xs
xsm
sm
md
lg

สื่อภายไต้เงากากเดนเผด็จการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"โสภณ องค์การณ์"

องค์กรสื่อ คนทำสื่อ ได้แสดงออกชัดเจนแล้วว่าไม่เอากฎ หรือกฎหมายออกแนวเผด็จการ ทรราชมาปิดปากสื่อและปิดกั้นสิทธิในการรับรู้ของประชาชน เพราะใครก็ตามที่เสนอกฎหมายแนวนี้ย่อมหวังผลในด้านชั่วร้ายต่อบ้านเมืองทั้งนั้น วางเกมยาวเพื่ออยู่กินเมือง

เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่อีกรอบของคนมีอาชีพทำสื่อ ตั้งแต่การต่อสู้ดิ้นรนยาวนานเพื่อให้รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุนหวัน ยกเลิก ปร. 42 ควบคุมสื่อ ยกตัวอย่างลิง 3 ตัว ปิดปาก ปิดหู ปิดตา สะท้อนให้เห็นการคุมการทำงานของสื่อมวลชนโดยรัฐบาลเผด็จการ

ยุคนั้นยังไม่มีสื่อดิจิตัล สื่อออนไลน์ สื่อโซเชียลแพร่หลายดังเช่นทุกวันนี้ด้วยซ้ำ! ใครจะนึกว่ายังมีพวกหลงยุค สมุนทรราชตกรุ่น เชื้อร้ายโผล่มาพร้อมความผยองอำนาจ ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ เชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งฉกาจกว่านักกฎหมายขี้ข้าเผด็จการรุ่นก่อน

ผ่านสภาตรายาง สมาชิกกินเงินเดือนเป็นแสนอย่างท่วมท้น มีมากหน้าหลายตาล้วนแต่พกพาปัญหาความคับแค้นใจของตัวเองหรือพวกพ้องยกมือเป็นฝักถั่วหวังปิดปากสื่อ บางพวกเข้าคิวเข้าคุกเพราะพฤติกรรมชั่วถูกเปิดโปงโดยสื่อ เสียผลประโยชน์มหาศาล

ย้ำอีกครั้ง มีแต่รัฐบาลเลว โกงกินสะบั้นหั่นแหลก ชั่วร้าย เป็นวัวสันหลังหวะเท่านั้นที่หวาดผวาต่อการรายงานพฤติกรรมของคนทำสื่อ คนดี ไม่มีแผนร้ายแฝงเร้นจะกลัวการตรวจสอบของสื่อทำไม ทุกวันนี้มีกฎหมายสารพัดที่จัดการคนเลวทุกวงการรวมทั้งสื่อด้วย

มีเสียงคนฉลาดปราดเปรื่องพูดเอาเท่ “ที่ผ่านมาคนทำสื่อ องค์กรสื่อไม่สามารถคุมพวกเดียวกันได้...” แต่ไม่บอกชัดเจนว่าพฤติกรรมชั่วร้ายของสื่อว่าเป็นอย่างไร ใครทำ? ในยุคที่มีสื่อแท้ สื่อเทียม สื่อกระสือหากิน สื่อรับจ้างกลุ่มผลประโยชน์ ไม่มีใครคุมใครได้แน่

ประเทศไทยมีกฎหมายหมิ่นประมาท กฎหมายอาญา โทษเกี่ยวกับความผิดใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และกฎหมายอื่นๆ สารพัด เพียงพอต่อการจัดการสื่อเลวเต็มที่ แต่ไม่มีใครนำไปใช้ มาถึงยุคสมุนทรราชตกค้าง จึงมีแผนร่างกฎหมายกดหัวสื่อ อ้างว่าจะคุมได้

เหมือนภาครัฐไง? มีทั้ง ปปช. ปปท. สตง. ดีเอสไอ ผู้ตรวจการฯ ตำรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ ทำงานตรวจสอบ ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น แต่ทำไมการทุจริต คอร์รัปชั่นในประเทศไทยจึงมีแทบทั่วทุกระดับ ทุกหน่วยงาน มากจนติดอันดับโลก

โกงกินกันหนักถึง 35-40 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่านั้น ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่!

แม้มีหน่วยงานตรวจสอบก็ตาม! แบบนี้ทั้งฝ่ายตรวจสอบคงจะมีอะไรเป็นสินน้ำใจ หรือมีสภาวะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นในสถาบัน หลักสูตรพิเศษต่างๆ รวมทั้งความสัมพันธ์ในระบบเพื่อนพ้องน้องพี่ ทำให้การปราบปรามไม่สำเร็จ มีแต่คนจน คนไม่มีเส้นต้องติดคุก

ยุคนี้ถือว่าเป็นความกล้าหาญ หรือความไม่รู้ ก้าวไม่ทันโลกหรือไม่ ที่มีพวกอยากเอาใจเจ้านาย เชื้อเผด็จการยังซ่อนอยู่ในกระดูกดำ อยากออกกฎหมายมากดหัวสื่อ ยิ่งกว่าพยายามปิดฟ้าด้วยฝ่ามือเพราะมีสื่อหลายชนิด มีแค่โทรศัพท์มือถือเป็นสื่อก็เกินพอ

เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีงี่เง่าโผล่มาในยุคดิจิตัลจริงๆ! และพวกนี้ใช่ว่าจะอยู่นานชั่วฟ้าดินสลาย กะอีแค่ได้มากินตำแหน่ง มีเงินเดือนเป็นแสน ได้อำนาจนิดหน่อยก็นึกว่าตัวเองก้าวข้ามสภาวะกบในกะลา เป็นกบมีลายเส้น ยืดคอร้องเสียงดังก้องหนองน้ำได้

ได้อำนาจวาสนาทุกวันนี้ไม่ได้สำนึกเลยว่าเป็นเพราะการตรวจสอบโดยสื่อและภาคประชาชนต่างหากที่ทำให้รัฐบาลชั่วร้ายโกงบ้านกินเมืองไม่ได้สะดวกคอ และพวกนักร่างกฎหมายกดหัวนี่แหละได้เสวยสุขของผลพวงจากการทำงานของคนทำสื่อหลังรัฐประหาร

ไม่อย่างนั้น ชาตินี้จะมีวาสนาได้กินเงินเดือนเป็นแสนหรือ ถ้านักการเมืองยังอยู่?

ปัดโธ่! คุยโขมงโฉงเฉง เรื่อง “ไทยแลนด์ 4.0” ชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามากอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพย์สินแผ่นดิน อยากให้รู้ไว้ว่านักลงทุนที่มาจากแผ่นดินประชาธิปไตยเขาเห็นกฎหมายเผด็จการเฮงซวยกดหัวสื่อ เขาก็ไม่กล้าเข้ามาเสี่ยงแล้ว

เว้นแต่พวกนักลงทุนนิยมสามานย์ชอบเซ็งลี้ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง ไม่อยากให้สื่อรายงานความชั่วร้ายเท่านั้นที่ชอบบรรยากาศการลงทุนที่ปลอดจากการตรวจสอบโดยสื่อ หรือชอบรัฐบาลเผด็จการทรราช ขายชาติเอาทรัพย์แผ่นดินมาเซ็งลี้

ยกตัวอย่างว่า “ต้องเป็นแบบสิงคโปร์ ต้องเป็นแบบจีน...” แต่ไม่พูดว่าในสิงคโปร์สื่อแทบไม่มีอะไรรายงานข่าว เพราะไม่มีข้าราชการ ผู้บริหารรัฐบาลมุ่งเน้นมหกรรมสวาปาม ทุจริตคอร์รัปชั่นจนพุงกาง! ไม่รู้อย่างเดียงสาหรือซื่อบื้อว่ารัฐบาลสิงคโปร์เป็นเจ้าของสื่อ

ไม่บอกอีกเช่นกันว่าสื่อในจีนเสนอข่าวครึกโครมเกี่ยวกับรัฐบาลเช็คบิลข้าราชการการเมืองตัวเป้งๆ ทุจริต กินคำโต ในองค์กรขนาดใหญ่ มีแต่ติดคุกยาว ถ้าไม่ถูกประหาร

ที่ผ่านมาว่าที่ “ประเทศไทย 4.0” ก็ประสบความสำเร็จในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเดินขบวนประท้วง มีกฎหมายแบบครอบจักรวาล แม้กระทั่งชุมนุมร้องเรียนเพื่อต้องการให้รัฐแก้ปัญหาความทุกข์ยาก จัดการคนชั่วร้าย ก็ยังโดนสั่งห้ามภายไต้กฎเหล็ก

เป็นความสำเร็จของรัฐบาลทหาร เมื่อควบคุมและห้ามการชุมนุมสำเร็จ การควบคุมสื่อภายไต้ข้ออ้างน่าหัวร่อว่า “คุ้มครอง” จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกอยากสืบทอด หรือต่อยอดอำนาจคุมประเทศ ในขณะที่เสียงเรียกร้องให้แก้ปัญหาเร่งด่วนยังถูกเมินเฉย

อยากถามอีกครั้ง ถ้ารัฐบาลในอนาคตมีพฤติกรรมชั่วร้าย โกงบ้านกินเมือง เล่นพรรคเล่นพวกสร้างเครือข่ายกุมหน่วยงานองค์กรของรัฐ ใครจะจัดการได้ เพราะองค์กรต่างๆ อยู่ไต้เงื้อมมือของคนชั่วร้าย การรัฐประหารขับไล่รัฐบาลจะทำไม่ได้ง่ายอีกต่อไป

แม้ขั้นตอนจากนี้ไปจะยังยาวนาน แต่ก็ไว้ใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าเชื้อชั่วเผด็จการยังไม่หมดสิ้น ขึ้นอยู่กับคณะลุงตู่ว่าจะเอาอย่างไร จะพิจารณาร่วมกันหาทางออกหรือตัดทอนบางเรื่อง แต่ยังคงข้อบังคับไว้ เอาเป็นว่าถ้าผลสุดท้ายเป็นกฎหมาย พวกอำนาจนิยมก็ชนะ

ได้แต่หวังว่า “ลุงตู่” ไม่มีส่วนร่วมในการเริ่มคิดเรื่องคุมสื่อนี้ เพราะเห็นพูดหลายรอบแล้วว่าไม่ต้องการอยู่ต่อหรือทอดยาวอำนาจ เพียงพูดโจ๊กทำนองว่า “ยิ่งถูกไล่ ยิ่งอยู่นาน”

ความพยายามของหัวโจกและหัวหอกขับดันร่างกฎหมายกดหัวสื่อผ่านฉลุยมาถึงขั้นนี้ มันเลยกรุงลงกาจนใกล้ลงเหวแล้ว! ถ้าเป็นกฎหมายได้เต็มบ้องก็ “เอวัง! ประเทศไทย 4.0” ต้องติดกับดักของพวกกากเผด็จการอีกหน! นานเท่าไหร่ สวรรค์หรือนรกเท่านั้นที่รู้


กำลังโหลดความคิดเห็น