xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเราไม่พร้อมเป็นประชาชน 4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


ดูเหมือนกับขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้นน่าจะหมายถึงพลวัตด้านเศรษฐกิจเป็นหลักเพื่อขับเคลื่อนไปจากประเทศที่กำลังพัฒนาไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว

มีการอธิบายจากดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ทีมงานของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ว่า “ประเทศไทย 4.0” หมายถึงเศรษฐกิจใหม่ (New Engines of Growth) มีรายได้สูง โดยวางเป้าหมายให้เกิดภายใน 5-6 ปีนี้ เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “Value–Based Economy” หรือ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม และเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น

เปลี่ยนภาคการเกษตรไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยี (Smart Farming) เป็นเกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) เปลี่ยนจาก SMEs ที่รัฐต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไปสู่การเป็น Smart Enterprises และ Startups บริษัทเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เปลี่ยนจาก Traditional Services ซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่ High Value Services และเปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะสูง

แต่ความหมายของไทยแลนด์ 4.0 ก็คือการขับเคลื่อนประเทศด้วยทุนนิยมหรือกลุ่มทุนนั่นเอง พลวัตทางเศรษฐกิจมุ่งไปข้างหน้า แต่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง ตัวแทนในสภานิติบัญญัติเป็นตัวแทนของทุนไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน ซึ่งเราเห็นได้จากการออกพ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับใหม่ที่เอื้อให้กลุ่มทุนมากกว่า

ท่ามกลางการเติบใหญ่ของกลุ่มทุนนี่เองที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยยิ่งสูงขึ้นจนติดท็อปทรีของโลก คำถามว่าสังคมที่เป็นไทยแลนด์ 4.0 ทางเศรษฐกิจนั้น มันทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้นหรือไม่ มันทำให้การเมืองไทยดีขึ้นหรือไม่ มันจะทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนน้อยลงหรือไม่ รัฐบาลมองเห็นเป้าหมายนี้หรือไม่ และเข้าใจไหมว่าความเหลื่อมล้ำก็เป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตประเทศไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ฝ่ายสนับสนุนทักษิณหยิบเอาปมความเหลื่อมล้ำของคนจนมาเป็นเครื่องมือ โดยการสร้างวาทกรรม “ไพร่” ให้คนออกมาตายแทนนักการเมืองระดับเศรษฐกิจหมื่นล้านที่ใช้ทุนเข้ามาเล่นการเมือง แล้วถูกกล่าวหาว่าฉ้อฉลมีผลประโยชน์ทับซ้อนทุจริตเชิงนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตัวเอง เรารู้ว่าจริงแล้วการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายทักษิณไม่ใช่การต่อสู้เพื่อคนจนที่แท้จริง แต่แค่ฉวยโอกาสใช้คนจนเป็นเครื่องมือ

เราอาจบอกว่าจีนที่รวมศูนย์อำนาจปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้รุกไปข้างหน้าได้ แต่ผมเห็นว่านั่นเพราะเขามีเป้าหมายที่ความกินดีอยู่ดีของประชาชนเป็นหลัก ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมของเขาไม่ได้รับใช้นายทุนหรือทำกำไรให้นายทุนอย่างเดียวแต่รับใช้ประชาชนด้วย เราเห็นแล้วว่า อำนาจรวมศูนย์ของรัฐไทยผ่านรัฐบาลเผด็จการนั้น อำนาจรัฐไม่สามารถสลัดตัวจากกลุ่มทุนได้เลย นโยบายและเป้าหมายจึงมุ่งไปเพื่อกลุ่มทุนมากกว่าประชาชน

แล้วถ้าเรากลับไปที่รัฐบาลประชาธิปไตยหลังการเลือกตั้ง เรามองเห็นความหวังบ้างไหมว่า นักการเมืองจะกลายเป็นนักการเมือง 4.0 นำพาประชาชน 4.0 ไปด้วยระบบเศรษฐกิจ 4.0 คำตอบก็คือไม่มีทาง เพราะกลไกและกติกาทางการเมืองไม่ได้มีการปฏิรูปที่จะสร้างนักการเมือง 4.0 ขึ้นมา นักการเมืองยังเป็นคนหน้าเดิมแม้ทุกการเลือกตั้งจะมีคนหน้าใหม่เข้ามา 20-30% แต่ก็เป็นเครือข่ายเก่าบนการเมืองแบบเก่านั่นแหละ สุวัจน์ เสนาะ จาตุรนต์ สุดารัตน์ สุเทพ ฯลฯ

ผมมองไม่เห็นนะครับว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสร้างกลไกที่ป้องกันนักการเมืองฉ้อฉลได้อย่างไร จะป้องกันรัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบได้อย่างไร จะป้องกันเสียงข้างมากที่บิดเบือนการใช้อำนาจอย่างไร จะป้องกันคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจได้อย่างไร

ส่วนประชาชนนั้นถามว่าเขาอยากให้เป็นประชาชน 4.0 หรือไม่ ผมว่าไม่หรอก เพราะถ้าประชาชนก้าวหน้านักการเมืองและผู้มีอำนาจก็จะหาประโยชน์ไม่ได้

ทักษิณเป็นนายทุนเข้ามาแล้วก็หาประโยชน์ให้กลุ่มทุนตัวเอง รัฐบาลทหารเข้ามาก็เพิ่มงบจัดซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ ขึ้นเงินเดือนทหาร และเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนที่รายล้อม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เพิ่งบอกว่า 3 ปีที่ คสช.เข้ามาไม่เสียของและเชื่อว่าโดยภาพรวมประชาชนพอใจ พอเข้าใจนะครับว่า ประชาชนกลุ่มไหนที่พอใจ แต่ต้องยอมรับนะครับว่า เพราะประชาชนกลุ่มนี้กลัวผีทักษิณที่หลอกหลอนอยู่นั่นเองแต่ว่าไปแล้วการไม่สามารถก้าวไปสู่ประชาชน 4.0 นั้น ผมก็ไม่ได้โทษกลไกของรัฐเสียทีเดียว แต่ผมคิดว่าประชาชนต้องโทษตัวเองด้วย

ต้องยอมรับนะครับว่าพลังศรัทธาของพล.อ.ประยุทธ์นั้นถูกโอบอุ้มด้วยความกลัวทักษิณ จนบางครั้งกลายเป็นการขาดสติ เห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลที่ออกพ.ร.บ.ปิโตรเลียมที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน เห็นด้วยกับพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะที่ปิดกั้นเสรีภาพของตัวเอง เห็นด้วยกับความพยายามออกกฎหมายที่ควบคุมสื่อให้อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล

จนลืมไปว่า ตอนที่เราออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณโดยประชาชนที่เชียร์ทหารตอนนี้เป็นกำลังสำคัญนั้น ใช่หรือไม่ว่า สื่อเป็นกำลังสำคัญที่สู้กับระบอบทักษิณ

ตอนนั้นเราใช้วิธีออกมาชุมนุมเรียกร้องต่อต้านรัฐบาลทักษิณใช่หรือไม่ ถ้าใช่โปรดทราบว่าต่อไปทำแบบนั้นไม่ได้ง่ายๆ แล้ว เพราะรัฐบาลนี้ออกกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะมาเพื่อปิดกั้นเสรีภาพการชุมนุมของเรา

ถ้าเราไม่มีสื่อไม่มีการชุมนุมเราจะสู้กับทักษิณได้ไหม บางคนอาจจะบอกว่าได้ ก็อาจจะได้นะ แต่ก็อยากรู้ว่าได้อย่างไร

ทีนี้ต่อไปถ้าชุมนุมก็ไม่ได้สื่อก็ถูกปิดปาก ช่วยบอกว่าเราจะสู้กับรัฐบาลแบบทักษิณที่จะเกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้าอย่างไร

หรือเราเชื่อว่ารัฐบาลประยุทธ์จะอยู่ตลอดไป

แล้วเราไม่เห็นเลยหรือว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรในเชิงโครงสร้างของประเทศไม่มีอะไรที่เราเรียกร้องให้ปฏิรูปเป็นจริงเลย เขาขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 เราเข้าใจว่าประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงเศรษฐกิจ 4.0 ที่จะกลายเป็นเครื่องมือถ่างช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้มากขึ้น เราคาดหวังเศรษฐกิจใหม่ แต่เรามองเห็นการเมืองใหม่อยู่ข้างหน้าไหม ไม่เห็นเลย

ว่าไปแล้วประชาชนนั่นแหละต้องถามตัวเองว่า เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรือไม่ ผู้มีอำนาจไม่ว่าจะมาจากวิถีทางไหนเขาก็เป็นพันธมิตรกับกลุ่มทุนเสมอ เขาไม่ต้องการให้เราเป็นประชาชน 4.0 หรอก แต่แทนที่เราจะกระตุ้นตัวเองดูเหมือนว่าเราจะจำนนตัวเป็นเพียง “ผู้ใต้ปกครอง” เสียมากกว่า

บางทีก็โทษรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ เพราะประชาชนนั่นแหละที่ไม่พร้อมจะเป็นประชาชน 4.0 เสียเอง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawa
กำลังโหลดความคิดเห็น