ผู้จัดการรายวัน 360- “บิ๊กตู่” ลั่นซื้อเรือดำน้ำไม่โกง-ไม่ซื้อของห่วย แจงมี"ทีโออาร์" ประกวดราคาถูกต้องตามกฎหมาย ยันไม่นำงบดูแลประชาชนไปซื้อ ย้ำตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน “ภตช.”อวยสุดลิ่ม แนะเช่ามาใช้ก่อน 3 ลำ ระหว่างรอของที่ซื้อ ด้านสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ซัด ทร. พูดแต่ด้านดี ไม่พูดถึงด้านเสียที่จะผลกระทบต่อประเทศ จวก “บิ๊กป้อม” โฆษณาชวนเชื่อ “ซื้อ 2 แถม 1"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า กองทัพเรือ ได้ชี้แจงไปแล้วซึ่งไม่มีประเทศใดเขาทำกันแบบนี้เพราะถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่มีการอธิบายอย่างชัดเจน แต่การอนุมัติเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและตามขั้นตอนปกติของการประชุม ครม. มีเอกสารหลักฐานถูกต้องตาม พ.ร.บ.งบประมาณ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าไม่มีประเทศใดที่นำเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มาตีแผ่มากขนาดนี้
การจัดซื้อเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกองทัพว่ามีความต้องการอะไรบ้าง เพื่อทดแทนของเก่า โดยมีคณะกรรมการกำหนดความต้องการและกำหนดขีดความสามารถก่อนจะจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีบริษัทต่างๆ ร่วมประกวดราคา ดังนั้นจึงต้องไปดูคุณสมบัติที่กำหนดใน “ทีโออาร์” และราคาที่ตั้งไว้ว่ามีประเทศใดให้ราคาที่เหมาะสม ทั้งยังต้องดูเรื่องของสิ่งที่จะได้เพิ่มเติม เช่น การศึกษา การซ่อมบำรุง อุปกรณ์ต่างๆ เราจะซื้อจากใครก็เหมือนกันทั้งหมด แต่เราต้องดูระยะยาวว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่
“หลายคนสงสัยว่าจะทุจริตหรือไม่ ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น แต่หวังให้กำลังพลของเราปลอดภัย ให้อาวุธยุทโธปกรณ์ใช้ได้ แต่เมื่อซื้อมาจะเกิดปัญหาต่อการใช้งานในประเทศไทยหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะมีข้อสังเกตจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยกองทัพต้องชี้แจง เมื่อไม่มีปัญหาก็สามารถจัดซื้อได้ ยืนยันว่ามีการตรวจสอบทุกกระบวนการ เหมือนการจัดซื้อจัดจ้างของทุกกระทรวง เพียงแต่เรือดำน้ำเปิดเผยคุณสมบัติมากไม่ได้ หากเราจ้องจะมองแต่เรื่องทุจริตและกล่าวหาว่าเป็นการซื้อของห่วยคงไม่ได้ เพราะไม่มีใครต้องการเอาชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาไปเดิมพันกับเรื่องเหล่านี้”
“การซื้อเรือดำน้ำไม่ได้เอาเงินในส่วนที่จะดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยไปซื้อ เพราะรัฐบาลได้ทุ่มดูแลอย่างเต็มที่แล้ว แต่จะใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือจัดหาเพื่อให้กองทัพเข้มแข็งขึ้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องสนับสนุน อย่างมองว่าเอางบส่วนที่ต้องดูแลประชาชนไปซื้อเรือดำน้ำ เพราะเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจจะแยกจากกันไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้าย
** “ภตช.” อวยสุดลิ่ม แนะเช่ามาใช้ก่อน 3 ลำ
ที่ศูนย์บริการประชาชน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยกล่าวว่า ภตช. สนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาลในครั้งนี้เพราะมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เนื่องจากอนาคตอาจมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็เป็นได้
การจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ตนมองว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ เพราะการต่อเรือจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาถึง 6 ปี ระหว่างนี้ข้อเสนอให้รัฐบาลประสานประเทศมหาอำนาจ ขอเช่าเรือดำน้ำมาประจำการก่อนอย่างน้อย 3 ลำ เพราะความมั่นคงคือสิ่งที่สำคัญ การที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาปากท้องก่อนนั้น มองว่า รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าเสียด้วยซ้ำ
** จี้ ทร.แจงความโปร่งใสซื้อเรือดำน้ำ
ด้าน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ถามกองทัพเรือ กรณีชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำว่า “จัดหาอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรมตรวจสอบได้” อย่างไร โดยระบุว่า ตามที่ ทร. จัดให้มีการแถลงข่าวชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ณ โรงเก็บอากาศยาน เรือหลวงจักรีนฤเบศร ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่1 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น เป็นการแถลงข่าวในลักษณะนำเสนอข้อมูลด้านเดียว กล่าวแต่สิ่งที่เป็นผลดี โดยไม่พูดถึงข้อด้อย หรือผลเสียที่ควรจะแจ้งให้คนไทยได้รับรู้ ทั้งๆที่งยังมีข้อสงสัยหลายประการที่กองทัพเรือ ยังไม่สามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ อาทิ
กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาพูดว่า การซื้อเรือดำน้ำจีนป็นการซื้อแบบ “ซื้อสองแถมหนึ่ง” นั่นคือการโกหกสังคมไทยใช่หรือไม่ เพราะตามถ้อยแถลงของกองทัพเรือมีเป้าหมายจะจัดซื้อตามแผนยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่กำหนดว่าต้องการมีเรือดำน้ำ 3 ลำมาตั้งแต่ต้น เหตุใดจึงมีการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ หลอกสังคมไทยว่า “ซื้อสองแถมหนึ่ง”
ตลอดระยะเวลาในการจัดหาเรือดำน้ำ ทำไมไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการกำหนด TOR ข้อมูลการแข่งขันราคา และรายละเอียดข้อเสนอต่างๆ ของแต่ละประเทศ ในการเสนอแข่งขันกันของประเทศต่างๆ ที่ยื่นข้อเสนอมา ซึ่งไม่ใช่ชั้นความลับทางความมั่นคง และคณะกรรมการที่พิจารณาในเรื่องนี้ทั้งหมด 22 คนเป็นใครบ้าง ทำไมไม่เปิดเผยรายชื่อให้สาธารณชนทราบ เพื่อที่สาธารณชนจะได้ยื่นให้ สตง., ป.ป.ช., หรือ ป.ป.ง. ตรวจสอบสถานะในอดีต-ปัจจุบัน และอนาคตของกรรมการแต่ละคนได้ เพื่อความโปร่งใส
สุดท้าย การชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำว่า“จัดหาอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ตรวจสอบได้” นั้น ใครๆ ก็พูดได้ แต่ถ้าจะให้โปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ตรวจสอบได้จริง ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และหรือหัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 มีคำสั่งตั้ง “คณะกรรมการอิสระ” ขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนของกองทัพ แต่เป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในหน่วยงานวิชาการสถาบันการศึกษา หน่วยงานยุติธรรม เช่น ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ตุลาการศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลชุดนี้มาดำเนินการตรวจสอบโครงการฯ และการหาเรือดำน้ำทั้งหมดว่าเป็นไปตามกฎหมายโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า กองทัพเรือ ได้ชี้แจงไปแล้วซึ่งไม่มีประเทศใดเขาทำกันแบบนี้เพราะถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป แต่ก็ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่มีการอธิบายอย่างชัดเจน แต่การอนุมัติเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและตามขั้นตอนปกติของการประชุม ครม. มีเอกสารหลักฐานถูกต้องตาม พ.ร.บ.งบประมาณ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าไม่มีประเทศใดที่นำเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มาตีแผ่มากขนาดนี้
การจัดซื้อเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกองทัพว่ามีความต้องการอะไรบ้าง เพื่อทดแทนของเก่า โดยมีคณะกรรมการกำหนดความต้องการและกำหนดขีดความสามารถก่อนจะจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีบริษัทต่างๆ ร่วมประกวดราคา ดังนั้นจึงต้องไปดูคุณสมบัติที่กำหนดใน “ทีโออาร์” และราคาที่ตั้งไว้ว่ามีประเทศใดให้ราคาที่เหมาะสม ทั้งยังต้องดูเรื่องของสิ่งที่จะได้เพิ่มเติม เช่น การศึกษา การซ่อมบำรุง อุปกรณ์ต่างๆ เราจะซื้อจากใครก็เหมือนกันทั้งหมด แต่เราต้องดูระยะยาวว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่
“หลายคนสงสัยว่าจะทุจริตหรือไม่ ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น แต่หวังให้กำลังพลของเราปลอดภัย ให้อาวุธยุทโธปกรณ์ใช้ได้ แต่เมื่อซื้อมาจะเกิดปัญหาต่อการใช้งานในประเทศไทยหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะมีข้อสังเกตจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยกองทัพต้องชี้แจง เมื่อไม่มีปัญหาก็สามารถจัดซื้อได้ ยืนยันว่ามีการตรวจสอบทุกกระบวนการ เหมือนการจัดซื้อจัดจ้างของทุกกระทรวง เพียงแต่เรือดำน้ำเปิดเผยคุณสมบัติมากไม่ได้ หากเราจ้องจะมองแต่เรื่องทุจริตและกล่าวหาว่าเป็นการซื้อของห่วยคงไม่ได้ เพราะไม่มีใครต้องการเอาชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาไปเดิมพันกับเรื่องเหล่านี้”
“การซื้อเรือดำน้ำไม่ได้เอาเงินในส่วนที่จะดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยไปซื้อ เพราะรัฐบาลได้ทุ่มดูแลอย่างเต็มที่แล้ว แต่จะใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือจัดหาเพื่อให้กองทัพเข้มแข็งขึ้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องสนับสนุน อย่างมองว่าเอางบส่วนที่ต้องดูแลประชาชนไปซื้อเรือดำน้ำ เพราะเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจจะแยกจากกันไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้าย
** “ภตช.” อวยสุดลิ่ม แนะเช่ามาใช้ก่อน 3 ลำ
ที่ศูนย์บริการประชาชน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยกล่าวว่า ภตช. สนับสนุนการจัดซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาลในครั้งนี้เพราะมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เนื่องจากอนาคตอาจมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็เป็นได้
การจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ตนมองว่าช้าไปเสียด้วยซ้ำ เพราะการต่อเรือจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาถึง 6 ปี ระหว่างนี้ข้อเสนอให้รัฐบาลประสานประเทศมหาอำนาจ ขอเช่าเรือดำน้ำมาประจำการก่อนอย่างน้อย 3 ลำ เพราะความมั่นคงคือสิ่งที่สำคัญ การที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาปากท้องก่อนนั้น มองว่า รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าเสียด้วยซ้ำ
** จี้ ทร.แจงความโปร่งใสซื้อเรือดำน้ำ
ด้าน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ถามกองทัพเรือ กรณีชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำว่า “จัดหาอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรมตรวจสอบได้” อย่างไร โดยระบุว่า ตามที่ ทร. จัดให้มีการแถลงข่าวชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ณ โรงเก็บอากาศยาน เรือหลวงจักรีนฤเบศร ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่1 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น เป็นการแถลงข่าวในลักษณะนำเสนอข้อมูลด้านเดียว กล่าวแต่สิ่งที่เป็นผลดี โดยไม่พูดถึงข้อด้อย หรือผลเสียที่ควรจะแจ้งให้คนไทยได้รับรู้ ทั้งๆที่งยังมีข้อสงสัยหลายประการที่กองทัพเรือ ยังไม่สามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ อาทิ
กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาพูดว่า การซื้อเรือดำน้ำจีนป็นการซื้อแบบ “ซื้อสองแถมหนึ่ง” นั่นคือการโกหกสังคมไทยใช่หรือไม่ เพราะตามถ้อยแถลงของกองทัพเรือมีเป้าหมายจะจัดซื้อตามแผนยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่กำหนดว่าต้องการมีเรือดำน้ำ 3 ลำมาตั้งแต่ต้น เหตุใดจึงมีการบิดเบือนข้อมูลในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ หลอกสังคมไทยว่า “ซื้อสองแถมหนึ่ง”
ตลอดระยะเวลาในการจัดหาเรือดำน้ำ ทำไมไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการกำหนด TOR ข้อมูลการแข่งขันราคา และรายละเอียดข้อเสนอต่างๆ ของแต่ละประเทศ ในการเสนอแข่งขันกันของประเทศต่างๆ ที่ยื่นข้อเสนอมา ซึ่งไม่ใช่ชั้นความลับทางความมั่นคง และคณะกรรมการที่พิจารณาในเรื่องนี้ทั้งหมด 22 คนเป็นใครบ้าง ทำไมไม่เปิดเผยรายชื่อให้สาธารณชนทราบ เพื่อที่สาธารณชนจะได้ยื่นให้ สตง., ป.ป.ช., หรือ ป.ป.ง. ตรวจสอบสถานะในอดีต-ปัจจุบัน และอนาคตของกรรมการแต่ละคนได้ เพื่อความโปร่งใส
สุดท้าย การชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำว่า“จัดหาอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ตรวจสอบได้” นั้น ใครๆ ก็พูดได้ แต่ถ้าจะให้โปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม ตรวจสอบได้จริง ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และหรือหัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 มีคำสั่งตั้ง “คณะกรรมการอิสระ” ขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนของกองทัพ แต่เป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญในหน่วยงานวิชาการสถาบันการศึกษา หน่วยงานยุติธรรม เช่น ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ตุลาการศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลชุดนี้มาดำเนินการตรวจสอบโครงการฯ และการหาเรือดำน้ำทั้งหมดว่าเป็นไปตามกฎหมายโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่