ข่าวปนคน คนปนข่าว
“หนูปู” ปากกล้าซัดปม “เรือดำน้ำ”
“อัยการ” จำใจต้องเอาเรื่อง “บอส”
คงโทษใครไม่ได้ที่ “เรือดำน้ำ Yuan ClassS26T” จากประเทศจีน คงเป็นประเด็นไปอีกพักใหญ่ ด้วยพฤติการณ์พิรุธ-ปิดลับของรัฐบาลเอง พอ “โดนจับได้” ก็แถ..แถ๊ดๆไปเรื่อย ทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ผู้เสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม ครม. หรือ “นายพลไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ที่ “อ้างตาใส” ว่าไม่มีใครสอบถามเรื่องเรือดำน้ำเลยไม่ได้แถลง จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกมองว่า "เจตนาไม่บริสุทธิ์"
คำถามประดังประเดเข้ามาที่รัฐบาล ก็คงต้องชี้แจงไปตามเรื่อง แต่ที่มันน่าเจ็บใจก็ดันไปเปิดช่องให้ เบอร์ใหญ่ฝ่ายตรงข้ามถือโอกาสกระซวกซ้ำแบบแสบๆคันๆ จะใครที่ไหน “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีต รมว.กลาโหม ย้อนศรกลับมาว่าจัดซื้อเรือดำน้ำหนนี้ก่อหนี้ไปอีก 10ปี แต่ไม่สนใจปากท้องประชาชน สวนทันควันกับที่ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงโครงการรับจำนำข้าวที่ก่อหนี้มหาศาล จนรัฐบาลนี้ต้องมานั่งใช้หนี้ จนไม่ได้ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ เหมือนเถียงว่า จำนำข้าว หรือ เรือดำน้ำ อันไหนมันเป็นประโยชน์กว่ากัน ขณะที่ชาวบ้านได้แต่มองตาปริบๆ บ่นในใจมันก็ … หายพอกันแหละว้า!!
ยังคงติดใจที่ “เปลว สีเงิน” คอลัมนิสต์รุ่นเก๋า ที่ออกมาเชียร์ประโยชน์ของการซื้อเรือดำน้ำไม่เลิก แถมโชว์งานเขียนระดับ “มาสเตอร์พีซ” อัญเชิญ “พระราชดำรัส” ในบทความเก่าที่ต่อต้านการซื้อเรือดำน้ำมา “พลิกมุม 180 องศา” เป็นบทความใหม่สนับสนุนที่รัฐบาล คสช.ซื้อเรือดำน้ำ ทำเอา “แฟนคลับ” ต้อง งงเด้..งงเด้
+++++++++++++++++++
ช้างมาฉุดคงไม่อยู่.. เห็นว่าทาง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) เตรียมนำรายงานการปฏิรูปของคณะ กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อมวลชน ที่ว่าด้วยร่างกฎหมายสำคัญของ “สื่อมวลชน” 2 ฉบับ ที่ “สื่อมวลชน” ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ สปท.ในวันแรงงาน 1 พ.ค.นี้ ไม่ทันไรก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ที่ประชุม สปท.จะเห็นชอบตามแนวทางของ กมธ.เสนอมา จึงไม่แปลกที่ พล.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกมธ. จะแสดงความมั่นอกมั่นใจว่า ร่างกฎหมายจะไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และจะผ่านการพิจารณาของเพื่อน สปท.อย่างแน่นอน
ยิ่งเจอ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธาน กมธ.ชุดเดียวกัน เอาสื่อไปเทียบ “หมอนวดแผนโบราณ” ต้องบอกว่าเละเทะไปกันใหญ่ ไม่เกี่ยวกับใครสูงใครต่ำ ใครงานมีศักดิ์ศรีกว่ากัน แต่ “หมอนวดแผนโบราณ” เป็นวิชาชีพที่เกี่ยวกับร่างกายของคน ที่ต้องได้รับการอบรมฝึกหัดจนแน่ใจว่า ปลอดภัยไม่ไปทำร้ายลูกค้าจนแขนหัก-ขาเดี้ยง แต่ในทางกลับกันจะจับ “นักข่าว” ไปอบรมจรรยาบรรณ ถามหน่อยว่ามันมีอะไรมาชี้วัด เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่สามัญสำนึก จะไปล้อมคอก-ตีกรอบอะไรก็ควรยึดความจริงซักหน่อยนระท่านนะ
ฝ่ายสื่อมวลชนเองก็ท่าสู้เต็มที่ เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านครั้งใหญ่ แต่ก็ยังแอบมีความหวังว่า อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่ 1 และ คำนูณ สิทธิสมาน สปท. ซึ่งเคยเป็นสื่อมวลชน จะออกแรงทัดทาน หรืออย่างน้อยๆก็ปรับแต่งให้ร่างกฎหมายเจ้ากรรม “เข้ารูปเข้ารอย” กว่าที่ กมธ.เสนอสักหน่อย
+++++++++++++++++++
ปล่อยยืดเยื้อมาได้ถึง 5 ปี ทาง “อัยการ” เพิ่งจะมาทำท่าฮึ่มฮั่ม จะเอาเรื่อง วรยุทธ หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทตระกูลดังเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้ต้องหาจากกรณีซิ่งรถสปอร์ต “เฟอรารี่” ชน “ดาบตำรวจ” สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2555 ทั้งๆที่ที่ผ่านมากลับยอม “อะลุ้มอะล่วย” อ้างสวยหรูว่า “ให้ความเป็นธรรม” ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอเข้ามา อีกทั้งการขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ก็อ้างซ้ำซากว่าติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ยังปล่อยผ่านให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน
ทีนี้พอข่าวกลับมาเป็นที่สนใจ สื่อนอกจามไปทำข่าวเห็น “ทายาทไฮโซ” ใช้ชีวงิตหรูหราอยู่เมืองนอก อัยการก็ทำท่าอยู่ไม่ได้เหมือนกัน จนต้องเอาเรื่องตีตราเป็น “ผู้ร้ายข้ามแดน” เหมือน “จำใจ” ต้องทำ รู้ๆอยู่ว่า “ผู้ต้องหา” ถ่วงเวลาหวังให้เรื่องเงียบ แล้วปล่อยให้พฤติการณ์ความผิด “หมดอายุความ” ไปเรื่อย ถามจริงอัยการทำคดีมาตั้งเยอะ อ่านไม่ออก-รู้ไม่ทันหรือไง?? ที่ว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด อันนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่ถามว่า “ตาสีตาสา” บอกติดภารกิจ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนเป็นปีๆ บ้าง จะได้รับความเป็นธรรม “เป็นพิเศษ” จากทางอัยการรึป่าว.
“หนูปู” ปากกล้าซัดปม “เรือดำน้ำ”
“อัยการ” จำใจต้องเอาเรื่อง “บอส”
คงโทษใครไม่ได้ที่ “เรือดำน้ำ Yuan ClassS26T” จากประเทศจีน คงเป็นประเด็นไปอีกพักใหญ่ ด้วยพฤติการณ์พิรุธ-ปิดลับของรัฐบาลเอง พอ “โดนจับได้” ก็แถ..แถ๊ดๆไปเรื่อย ทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ผู้เสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุม ครม. หรือ “นายพลไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ที่ “อ้างตาใส” ว่าไม่มีใครสอบถามเรื่องเรือดำน้ำเลยไม่ได้แถลง จึงเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกมองว่า "เจตนาไม่บริสุทธิ์"
คำถามประดังประเดเข้ามาที่รัฐบาล ก็คงต้องชี้แจงไปตามเรื่อง แต่ที่มันน่าเจ็บใจก็ดันไปเปิดช่องให้ เบอร์ใหญ่ฝ่ายตรงข้ามถือโอกาสกระซวกซ้ำแบบแสบๆคันๆ จะใครที่ไหน “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีต รมว.กลาโหม ย้อนศรกลับมาว่าจัดซื้อเรือดำน้ำหนนี้ก่อหนี้ไปอีก 10ปี แต่ไม่สนใจปากท้องประชาชน สวนทันควันกับที่ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงโครงการรับจำนำข้าวที่ก่อหนี้มหาศาล จนรัฐบาลนี้ต้องมานั่งใช้หนี้ จนไม่ได้ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ เหมือนเถียงว่า จำนำข้าว หรือ เรือดำน้ำ อันไหนมันเป็นประโยชน์กว่ากัน ขณะที่ชาวบ้านได้แต่มองตาปริบๆ บ่นในใจมันก็ … หายพอกันแหละว้า!!
ยังคงติดใจที่ “เปลว สีเงิน” คอลัมนิสต์รุ่นเก๋า ที่ออกมาเชียร์ประโยชน์ของการซื้อเรือดำน้ำไม่เลิก แถมโชว์งานเขียนระดับ “มาสเตอร์พีซ” อัญเชิญ “พระราชดำรัส” ในบทความเก่าที่ต่อต้านการซื้อเรือดำน้ำมา “พลิกมุม 180 องศา” เป็นบทความใหม่สนับสนุนที่รัฐบาล คสช.ซื้อเรือดำน้ำ ทำเอา “แฟนคลับ” ต้อง งงเด้..งงเด้
+++++++++++++++++++
ช้างมาฉุดคงไม่อยู่.. เห็นว่าทาง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) เตรียมนำรายงานการปฏิรูปของคณะ กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อมวลชน ที่ว่าด้วยร่างกฎหมายสำคัญของ “สื่อมวลชน” 2 ฉบับ ที่ “สื่อมวลชน” ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ สปท.ในวันแรงงาน 1 พ.ค.นี้ ไม่ทันไรก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ที่ประชุม สปท.จะเห็นชอบตามแนวทางของ กมธ.เสนอมา จึงไม่แปลกที่ พล.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกมธ. จะแสดงความมั่นอกมั่นใจว่า ร่างกฎหมายจะไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และจะผ่านการพิจารณาของเพื่อน สปท.อย่างแน่นอน
ยิ่งเจอ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธาน กมธ.ชุดเดียวกัน เอาสื่อไปเทียบ “หมอนวดแผนโบราณ” ต้องบอกว่าเละเทะไปกันใหญ่ ไม่เกี่ยวกับใครสูงใครต่ำ ใครงานมีศักดิ์ศรีกว่ากัน แต่ “หมอนวดแผนโบราณ” เป็นวิชาชีพที่เกี่ยวกับร่างกายของคน ที่ต้องได้รับการอบรมฝึกหัดจนแน่ใจว่า ปลอดภัยไม่ไปทำร้ายลูกค้าจนแขนหัก-ขาเดี้ยง แต่ในทางกลับกันจะจับ “นักข่าว” ไปอบรมจรรยาบรรณ ถามหน่อยว่ามันมีอะไรมาชี้วัด เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่สามัญสำนึก จะไปล้อมคอก-ตีกรอบอะไรก็ควรยึดความจริงซักหน่อยนระท่านนะ
ฝ่ายสื่อมวลชนเองก็ท่าสู้เต็มที่ เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านครั้งใหญ่ แต่ก็ยังแอบมีความหวังว่า อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่ 1 และ คำนูณ สิทธิสมาน สปท. ซึ่งเคยเป็นสื่อมวลชน จะออกแรงทัดทาน หรืออย่างน้อยๆก็ปรับแต่งให้ร่างกฎหมายเจ้ากรรม “เข้ารูปเข้ารอย” กว่าที่ กมธ.เสนอสักหน่อย
+++++++++++++++++++
ปล่อยยืดเยื้อมาได้ถึง 5 ปี ทาง “อัยการ” เพิ่งจะมาทำท่าฮึ่มฮั่ม จะเอาเรื่อง วรยุทธ หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทตระกูลดังเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้ต้องหาจากกรณีซิ่งรถสปอร์ต “เฟอรารี่” ชน “ดาบตำรวจ” สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2555 ทั้งๆที่ที่ผ่านมากลับยอม “อะลุ้มอะล่วย” อ้างสวยหรูว่า “ให้ความเป็นธรรม” ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอเข้ามา อีกทั้งการขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ก็อ้างซ้ำซากว่าติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ยังปล่อยผ่านให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน
ทีนี้พอข่าวกลับมาเป็นที่สนใจ สื่อนอกจามไปทำข่าวเห็น “ทายาทไฮโซ” ใช้ชีวงิตหรูหราอยู่เมืองนอก อัยการก็ทำท่าอยู่ไม่ได้เหมือนกัน จนต้องเอาเรื่องตีตราเป็น “ผู้ร้ายข้ามแดน” เหมือน “จำใจ” ต้องทำ รู้ๆอยู่ว่า “ผู้ต้องหา” ถ่วงเวลาหวังให้เรื่องเงียบ แล้วปล่อยให้พฤติการณ์ความผิด “หมดอายุความ” ไปเรื่อย ถามจริงอัยการทำคดีมาตั้งเยอะ อ่านไม่ออก-รู้ไม่ทันหรือไง?? ที่ว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด อันนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่ถามว่า “ตาสีตาสา” บอกติดภารกิจ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนเป็นปีๆ บ้าง จะได้รับความเป็นธรรม “เป็นพิเศษ” จากทางอัยการรึป่าว.