xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตยที่นำความฉิบหายมาสู่โลก (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เมื่อช่วงวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว...โทรทัศน์ “Fox News” ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกัน จากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 1,009 คน ช่วงระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน อันสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจเอามากๆ คือโดยสรุปคร่าวๆ คงประมาณว่า ทั้งบรรดาผู้ที่ “เอาทรัมป์-ไม่เอาทรัมป์” ถึงขั้นเคยลงมือ ลงตีนระหว่างกันและกันมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่ากลับได้เกิด “เอกภาพ” หรือเกิด “เสียงส่วนใหญ่” ของผู้คนจำนวนไม่น้อยกว่า 53 เปอร์เซ็นต์ ที่ “เห็นควรด้วย” กับการสนับสนุนให้ใช้กำลังทหาร หรือใช้กองทัพอเมริกันเข้าเล่นงานเกาหลีเหนือ เพื่อหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ มีอยู่เพียงแค่ 36 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ยังอยากเห็นรัฐบาลอเมริกันหันไปใช้วิถีทางทางการทูตเป็นหลัก...

ในจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจเหล่านี้...มีถึง 38 เปอร์เซ็นต์ ที่ออกอาการผวาดผวา คิดว่า “เกาหลีเหนือ” คือภัยคุกคามรายสำคัญต่อสหรัฐฯ อีก 25 เปอร์เซ็นต์หันไปกลัวพวกผู้ก่อการร้าย “ไอซิส” มากกว่า แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นคือมีชาวอเมริกันจำนวนถึง 18 เปอร์เซ็นต์ที่ดันหันไปกลัว “รัสเซีย” กันแทนที่ ถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่าการปลุกระดม “ความกลัวรัสเซีย” นับตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นต้นมา ไม่ว่าการกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกา แอบแฮกข้อมูล ปล่อยข่าวปลอม ไปจนกระทั่งแอบแบล็กเมล์ประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ทรัมป์” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ฯลฯ อันเป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้าง “อีเดียท” เอามากๆ นั้น ไปๆ-มาๆ กลับดูจะ “ได้ผล” มิใช่น้อย...

สรุปง่ายๆ ว่า...ชาวอเมริกันโดยส่วนใหญ่ในช่วงนี้ น่าจะมีลักษณะอาการทางพฤติกรรมและทัศนคติ ไม่ต่างไปจากที่นักเขียนประวัติศาสตร์อเมริกันช่วงยุคสงครามเย็น ผู้ก่อตั้งโครงการ “American Empire Project” ฯลฯ อย่าง “นายทอม เองเกลฮาร์ดต์” (Tom Engelhardt) ได้บรรยายไว้ในข้อเขียน บทความ เกี่ยวกับบทบาทชาวอเมริกันต่อสงครามต่างๆ ใน “เอเชียไทมส์ ออนไลน์” ซึ่งเว็บไซต์ “ผู้จัดการ” นำมาถ่ายทอดเป็นภาษาไทยไว้สองตอน สามตอน เมื่อไม่กี่วันมานี้เองคือได้กลายเป็นผู้คนที่มีความรู้สึกว่า “ความรู้...คืออันตราย ส่วนความโง่เขลา...คือความปลอดภัย” อะไรประมาณนั้น การเข้าไปมีส่วนร่วมกับ “สงคราม” ที่ประเทศอเมริกาเป็นผู้ก่อขึ้นมา ไม่ว่าในเชิงสนับสนุน หรือต่อต้าน จึงแทบไม่เหลือให้เห็น ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง...เป็นไปตามที่ “ผู้มีอำนาจ” ต้องการ หรือเป็นไปในแบบ “เมื่อสงครามเป็นเรื่องของมืออาชีพ พลเมืองย่อมไม่ควรเกี่ยวข้องอีกต่อไป” อันได้กลายเป็นคุณลักษณะของ “ประชาธิปไตยแบบอเมริกัน” ไปแล้วดังที่ “นายทอม เองเกลฮาร์ดต์” นำมาจั่วหัวไว้ในข้อเขียนของตัวเอง หรือเป็น “ประชาธิปไตยที่กำลังนำมาสู่ความฉิบหายของโลกทั้งโลก” ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น...ไม่ว่าประเทศอเมริกาจะเป็นผู้ก่อสงคราม เล่นงานใครต่อใครมาโดยตลอด แต่บรรดาพลเมืองชาวอเมริกัน โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆ-สาวๆ ในบางยุค บางสมัย กลับได้ชื่อว่าเป็น “นักต่อต้านสงคราม” ตัวยง สามารถปลุกระดมชาวอเมริกันและชาวโลกให้หันมาต่อต้านสงคราม จนไม่เพียงส่งผลให้กองทัพอเมริกันต้องเผ่นออกจากสมรภูมิเวียดนามแทบไม่ทัน อิทธิพลทางความคิดของชาวอเมริกันเหล่านี้ ยังก่อให้เกิดแรงกระตุ้นต่อบรรดาคนหนุ่ม-สาวแทบทั้งโลก แม้แต่บ้านเราเองก็เถอะ...บรรดาพวก “แอคติวิตส์” หรือ “ฝ่ายซ้าย” ในอดีตไม่ว่าจะในระดับ “น้าหงา-คาราวาน” หรือ “คุณปู่-สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากหนุ่ม-สาวชาวอเมริกันในยุคซิกตี้มากบ้าง น้อยบ้าง มาด้วยกันทั้งนั้น...

แต่มาถึง ณ ขณะนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับ “หายเกลี้ยง” ไปแทบทั้งแผง จนทำให้ผู้ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวทั้งสนับสนุนและต่อต้านสงคราม อย่าง “นายทอม เองเกลฮาร์ดต์” อดไม่ได้ที่จะสรุปว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ได้กลายเป็นพวกที่ถือเอา “ความโง่” คือ “ความปลอดภัย” ไปแล้ว...ทำนองนั้น และอดไม่ได้ที่ต้องหันมาตั้งคำถามเอาไว้ว่า “ยังมีคำถามฉกาจฉกรรจ์ ซึ่งควรปรากฏอยู่ในความคิดคำนึงของชาวอเมริกันยุคคริสตวรรษที่ 21 ทว่ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นั่นคือ...ทำไมความพยายามก่อสงครามอันนำมาซึ่งความสิ้นเปลืองเงินทองของผู้เสียภาษีอากรหลายต่อหลายล้านล้านดอลลาร์ กลับไม่ได้ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นให้เกิดการต่อต้าน คัดค้าน อย่างเท่าที่เคยเป็นมาในอดีตแม้แต่น้อย...”

ซึ่งคงไม่ใช่แต่ “นายทอม เองเกลฮาร์ดต์” รายเดียวเท่านั้น...ที่เกิดความรู้สึกทำนองนี้ กระทั่งนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวอเมริกัน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ช่วงปี ค.ศ. 1981 ที่แปรสภาพตัวเองมาเป็นคอลัมนิสต์นักหนังสือพิมพ์ รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นนักต่อต้านสถาบันทางสังคม หรือเป็นพวก “Anti-Establishment” ตัวฉกาจ อย่าง “นายพอลเครก โรเบิร์ตส์” (Paul Craig Roberts) ก็มีความรู้สึกแทบไม่ต่างไปจากกัน คือเห็นว่า...บรรดาพวกฝ่ายซ้าย หรือแอคติวิตส์ชาวอเมริกันทุกวันนี้ กลายเป็นพวกที่หันไปให้ความสำคัญกับเรื่องที่ออกไปทาง “ส่วนตัว” มากกว่า “ส่วนรวม” เช่นเรื่องของการต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศของพวกข้ามเพศ อย่างพวกเกย์ พวกเลสเบี้ยน ซะเป็นหลัก ยิ่งถ้าเป็นเรื่องส่วนรวมในระดับโลก เช่นเรื่องของ “สงคราม” ที่ประเทศอเมริกาล้วนเข้าไปมีส่วนก่อเวร-ก่อกรรมให้ชาวโลกทั้งหลายมาโดยตลอด จนแม้กระทั่งตราบเท่าทุกวันนี้ แต่ไม่ว่ากองทัพอเมริกันจะเข้าไปก่อสงครามในอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย เยเมน โซมาเลีย ฯลฯ ชาวอเมริกันยุคหลังๆ กลับหันไป “อมสากกะเบือ” กันแทนที่...

และอาจด้วยความเบื่อ ความเซ็ง หรือความอะไรก็แล้วแต่ แทนที่ “นายพอลเครก โรเบิร์ตส์” จะนั่งบ่น นั่งระบายไปตามเรื่องตามราวแกเลยหันมาปลุกกระตุ้น เขย่าขวัญ สั่นประสาท ชาวอเมริกันและชาวโลกทั้งหลาย ด้วยบทความชิ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ที่ได้จั่วหัวเอาไว้ว่า “Washington Plans to Nuke Russia and China” หรืออเมริกามีแผนที่จะโจมตีรัสเซียและจีนด้วยอาวุธนิวเคลียร์ แถมยังอาจเป็นการ “ชิงโจมตีก่อน” (Preemptive Nuclear Attack) ซะอีกต่างหาก!!! ซึ่งจะเป็นเช่นไรนั้น...คงต้องขออนุญาตไปลากต่อวันพรุ่งนี้...
กำลังโหลดความคิดเห็น