วานนี้ (8 พ.ค.) พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกสปท. แถลงข่าวชี้แจงกรณีการอภิปรายพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ..... หรือที่ถูกเรียกว่า ร่าง กฎหมายคุมสื่อ ที่ระบุว่า จะยิงเป้านักข่าวว่า ตนขอขอบคุณสื่อ ที่ทำให้คนรู้จักตนทั่วประเทศจากข่าวนี้ จริงๆ แล้วตนไม่อยากจะดังอะไร เพราะทำงานไปตามหน้าที่ รายละเอียดต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สมาชิกสามารถนำมาเสริม กมธ.ได้ ในการอภิปรายเสนอความจริง มีบางคนออกมาไล่ให้ตนไปรบที่ภาคใต้ หรือที่อื่นๆ ตนขอยืนยันว่า ตนออกรบมาทั้งชีวิต และไม่เคยอยู่หลังลูกน้อง ไปถามลูกน้องได้
"มีสื่อบางสื่อนำประวัติของผมมาเปิดเผยว่า เรื่องบริษัทต่างๆ เป็นสวัสดิการผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิ้น ผมยืนยันได้ สร้างสนามกอล์ฟและอะไรต่างๆ ให้ลูกเมียกำลังพลชั้นผู้น้อยได้แดก ได้เงินวันละ 300-400 เพื่อการศึกษาของลูกเขา ไม่ว่าจะเป็น จ.บุรีรัมย์ ผมสร้าง 100 เปอร์เซ็นต์เลย ตั้งแต่ไม่มีอะไร จนปัจจุบันเป็นที่ออกกำลังกายของคนในจังหวัด รวมทั้งที่จ.สุรินทร์ โคราช ร้อยเอ็ด แต่ผมไม่ได้เป็นคนตีกอล์ฟ แต่ก็ทำให้ลูกน้อง สร้างตลาดให้ลูกน้อง ใครขยันก็ทำมาหากิน จะได้มีเงินมีทอง”พล.อ.ธวัชชัย กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย ยืนยันว่า ไม่ได้ไปก้าวก่ายสื่อมวลชน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่ทำคนละหน้าที่เท่านั้น แต่ตนสนับสนุนกฎหมายคุ้มครองสื่อ เพราะตนอยู่ในกฎ กติกา มาตลอด และตนไม่ได้คิดจะเล่นการเมือง และไม่ได้อยู่พรรคชาติพัฒนาด้วย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ว่า ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยังไม่ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวมาให้ ส่วนการเชิญตัวแทนองค์กรสื่อเข้ามาร่วมหารือนั้น เชิญแน่ แต่ต้องรอให้ร่างกฎหมายถึงมือรัฐบาลก่อน ส่วนที่ตนเคยระบุว่าไม่รู้จะเชิญมา 30 องค์กรสื่อ เลยหรือไม่ เพราะไม่รู้จะพูดกันอย่างไรนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะเลือกคุยบางคน แต่จะแบ่งเป็นรอบๆ จะได้คุยทุกคน คิดว่าการเชิญมาทั้งหมดในครั้งเดียว เวลาอาจจะไม่พอ ตอนนี้อาจแบ่งเป็นประเภทของสื่อ ซึ่งตนยินดีมาพบ หลายวันก็ได้ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ถ้ารับความเห็นแล้วจะนำร่างกฎหมายไปปรับปรุงเนื้อหาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอรอฟังความคิดเห็นก่อน เรื่องนี้ต้องขอความเห็นชอบจากครม.ก่อน ถ้าครม.จะให้ปรับปรุงเนื้อหาอย่างไร ก็จะไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนที่นายกฯ มอบหมายให้ รมว.ยุติธรรม รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ก่อนที่จะส่งมายังรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ยังคิดที่จะเชิญ กระทรวงวัฒนธรรม และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมหารือด้วย เผื่อจะมีมุมมองเกี่ยวกับสื่ออื่นๆ
ส่วนการกำหนดให้มีตัวแทนภาครัฐ เข้ามาอยู่ในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนด้วยนั้น ตนไม่ขอให้ความเห็น และทราบ ที่สื่อไม่อยากให้มีตัวแทนรัฐเข้ามาในสภาวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้กำลังจะเชิญตัวแทนสื่อมาเพื่อรับฟังเหตุผล
"มีสื่อบางสื่อนำประวัติของผมมาเปิดเผยว่า เรื่องบริษัทต่างๆ เป็นสวัสดิการผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสิ้น ผมยืนยันได้ สร้างสนามกอล์ฟและอะไรต่างๆ ให้ลูกเมียกำลังพลชั้นผู้น้อยได้แดก ได้เงินวันละ 300-400 เพื่อการศึกษาของลูกเขา ไม่ว่าจะเป็น จ.บุรีรัมย์ ผมสร้าง 100 เปอร์เซ็นต์เลย ตั้งแต่ไม่มีอะไร จนปัจจุบันเป็นที่ออกกำลังกายของคนในจังหวัด รวมทั้งที่จ.สุรินทร์ โคราช ร้อยเอ็ด แต่ผมไม่ได้เป็นคนตีกอล์ฟ แต่ก็ทำให้ลูกน้อง สร้างตลาดให้ลูกน้อง ใครขยันก็ทำมาหากิน จะได้มีเงินมีทอง”พล.อ.ธวัชชัย กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ธวัชชัย ยืนยันว่า ไม่ได้ไปก้าวก่ายสื่อมวลชน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่ทำคนละหน้าที่เท่านั้น แต่ตนสนับสนุนกฎหมายคุ้มครองสื่อ เพราะตนอยู่ในกฎ กติกา มาตลอด และตนไม่ได้คิดจะเล่นการเมือง และไม่ได้อยู่พรรคชาติพัฒนาด้วย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ว่า ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร เพราะสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยังไม่ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวมาให้ ส่วนการเชิญตัวแทนองค์กรสื่อเข้ามาร่วมหารือนั้น เชิญแน่ แต่ต้องรอให้ร่างกฎหมายถึงมือรัฐบาลก่อน ส่วนที่ตนเคยระบุว่าไม่รู้จะเชิญมา 30 องค์กรสื่อ เลยหรือไม่ เพราะไม่รู้จะพูดกันอย่างไรนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะเลือกคุยบางคน แต่จะแบ่งเป็นรอบๆ จะได้คุยทุกคน คิดว่าการเชิญมาทั้งหมดในครั้งเดียว เวลาอาจจะไม่พอ ตอนนี้อาจแบ่งเป็นประเภทของสื่อ ซึ่งตนยินดีมาพบ หลายวันก็ได้ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า ถ้ารับความเห็นแล้วจะนำร่างกฎหมายไปปรับปรุงเนื้อหาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอรอฟังความคิดเห็นก่อน เรื่องนี้ต้องขอความเห็นชอบจากครม.ก่อน ถ้าครม.จะให้ปรับปรุงเนื้อหาอย่างไร ก็จะไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนที่นายกฯ มอบหมายให้ รมว.ยุติธรรม รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ก่อนที่จะส่งมายังรัฐบาล ก็เป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ยังคิดที่จะเชิญ กระทรวงวัฒนธรรม และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมหารือด้วย เผื่อจะมีมุมมองเกี่ยวกับสื่ออื่นๆ
ส่วนการกำหนดให้มีตัวแทนภาครัฐ เข้ามาอยู่ในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนด้วยนั้น ตนไม่ขอให้ความเห็น และทราบ ที่สื่อไม่อยากให้มีตัวแทนรัฐเข้ามาในสภาวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้กำลังจะเชิญตัวแทนสื่อมาเพื่อรับฟังเหตุผล