถึงขั้นส่งผลให้ความพยายาม “ปิดล้อมจีนในทางทหาร” สูญสลายหายวับไปกับตา หรือไม่ อย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่หลายต่อหลายฝ่ายกำลังมองเขม้นอย่างชนิดมิอาจกะพริบตาได้เลย ทั้งนั้น ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่าเกาหลีใต้จะเอายังไงต่อไปดีกับ “ระบบป้องกันขีปนาวุธ” ที่เรียกๆ กันว่า “THAAD” ซึ่งถูกคุณพ่ออเมริกาใส่ถาดประเคนให้ถึงที่ ตามข้อตกลงที่รัฐบาล “โอมาบ้า” ได้ทำไว้กับรัฐบาล “นางปัก กึน-ฮเย” เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และโดยเงื่อนไข ข้ออ้างนั้น...รัฐบาลใหม่ของ “นายมุน แจ-อิน” น่าจะมีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอสมควร เพราะไม่เพียงผู้คนในเกาหลีใต้เอง ออกจะรังเกียจ รังงอนต่ออุปกรณ์เครื่องมือชนิดนี้ มาตั้งแต่แรก ถึงขั้นเคยเดินขบวนระดมผู้คนได้เป็นพันๆ หมื่นๆ เพื่อต่อต้าน คัดค้าน การนำระบบดังกล่าวมาติดตั้งในเกาหลีใต้ได้อย่างเป็นน้ำ เป็นเนื้อ แม้แต่ชาวบ้าน ชาวช่องที่อยู่รอบๆ พื้นที่ติดตั้ง ยังกลัวๆ ว่ารังสีจากระบบเรดาร์ อาจทำลายพืชผลการเกษตรของตัว แต่นั่นยังหมายรวมไปถึงสัมพันธภาพทางการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับจีน ที่เคยลื่นๆ ไหลๆ มาโดยตลอด แต่ด้วยเหตุเพราะคุณพ่ออเมริกาเข็น “THAAD” ใส่ถาดมาประเคนให้เกาหลีใต้กันถึงที่นั่นเอง การต่อต้านสินค้าเกาหลีใต้ในประเทศจีน จึงระเบิดเถิดเทิงขึ้นมานับตั้งแต่บัดนั้น...

ไม่เพียงแต่บริษัท “Lotte” ที่เป็นผู้เซ้งที่ดินให้รัฐบาลเกาหลีใต้นำไปใช้เป็นที่ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดนี้เท่านั้น ที่ถูกปิดสาขาในจีนลงไปถึง 23 แห่ง รายการเกมโชว์ของเกาหลีใต้ ที่เคยฮิตๆ ในหมู่ชาวจีน ศิลปิน “K-pop music” ตลอดไปจนดาราเกาหลี ที่เคยมี “ติ่ง” อยู่มากมายในเมืองจีน ไม่น้อยไปกว่าดาราละครน้ำเน่าในเมืองไทย ต่างถูกบล็อก ถูกต่อต้าน ถูกยกเลิกการโชว์ตัว ชนิดแทบทำมาหารับประทานกับกลุ่มเป้าหมายชาวจีนนับเป็นพันๆ ล้านไม่ได้อีกต่อไป เพียงเท่านี้...ก็น่าจะมีน้ำหนักมากพอ สำหรับใช้เป็นเหตุผล ข้ออ้าง ในการล้มเลิกนโยบายและข้อตกลงที่รัฐบาลชุดก่อนได้เคยทำๆ เอาไว้ แต่ก็นั่นแหละ...การล้มเลิกสิ่งเหล่านี้ มันมีความหมายกว้างไกลอยู่ไม่น้อย คืออาจหมายถึงยุทธศาสตร์นโยบาย “ปิดล้อมจีนทางทหาร” ของคุณพ่ออเมริกา อาจถึงขั้นต้อง “ล้มเหลว” ตามไปด้วย!!! และนั่นคงทำให้พวก “Deep-State” ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง “ทรัมป์บ้า” คงไม่คิดจะรามือเอาง่ายๆ...

แต่จะอย่างไรก็ตาม...การที่ “พระเอเชียเทวาธิราช” ได้ส่งทั้ง “นายดูเตอร์เต” และ “นายมุน แจ-อิน” ลงมาจุติบังเกิดในภูมิภาคเอเชียเที่ยวนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ย่อมทำให้หลายสิ่งหลายอย่าง “โล่งง์ง์ง์” ขึ้นมาเป็นกอง แม้โอกาสที่จะทำให้ภูมิภาคเอเชีย กลายเป็น “ภูมิภาคแห่งสันติภาพ” ตามความหวัง ความปรารถนา ที่ชาวเอเชียทั้งหลาย เคยหวังๆ กันเอาไว้ ยังอาจห่างไกลอยู่อีกไม่น้อย แต่บรรยากาศแห่งการเข่นฆ่า ล้างผลาญแบบที่เห็นๆ กันอยู่ในตะวันออกกลาง หรือในยุโรปตะวันออก ก็น่าจะเบาๆ คลายๆ ลงไปอย่างชนิดมิอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย...
กำลังโหลดความคิดเห็น