เลขาธิการ ปปง. "พล.ต.อ.ชัยยะ" เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ "รับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม" อาจเข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงิน โทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 2 แสนบาท พ่วงยึดทรัพย์
จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาเตือนว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตออกมาเปิดเพจ “รับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” จูงใจโดยการให้ผลตอบแทนสูง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังว่าการชักชวนดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ไม่ประสงค์ดี อาจเข้าข่ายต้มตุ๋น และอาจเข้าเกณฑ์การฟอกเงินด้วยนั้น
พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรูปแบบการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผ่านอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก โดยถูกปรับเปลี่ยนไปให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำนักงาน ปปง.จึงมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่อาจจะพบเหตุการณ์เช่นนี้ในชีวิตประจำวัน
สำนักงาน ปปง.จึงขอแจ้งเตือนว่า “การรับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” ดังกล่าวอาจเป็น “รูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงให้โอนเงิน” หรืออาจเข้าข่าย “การรับจ้างเปิดบัญชี” ดังนั้น สำนักงาน ปปง.จึงขอแจ้งเตือนประชาชน “อย่าหลงเชื่อ” จนนำไปสู่การซื้อหรือขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม เพราะอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน
สำหรับผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีและใช้บัญชี การกระทำดังกล่าวเป็นการให้ความร่วมมือกับมิจฉาชีพด้วยวิธีการรับจ้างเปิดบัญชีเพื่อใช้ในการหลอกลวงให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อโอนเงิน เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยสำนักงาน ปปง.จะตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในที่สุด และจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินต่อผู้ที่จ้างให้เปิดบัญชีและผู้รับจ้างเปิดบัญชีอย่างเด็ดขาด และถึงที่สุดเช่นกัน
ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินนั้นมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท
พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีข้อสงสัยใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือสงสัยว่าอาจจะโดนหลอกลวงให้โอนเงิน สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายโทรศัพท์สายด่วน ปปง.1710 และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสำนักงาน ปปง.จะใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการดำเนินการในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างรอบคอบรัดกุม บนพื้นฐานของความยุติธรรม
จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาเตือนว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตออกมาเปิดเพจ “รับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” จูงใจโดยการให้ผลตอบแทนสูง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังว่าการชักชวนดังกล่าวอาจเป็นการกระทำที่ไม่ประสงค์ดี อาจเข้าข่ายต้มตุ๋น และอาจเข้าเกณฑ์การฟอกเงินด้วยนั้น
พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีรูปแบบการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผ่านอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก โดยถูกปรับเปลี่ยนไปให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำนักงาน ปปง.จึงมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่อาจจะพบเหตุการณ์เช่นนี้ในชีวิตประจำวัน
สำนักงาน ปปง.จึงขอแจ้งเตือนว่า “การรับซื้อขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” ดังกล่าวอาจเป็น “รูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงให้โอนเงิน” หรืออาจเข้าข่าย “การรับจ้างเปิดบัญชี” ดังนั้น สำนักงาน ปปง.จึงขอแจ้งเตือนประชาชน “อย่าหลงเชื่อ” จนนำไปสู่การซื้อหรือขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม เพราะอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน
สำหรับผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีและใช้บัญชี การกระทำดังกล่าวเป็นการให้ความร่วมมือกับมิจฉาชีพด้วยวิธีการรับจ้างเปิดบัญชีเพื่อใช้ในการหลอกลวงให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อโอนเงิน เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยสำนักงาน ปปง.จะตรวจสอบธุรกรรมและทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในที่สุด และจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินต่อผู้ที่จ้างให้เปิดบัญชีและผู้รับจ้างเปิดบัญชีอย่างเด็ดขาด และถึงที่สุดเช่นกัน
ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินนั้นมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท
พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีข้อสงสัยใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือสงสัยว่าอาจจะโดนหลอกลวงให้โอนเงิน สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายโทรศัพท์สายด่วน ปปง.1710 และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสำนักงาน ปปง.จะใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการดำเนินการในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างรอบคอบรัดกุม บนพื้นฐานของความยุติธรรม