ข่าวปนคน คนปนข่าว
ข่าวลือ"แม้ว"เตรียมเซ้งพรรค"หลงจู๊"
จับตาปฏิบัติการยึดปชป.ของ"ทีมกำนัน"
เลือกตั้งเมื่อไร ยังไม่มีใครทราบ แต่อย่างน้อยๆ“นักเลือกตั้งอาชีพ”ก็เห็นแสงสว่างรำไรๆ จากรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเฉพาะ“ธง”ที่มีสัญญาณค่อนข้างชัดจากกฎหมายลูก ที่เจาะจง“บอนไซ”ไม่ให้พรรคใหญ่มีโอกาส“แลนสไลด์”กวาดที่นั่ง ส.ส.ครึ่งค่อนสภาฯ เหมือนที่“พรรคทักษิณ”เคยสร้างปรากฏการณ์ไว้ ทำเอาช่วงนี้“พรรคขนาดกลาง”เนื้อหอม ถูกทาบทามให้รับบท“พรรคทหาร”บ้าง “พรรคสำรอง”บ้าง โดยเฉพาะสูตรพรรคสำรอง ที่เข้ายุทธศาสตร์“แยกกันเดิน-รวมกันตี”กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาในวง“วอร์รูมย่าน ถ.เพชรบุรี”ของพรรคเพื่อไทย ที่สรุปและเสนอให้“คนแดนไกล”เคาะไอเดีย ให้สมาชิกพรรคลาออกจากรังใหญ่ไป“ฝากเลี้ยง”ไว้ตามพรรคต่างๆ แล้วต่อ“ท่อน้ำเลี้ยง”ไปให้ไว้เป็น“พรรคสาขา”
หมุดหมายที่แรกเป็น“พรรคชาติไทยพัฒนา”ที่ไร้หัวเรือใหญ่ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯผู้ล่วงลับ ขนาดพรรคกำลังดี การันตี 10-20 ที่นั่งในสภาฯ เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง ที่อดีต ส.ส. และผู้สมัครหลายคนยังขายได้ หากบวกกับบรรดาผู้สมัครที่จัดตั้งมาเข้าไป ก็คงได้เพิ่มเติมอีกหลายสิบที่นั่ง จนอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถชี้ทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งได้ ... ตรงสเปก“นายใหญ่”แบบนี้ จึงมีเสียงลือว่า ช่วงงานงานศพ“หลงจู๊บรรหาร”ได้มีสายตรงมาจาก“คนแดนไกล”ถึง “หนูนา”กัญจนา ศิลปอาชา ไม่เพียงแค่แสดงความเสียใจ แต่ยังเปิดดีลเทกโอเวอร์“พรรคสุพรรณ”กลายๆ ด้วยการอาสาดูแลค่าใช้จ่ายภายในพรรคในระหว่างนี้ เพราะรู้ดีว่า ที่ผ่านมา“หลงจู๊บรรหาร”จัดแจงรับผิดชอบคนเดียว โดยไม่ได้มีการฝากฝังอะไรไว้ ทำเอา“บ้านศิลปอาชา”อยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง จน“คนแดนไกล”เชื่อว่าปิดดีลไม่ยาก
ขณะที่ "คนใน" ก็เม้าต์สนั่นลั่นทุ่งว่า ดีลนี้มีบางคนในพรรคที่เพิ่งตกม้าตาย จนติดโทษแบนทางการเมือง หวังหาลู่ หาเลนให้ "ทายาทตัวเอง" มีที่อยู่ ในระดับนำของพรรค เลยชงไอเดียผ่าน "ลิ่วล้อนายใหญ่" ให้เข้ามาฮุบต้นสังกัด เพราะเกรงว่าหาก"คนกันเอง" ขึ้นเป็นใหญ่ จะถูกสกัดอยู่ในวง"ฝ่ายนิติบัญญัติ" อดไปเชิดหน้าชูคอรับตำแหน่ง“เสนาบดี”กับเขาบ้าง
++++++++++++++++++
อย่างที่รู้ๆกัน คนที่อยู่ใน“องคาพยพ คสช.”ที่วางแผนจะลงเล่นการเมืองต่อ ต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับ นับนิ้วแล้วก็ต้องไม่เกินวันที่ 6 ก.ค.นี้ เป็นอย่างช้า ข่าวว่าทั้ง 2 สภาฯ ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และ สภานิติบัญยัติแห่งชาติ (สนช.) จะทยอยไขก๊อกเปิดหน้ากันหลายสิบชีวิต เปิดหัวไปแล้ว สำหรับอดีต ส.ส.หลายสมัย วิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสปท. ที่ยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ไปพร้อมๆ กับ ณัฏฐ์ ชพานนท์ สปท. อีกคนหนึ่ง รายของ“วิทยา”ประกาศชัดว่าจะกลับไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังสิ้นสถานภาพไปเมื่อครั้งบวชเป็นภิกษุ เมื่อปี 2557 ส่วนรายหลังแจ้งเหตุผลด้านสุขภาพ ทำงานต่อไม่ไหว ทำให้สมาชิก สปท. เหลืออยู่ 193 คน และคาดว่าจะทยอยลาออกกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเดดไลน์ที่รัฐธรรมนูญล็อกไว้สำหรับคนที่อยากไปมีตำแหน่งต่อหลังการเลือกตั้ง กับวาระของสปท.ที่จะหมดภายใน 120 วัน หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับ คาบเกี่ยวกันแค่เดือนเดียว ส่วนใหญ่คงชิงชิ่งก่อน จะเล่นการเมืองหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็รักษาสิทธิ์ตัวเองเอาไว้ก่อน จนเชื่อว่าสุดท้ายคงเหลือสปท. ในวันหมดวาระไม่กี่หน่อ
รายนี้ก็คงอยู่ไม่ยืด“ท่านรองจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. ที่เมื่อช่วงสงกรานต์ ประกาศอนาคตของตัวเองว่า จะยุติบทบาททางการเมือง ขอทำงานด้านปฏิรูปประเทศ ในฐานะ“สื่อเก่า”ก็ “เล่นเป็น”เกาะกระแสคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนฯ ที่ สปท. เพิ่งโหวตผ่านไป ออกตัวการันตีว่า จะไม่มีการตีทะเบียนสื่อแน่นอน หากมีการบังคับให้ตีทะเบียนสื่อ ก็จะลาออกจากตำแหน่ง รองประธาน สปท.ทันที ทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างกฎหมายฉบับสปท.“หมกเม็ด”เรื่องการตีทะเบียน หรือออกมารับรองไว้เต็มประตู และทั้งๆ ที่รู้ว่าวาระ สปท.อยู่ไม่ถึงกฎหมายมีผลบังคับใช้ แบบนี้ก็แบะท่าลาออกก่อนหมดวาระอีกราย
น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการประกาศกลับพรรคประชาธิปัตย์ของ“วิทยา”หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ที่สะท้อนว่า “ทีมงาน กปปส.”ภายใต้การนำของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ คงเดิน“แผน 1”ในการเรียงหน้ากลับไปสวมเสื้อสีฟ้าก่อน เพื่อดูทิศทางลมว่า“ปฏิบัติการยึดพรรค”จะสำเร็จหรือไม่ อย่างที่ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.รุ่นเก๋าของประชาธิปัตย์ “ดักคอ”เอาไว้ โดยบอกว่า ช่วงสิ้นปีนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ คงเป็นจังหวะเหมาะที่“กำนันเทือก”จะเดินเกมยึคพรรคสะตออย่างที่ตั้งใจไว้ “พิเชษฐ”ยังเตือนไปถึง“เดอะมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ด้วยว่า ให้ระวัง “คนใกล้ตัว–หอกข้างแคร่”ที่กระสันจะมาเสียบในตำแหน่งหัวหน้าพรรคไว้ให้ดี โดยเฉพาะทีมงาน กปปส. ที่กลับเข้ามาพรรคอีกครั้ง …ร้อนตัวหรือร้อนท้อง ไม่ทราบ “กำนันเทือก” จึงต้องรีบออกมาให้ข่าวทันควันว่า ไม่ได้มีปัญหากับ“อภิสิทธิ์”และเพิ่งนัดกินข้าวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน .
ช.ชฎา
ข่าวลือ"แม้ว"เตรียมเซ้งพรรค"หลงจู๊"
จับตาปฏิบัติการยึดปชป.ของ"ทีมกำนัน"
เลือกตั้งเมื่อไร ยังไม่มีใครทราบ แต่อย่างน้อยๆ“นักเลือกตั้งอาชีพ”ก็เห็นแสงสว่างรำไรๆ จากรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเฉพาะ“ธง”ที่มีสัญญาณค่อนข้างชัดจากกฎหมายลูก ที่เจาะจง“บอนไซ”ไม่ให้พรรคใหญ่มีโอกาส“แลนสไลด์”กวาดที่นั่ง ส.ส.ครึ่งค่อนสภาฯ เหมือนที่“พรรคทักษิณ”เคยสร้างปรากฏการณ์ไว้ ทำเอาช่วงนี้“พรรคขนาดกลาง”เนื้อหอม ถูกทาบทามให้รับบท“พรรคทหาร”บ้าง “พรรคสำรอง”บ้าง โดยเฉพาะสูตรพรรคสำรอง ที่เข้ายุทธศาสตร์“แยกกันเดิน-รวมกันตี”กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาในวง“วอร์รูมย่าน ถ.เพชรบุรี”ของพรรคเพื่อไทย ที่สรุปและเสนอให้“คนแดนไกล”เคาะไอเดีย ให้สมาชิกพรรคลาออกจากรังใหญ่ไป“ฝากเลี้ยง”ไว้ตามพรรคต่างๆ แล้วต่อ“ท่อน้ำเลี้ยง”ไปให้ไว้เป็น“พรรคสาขา”
หมุดหมายที่แรกเป็น“พรรคชาติไทยพัฒนา”ที่ไร้หัวเรือใหญ่ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯผู้ล่วงลับ ขนาดพรรคกำลังดี การันตี 10-20 ที่นั่งในสภาฯ เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลาง ที่อดีต ส.ส. และผู้สมัครหลายคนยังขายได้ หากบวกกับบรรดาผู้สมัครที่จัดตั้งมาเข้าไป ก็คงได้เพิ่มเติมอีกหลายสิบที่นั่ง จนอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถชี้ทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้งได้ ... ตรงสเปก“นายใหญ่”แบบนี้ จึงมีเสียงลือว่า ช่วงงานงานศพ“หลงจู๊บรรหาร”ได้มีสายตรงมาจาก“คนแดนไกล”ถึง “หนูนา”กัญจนา ศิลปอาชา ไม่เพียงแค่แสดงความเสียใจ แต่ยังเปิดดีลเทกโอเวอร์“พรรคสุพรรณ”กลายๆ ด้วยการอาสาดูแลค่าใช้จ่ายภายในพรรคในระหว่างนี้ เพราะรู้ดีว่า ที่ผ่านมา“หลงจู๊บรรหาร”จัดแจงรับผิดชอบคนเดียว โดยไม่ได้มีการฝากฝังอะไรไว้ ทำเอา“บ้านศิลปอาชา”อยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง จน“คนแดนไกล”เชื่อว่าปิดดีลไม่ยาก
ขณะที่ "คนใน" ก็เม้าต์สนั่นลั่นทุ่งว่า ดีลนี้มีบางคนในพรรคที่เพิ่งตกม้าตาย จนติดโทษแบนทางการเมือง หวังหาลู่ หาเลนให้ "ทายาทตัวเอง" มีที่อยู่ ในระดับนำของพรรค เลยชงไอเดียผ่าน "ลิ่วล้อนายใหญ่" ให้เข้ามาฮุบต้นสังกัด เพราะเกรงว่าหาก"คนกันเอง" ขึ้นเป็นใหญ่ จะถูกสกัดอยู่ในวง"ฝ่ายนิติบัญญัติ" อดไปเชิดหน้าชูคอรับตำแหน่ง“เสนาบดี”กับเขาบ้าง
++++++++++++++++++
อย่างที่รู้ๆกัน คนที่อยู่ใน“องคาพยพ คสช.”ที่วางแผนจะลงเล่นการเมืองต่อ ต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับ นับนิ้วแล้วก็ต้องไม่เกินวันที่ 6 ก.ค.นี้ เป็นอย่างช้า ข่าวว่าทั้ง 2 สภาฯ ทั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และ สภานิติบัญยัติแห่งชาติ (สนช.) จะทยอยไขก๊อกเปิดหน้ากันหลายสิบชีวิต เปิดหัวไปแล้ว สำหรับอดีต ส.ส.หลายสมัย วิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสปท. ที่ยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ไปพร้อมๆ กับ ณัฏฐ์ ชพานนท์ สปท. อีกคนหนึ่ง รายของ“วิทยา”ประกาศชัดว่าจะกลับไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังสิ้นสถานภาพไปเมื่อครั้งบวชเป็นภิกษุ เมื่อปี 2557 ส่วนรายหลังแจ้งเหตุผลด้านสุขภาพ ทำงานต่อไม่ไหว ทำให้สมาชิก สปท. เหลืออยู่ 193 คน และคาดว่าจะทยอยลาออกกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเดดไลน์ที่รัฐธรรมนูญล็อกไว้สำหรับคนที่อยากไปมีตำแหน่งต่อหลังการเลือกตั้ง กับวาระของสปท.ที่จะหมดภายใน 120 วัน หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับ คาบเกี่ยวกันแค่เดือนเดียว ส่วนใหญ่คงชิงชิ่งก่อน จะเล่นการเมืองหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็รักษาสิทธิ์ตัวเองเอาไว้ก่อน จนเชื่อว่าสุดท้ายคงเหลือสปท. ในวันหมดวาระไม่กี่หน่อ
รายนี้ก็คงอยู่ไม่ยืด“ท่านรองจ้อน”อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. ที่เมื่อช่วงสงกรานต์ ประกาศอนาคตของตัวเองว่า จะยุติบทบาททางการเมือง ขอทำงานด้านปฏิรูปประเทศ ในฐานะ“สื่อเก่า”ก็ “เล่นเป็น”เกาะกระแสคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนฯ ที่ สปท. เพิ่งโหวตผ่านไป ออกตัวการันตีว่า จะไม่มีการตีทะเบียนสื่อแน่นอน หากมีการบังคับให้ตีทะเบียนสื่อ ก็จะลาออกจากตำแหน่ง รองประธาน สปท.ทันที ทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างกฎหมายฉบับสปท.“หมกเม็ด”เรื่องการตีทะเบียน หรือออกมารับรองไว้เต็มประตู และทั้งๆ ที่รู้ว่าวาระ สปท.อยู่ไม่ถึงกฎหมายมีผลบังคับใช้ แบบนี้ก็แบะท่าลาออกก่อนหมดวาระอีกราย
น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการประกาศกลับพรรคประชาธิปัตย์ของ“วิทยา”หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ที่สะท้อนว่า “ทีมงาน กปปส.”ภายใต้การนำของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ คงเดิน“แผน 1”ในการเรียงหน้ากลับไปสวมเสื้อสีฟ้าก่อน เพื่อดูทิศทางลมว่า“ปฏิบัติการยึดพรรค”จะสำเร็จหรือไม่ อย่างที่ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.รุ่นเก๋าของประชาธิปัตย์ “ดักคอ”เอาไว้ โดยบอกว่า ช่วงสิ้นปีนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ คงเป็นจังหวะเหมาะที่“กำนันเทือก”จะเดินเกมยึคพรรคสะตออย่างที่ตั้งใจไว้ “พิเชษฐ”ยังเตือนไปถึง“เดอะมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ด้วยว่า ให้ระวัง “คนใกล้ตัว–หอกข้างแคร่”ที่กระสันจะมาเสียบในตำแหน่งหัวหน้าพรรคไว้ให้ดี โดยเฉพาะทีมงาน กปปส. ที่กลับเข้ามาพรรคอีกครั้ง …ร้อนตัวหรือร้อนท้อง ไม่ทราบ “กำนันเทือก” จึงต้องรีบออกมาให้ข่าวทันควันว่า ไม่ได้มีปัญหากับ“อภิสิทธิ์”และเพิ่งนัดกินข้าวกันเมื่อไม่กี่วันก่อน .
ช.ชฎา