ผู้จัดการรายวัน360-"ทรัมป์" ต่อสายคุย "ประยุทธ์" ชมบริหารงานทำชาติก้าวหน้า พร้อมเชิญไปเยือนสหรัฐฯ เผยในการหารือได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาเกาหลีเหนือ ระบุถ้ามีโอกาสจะแวะมาเยือนไทยในช่วงประชุมเอเปก ด้านนายกฯ ขอให้ช่วยดูแลด้านการค้า รอยเตอร์เผยทรัมป์ต่อสายคุยผู้นำประเทศในอาเซียน จีนและญี่ปุ่น หวังได้รับความร่วมมือกดดันเกาหลีเหนือที่ยังคงเดินหน้าทดลองนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงสนทนากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า นายทรัมป์ได้โทรมาเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย. เวลา 21.00 น. การสนทนาเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยนายทรัมป์ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ของไทยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ และชื่นชมการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้า และยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนกรุงวอชิงตันด้วย ซึ่งนายกฯ ได้ตอบรับคำเชิญ
ทั้งนี้ ในการหารือ นายกรัฐมนตรีไทยได้สอบถามไปว่ามีความกังวลอะไร นายทรัมป์ได้ตอบกลับมาว่าเป็นห่วงสถานการณ์ทะเลจีนใต้ เกาหลีเหนือ การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะเห็นว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งไม่ได้ตีกันหรือกดดันอะไร โดยไทยยังคงยืนยันตามมติสหประชาชาติ และหากมีอะไรให้ไทยสนับสนุนก็พร้อมที่จะสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องของมวลมิตรร่วมชาติ และคาดหวังต่อแนวทางแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้เกิดความสูญเสียต่างๆ และนายทรัมป์ยังได้ฝากความปรารถนาดีมายังคนไทยทุกคนด้วย
“นายกฯ ขอให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูแลเรื่องการค้าระหว่างกันที่มีปริมาณมากขึ้น และยืนยันว่านับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ จะแน่นแฟ้นและจะมีความร่วมมือมากขึ้น ทั้งความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ หากนายกรัฐมนตรีไทยมีอะไรให้ทางสหรัฐฯ สนับสนุนก็ให้ติดต่อหรือโทรตรงได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยังได้ยืนยันที่จะเดินทางมาร่วมประชุมเอเปก และถ้ามีโอกาสก็จะแวะมาประเทศไทยตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีด้วย” พล.ท.วีรชนกล่าว
ด้านสำนักงานข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายทรัมป์ ได้ติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับพล.อ.ประยุทธ์ และนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยการพูดคุยกับนายกฯ ไทย ได้มีการหารือเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ ในการรักษาแรงบีบคั้นทางการทูตและทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้งหนึ่ง แต่ล้มเหลว
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นายทรัมป์ได้คุยโทรศัพท์กับนายดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถึงเรื่องสงครามปราบปรามยาเสพติด และเรื่องเกาหลีเหนือ และก่อนหน้านั้น ได้สนทนากับนายสี จิ้นผิ้ง ประธานาธิบดีของจีน และนายชินโช อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในประเด็นเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ได้กล่าวเตือนในระหว่างให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่มากๆ กับเกาหลีเหนือขึ้นมา แต่ไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างไร ถ้าเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ โดยเขากล่าวเพียงว่า คุณจะได้รู้ในเร็ววันนี้ ขณะที่เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดเอาไว้ในวันที่ 28 เม.ย. ว่า ทางเลือกทุกๆ อย่างที่จะใช้จัดการกับเกาหลีเหนือยังคงวางอยู่บนโต๊ะเอาไว้ให้พิจารณา
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์สายตรงสนทนากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า นายทรัมป์ได้โทรมาเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย. เวลา 21.00 น. การสนทนาเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยนายทรัมป์ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ของไทยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ และชื่นชมการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้า และยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีไปเยือนกรุงวอชิงตันด้วย ซึ่งนายกฯ ได้ตอบรับคำเชิญ
ทั้งนี้ ในการหารือ นายกรัฐมนตรีไทยได้สอบถามไปว่ามีความกังวลอะไร นายทรัมป์ได้ตอบกลับมาว่าเป็นห่วงสถานการณ์ทะเลจีนใต้ เกาหลีเหนือ การก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะเห็นว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งไม่ได้ตีกันหรือกดดันอะไร โดยไทยยังคงยืนยันตามมติสหประชาชาติ และหากมีอะไรให้ไทยสนับสนุนก็พร้อมที่จะสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องของมวลมิตรร่วมชาติ และคาดหวังต่อแนวทางแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้เกิดความสูญเสียต่างๆ และนายทรัมป์ยังได้ฝากความปรารถนาดีมายังคนไทยทุกคนด้วย
“นายกฯ ขอให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูแลเรื่องการค้าระหว่างกันที่มีปริมาณมากขึ้น และยืนยันว่านับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ จะแน่นแฟ้นและจะมีความร่วมมือมากขึ้น ทั้งความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ หากนายกรัฐมนตรีไทยมีอะไรให้ทางสหรัฐฯ สนับสนุนก็ให้ติดต่อหรือโทรตรงได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยังได้ยืนยันที่จะเดินทางมาร่วมประชุมเอเปก และถ้ามีโอกาสก็จะแวะมาประเทศไทยตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีด้วย” พล.ท.วีรชนกล่าว
ด้านสำนักงานข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายทรัมป์ ได้ติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับพล.อ.ประยุทธ์ และนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โดยการพูดคุยกับนายกฯ ไทย ได้มีการหารือเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ ในการรักษาแรงบีบคั้นทางการทูตและทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธอีกครั้งหนึ่ง แต่ล้มเหลว
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นายทรัมป์ได้คุยโทรศัพท์กับนายดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถึงเรื่องสงครามปราบปรามยาเสพติด และเรื่องเกาหลีเหนือ และก่อนหน้านั้น ได้สนทนากับนายสี จิ้นผิ้ง ประธานาธิบดีของจีน และนายชินโช อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในประเด็นเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ได้กล่าวเตือนในระหว่างให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่มากๆ กับเกาหลีเหนือขึ้นมา แต่ไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างไร ถ้าเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ โดยเขากล่าวเพียงว่า คุณจะได้รู้ในเร็ววันนี้ ขณะที่เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดเอาไว้ในวันที่ 28 เม.ย. ว่า ทางเลือกทุกๆ อย่างที่จะใช้จัดการกับเกาหลีเหนือยังคงวางอยู่บนโต๊ะเอาไว้ให้พิจารณา