แม้จะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว...สำหรับการก่อความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ แต่ “ระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี” เที่ยวนี้ ต้องถือว่า “เอาเรื่อง” พอสมควร จำนวนผู้บาดเจ็บที่ปาเข้าไปกว่าครึ่งร้อย แถมเป็นความรุนแรงขณะที่ความพยายามพูดคุยบนโต๊ะเจรจายังคงดำเนินสืบเนื่องมาโดยตลอด การแก้ปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้ ภายใต้ “โลกาภิวัตน์แห่งการก่อการร้าย” ที่มันเชื่อมโยงกันได้สนิทแนบแน่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันเลยชักจะกลายเป็น “ปัญหาปราบเซียน” ยิ่งขึ้นทุกที...
แต่ก็นั่นแหละ...การหันมาใคร่ครวญ ทบทวน ต่อถ้อยคำเรียบๆ ง่ายๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงได้ชี้แนะ ชี้นำไว้เป็นแนวทาง ว่าด้วย “ความเข้าใจ-เข้าถึง-และพัฒนา” ยังถือเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ ที่สอดคล้องกับยุคสมัยเสมอมา เพียงแต่ “ผู้ปฏิบัติ” ทั้งในระดับสูง ระดับล่าง จะตีความหมายของถ้อยคำเหล่านี้ได้ลึกซึ้งถึงแก่นมาก-น้อยขนาดไหนสามารถนำเอา “ประวัติศาสตร์แห่งอดีต” “ความเป็นไปในปัจจุบัน” และ “สิ่งที่ควรเป็นไปในอนาคต” มาเรียงร้อยให้เป็นยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีได้อย่างเหมาะสม กลมกลืน เพียงใด แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ความรุนแรงใดๆ ก็ตาม ย่อมไม่อาจหยุดยั้งความรุนแรงได้เลยแม้แต่น้อย และผู้ที่พยายามนำเอาความรุนแรงมาใช้เป็น “เครื่องมือ” เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ย่อมสมควรถูกประณามไม่ว่าจะในแง่อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็แล้วแต่...
เอาเป็นว่า...แม้จะมีอะไรตูมๆ ตามๆ ขึ้นมาในช่วงนี้ แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คงไม่ถึงกับน่าหวาดหวั่น ขวัญสยองมากมายซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับบ้านอื่น เมืองอื่น ถึงจะนำไปเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว พัฒนาแล้ว อย่างเกาหลีใต้ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีรายใหม่ไปหมาดๆ งานนี้...ต้องเรียกว่า แม้จะได้นักการเมืองเสรีนิยมหัวก้าวหน้า อย่าง “นายมุน แจ-อิน” ผงาดขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำประเทศได้ทันท่วงที แต่ก็ใช่ว่า...จะลดอาการขนลุกขนพองของผู้คนลงไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อถูกนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธของคุณพ่ออเมริกาที่เรียกว่า “THAAD” มาติดตั้งเอาไว้ถึงในบ้าน แทนที่จะเป็นตัวช่วยสร้างความอุ่นอก อุ่นใจ ให้กับชาวเกาหลี กลับออกไปทางกลายเป็นตัวสร้างความร้อนอก ร้อนใจ ไปซะนี่...
ถึงขั้นที่บรรดาเอ็นจีโอชาวเกาหลีใต้ ไม่ต่ำกว่า 527 ราย...ต้องเข้าชื่อยื่นเรื่องราวต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงวันวานที่ผ่านมา ให้ออกคำสั่งระงับปฏิบัติการใดๆ ของระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดนี้โดยฉับพลัน-ทันที แต่ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ ยังไม่มีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา ก็คงต้องถือเป็นภาระหน้าที่ของประธานาธิบดีรายใหม่ ที่จะตัดสินใจเข็น “ม้าไม้เมืองทรอย” ออกไปจากบ้าน หรือเลิก “ชักศึกเข้าบ้าน” ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับชาวเกาหลีใต้ในช่วงระหว่างหาเสียงหรือไม่ อย่างไร ต้องคอยติดตามกันอย่างไม่อาจกะพริบตา เพราะการนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดนี้มาวางแหมะไว้ในเกาหลีใต้ได้สำเร็จ คงแทบไม่ต่างไปจากการนำเอา “อ้อย” ยัดเข้าไปใน “ปากช้าง” เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว โอกาสที่จะล้มเลิกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลอเมริกันกับรัฐบาลเกาหลีใต้ในยุคประธานาธิบดี “ปัก กึน-ฮเย” คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ...
และเท่าที่สังเกตการ “ปลุกระดมความกลัว” ในหมู่ชาวอเมริกันช่วงนี้ ต้องเรียกว่า...ค่อนข้างมาแรงแซงโค้งเอามากๆ บรรดาอเมริกันชนที่กลายเป็นผู้ที่ยึดมั่นว่า “ความโง่...คือความปลอดภัย” ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ ต่างออกอาการขนลุก ขนพอง กับ “ข้อมูลใหม่” ที่แม้จะเก่าเก็บเต็มทีจากทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกิจการพิเศษแห่งกระทรวงมาตุภูมิ อย่าง “ดร.Peter Vincent Pry” อดีตผู้อำนวยการโครงการริเริ่มป้องกันทางยุทธศาสตร์ตั้งแต่ยุคเรแกน ยุคบุช โน่นเลย อย่าง “นายHenry Cooper” ที่เข้าให้การกับคณะกรรมาธิการพลังงานและทรัพยากรของสภาสูงสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ต่างให้ความเห็นไปในแนวเดียวกันว่า...โอกาสที่ “คิมน้อย” แห่งเกาหลีเหนือ จะหันมาใช้อาวุธประหลาดๆ ที่รู้จักกันในนาม “ระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า” (Electro-Magnetic Pulse-EMP) โจมตีอเมริกา มีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ โดยแม้ว่าอาวุธชนิดนี้จะไม่ถึงกับทำลายชีวิตผู้คน ตลอดไปจนอาคาร บ้านเรือน เนื่องจากเป็นระเบิดในที่สูงระดับขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศอันไม่อาจป้องกันได้ง่ายๆ แต่ด้วยแรงระเบิดที่จะเป็นตัวปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รังสีไมโครเวฟ ให้กระจายออกไปในชั้นบรรยากาศได้ดีกว่าระเบิดนิวเคลียร์ภาคพื้นดิน อาจส่งผลให้รัฐต่างๆ ในอเมริกาตกอยู่ในสภาพเป็นอัมพาต บรรดาเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ วิทยุ ทีวี ระบบเอทีเอ็ม ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า ปั๊มแก๊สปั๊มน้ำ ฯลฯ มีแต่ต้องเดี้ยง ต้องเจ๊ง เป็นแถบๆ...
แม้ว่าอาวุธชนิดนี้...มันออกจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ “นิยายวิทยาศาสตร์” อยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่บรรดา “ผู้เชี่ยวชาญ” ในอเมริกาที่กลายเป็นผู้รับผิดชอบเรื่อง “สงคราม” โดยปวงชนแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว ต่างอ้างว่า...ความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือขึ้นไปบนอวกาศได้ถึง 2 ดวงในช่วงระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น อาจทำให้เกิดการบรรทุกระเบิด EMP ขึ้นสู่วงโคจร และพร้อมจะระเบิดใส่ชั้นบรรยากาศเหนือประเทศอเมริกาได้ทุกเมื่อ จริง-ไม่จริงนั้น...คงต้องเอาห้าหาร สิบหาร ไปตามเรื่อง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ชาวอเมริกันที่ยึดเอา “ความโง่” ถือเป็น “ความปลอดภัย” เอาไว้ก่อน ต่างหันมาสนับสนุนรัฐบาลตัวเองให้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธชนิดต่างๆ ไว้ในบ้านอื่น เมืองอื่น ชนิดยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ สำหรับชาวเกาหลีใต้ ที่แม้จะ “ฉลาด” เพียงใดก็ตาม แต่ในเมื่อ “อ้อยเข้าปากช้าง” ไปแล้ว...โอกาสที่จะเข็น “ม้าไม้เมืองทรอย” ออกจากบ้านตัวเอง คงไม่ถึงง่ายแบบการปอกกล้วยเข้าปากกันซักเท่าไหร่นัก...