ขสมก.เร่งร่างTORรถเมล์ NGV 489 คันใหม่ เสร็จใน2 เดือนเปิดประมูลในก.ค.นี้ ทยอยรับมอบใน 150 วัน เผยเดิมให้ส่งมอบ 90 วัน เวลากระชั้นทำให้กำลังการผลิตไม่ทัน ขณะที่ให้ทยอยส่งมอบล็อตแรกในพ.ย.ก่อน ยันคนไทยไม่ผิดหวังได้ใช้รถเมล์ใหม่ก่อนสิ้นปีแน่ พร้อมยันเลิกสัญญาทำตามคำสั่งศาลทุกประการ ชี้ บัญชีดำ เบสท์รินฯหมดสิทธิ์ร่วมงาน ขสมก.อีก
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า วานนี้ (26 เม.ย.) ได้ชี้แจงต่อศาลปกครองกรณีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ร้องเรียนว่า ขสมก. ขัดคำสั่งศาล ในการบอกกเลิกสัญญาโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ซึ่ง ยืนยันว่า ขสมก.ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ โดดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจรับ เมื่อพบผิดกฎหมายจึงได้บอกเลิกสัญญา
นอกจากนี้ ขสมก.ได้ขึ้นบัญชีดำ (Black List) เบสท์ริน กรุ๊ป แล้ว ทำให้เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลงานของขสมก.ได้อีกทุกโครงการ และหากต่อไปกรมบัญชีกลาง มีการประกาศขึ้นบัญชีดำ จะทำให้ ไม่สามารถประมูลงานทั่วประเทศใดในนาม เบสท์ริน กรุ๊ป และกิจการร่วมค้า จำนวน 3 บริษัท ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ขสมก.ได้รายงานความคืบหน้า โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รับทราบ รวมถึงแผนการจัดหารถ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้เห็นชอบให้ เร่งรัดการจัดหารถ NGV จำนวน 489 คันใหม่ และรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จำนวน 200 คัน
โดยรถเมล์ NGV 489 คันนั้น ขสมก.ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) แล้วเมื่อวันที่ 21 เม.ย. คาดว่าจะใช้เวลาสรุปTOR ใน 2 เดือน เปิดประมูลได้ในก.ค. นี้ โดยอาจจะปรับเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆ เช่น การส่งมอบรถ ซึ่งเดิมกำหนดภายใน 90 วันหลังลงนามสัญญา ซึ่งอาจจะผลิตไม่ทัน จึงปรับเป็น 5 เดือน แต่เพื่อให้ได้รถเร็ว จะแบ่งล็อตในการส่งมอบ โดยล็อตแรก 50 คัน จะส่งมอบในเดือนพ.ย.และก่อนสิ้นปีจะต้องมีรถส่งมอบประมาณ 100-200 คัน เพื่อให้ประชาชนได้มีรถใหม่ใช้ตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ส่วนที่เหลือสามารถนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งขึ้นกับการยื่นประมูลของแต่ละกลุ่ม
"มีคำถามว่า รถNGV ที่ เบสท์รินฯ นำเข้ามานั้นจะเอาไปทำอะไร เพราะนำเข้ามาแล้ว ซึ่งกรณีนี้หากเบสท์รินฯปลดภาระกับกรมศุลกากรแล้ว สามารถนำรถไปขายต่อให้เอกชนรายอื่นได้ และผู้ซื้อต่อ สามารถนำมาเสนอประมูลและส่งมอบให้ขสมก.ได้ เพราะถือว่าเป็นคนละส่วนกับปัญหาของ เบสท์รินฯ"
ส่วนการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 200 คันนั้น ได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว 1 ครั้ง และการทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะเปิดประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้ชนะการประกวดราคาภายในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งตาม TOR ที่ ขสมก.จัดทำไว้แล้วนั้น ผู้รับงานจะต้องส่งมอบรถโดยสารล็อตแรก จำนวน 50 คันในเดือนธ.ค.2560 ส่งมอบล็อตที่ 2 จำนวน 50 คันในเดือนก.พ. 2561 ส่งมอบล็อตที่ 3 จำนวน 50 คัน ในเดือนเม.ย. 2561 และส่งมอบล็อตที่ 4 อีก 50 คัน ในเดือนมิ.ย. 2561
ด้านรถโดยสารแบบเชื้อเพลิง 2 ระบบ (Hybrid) ขสมก.ก็ยังเดินหน้าศึกษาต่อไป โดยว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ศึกษา หากมีความเหมาะสมก็จะจัดทำเป็นแผนการจัดหาเสนอตามขั้นตอน
***ช.ทวีคว้า ติดระบบ e-Ticket รถเมล์ 2,600 คัน
รายงานข่าวแจ้งถึง การประมูลโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Ticket ระยะเวลา 5 ปี พร้อมติดตั้งอุปกรณ์บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน วงเงิน 1,786.59 ล้านบาท ว่า สรุปผลแล้ว โดยบริษัท บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เป็นผู้ชนะ ซึ่งอยู่ระหว่างอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา โดยเงื่อนไข จะมีการติดตั้งระบบ e-Ticket บนรถขสมก.ไม่ต่ำกว่า 100 คันภายในระยะเวลา 120 วันนับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา จากนั้นต้องติดตั้งระบบได้ไม่น้อยกว่า 700 คันภายใน 180 วันและติดตั้งให้ครบ 2,600 คัน ภายใน 1 ปี
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า วานนี้ (26 เม.ย.) ได้ชี้แจงต่อศาลปกครองกรณีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ร้องเรียนว่า ขสมก. ขัดคำสั่งศาล ในการบอกกเลิกสัญญาโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ซึ่ง ยืนยันว่า ขสมก.ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ โดดำเนินการตามขั้นตอนการตรวจรับ เมื่อพบผิดกฎหมายจึงได้บอกเลิกสัญญา
นอกจากนี้ ขสมก.ได้ขึ้นบัญชีดำ (Black List) เบสท์ริน กรุ๊ป แล้ว ทำให้เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลงานของขสมก.ได้อีกทุกโครงการ และหากต่อไปกรมบัญชีกลาง มีการประกาศขึ้นบัญชีดำ จะทำให้ ไม่สามารถประมูลงานทั่วประเทศใดในนาม เบสท์ริน กรุ๊ป และกิจการร่วมค้า จำนวน 3 บริษัท ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ขสมก.ได้รายงานความคืบหน้า โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รับทราบ รวมถึงแผนการจัดหารถ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้เห็นชอบให้ เร่งรัดการจัดหารถ NGV จำนวน 489 คันใหม่ และรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จำนวน 200 คัน
โดยรถเมล์ NGV 489 คันนั้น ขสมก.ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) แล้วเมื่อวันที่ 21 เม.ย. คาดว่าจะใช้เวลาสรุปTOR ใน 2 เดือน เปิดประมูลได้ในก.ค. นี้ โดยอาจจะปรับเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆ เช่น การส่งมอบรถ ซึ่งเดิมกำหนดภายใน 90 วันหลังลงนามสัญญา ซึ่งอาจจะผลิตไม่ทัน จึงปรับเป็น 5 เดือน แต่เพื่อให้ได้รถเร็ว จะแบ่งล็อตในการส่งมอบ โดยล็อตแรก 50 คัน จะส่งมอบในเดือนพ.ย.และก่อนสิ้นปีจะต้องมีรถส่งมอบประมาณ 100-200 คัน เพื่อให้ประชาชนได้มีรถใหม่ใช้ตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ส่วนที่เหลือสามารถนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งขึ้นกับการยื่นประมูลของแต่ละกลุ่ม
"มีคำถามว่า รถNGV ที่ เบสท์รินฯ นำเข้ามานั้นจะเอาไปทำอะไร เพราะนำเข้ามาแล้ว ซึ่งกรณีนี้หากเบสท์รินฯปลดภาระกับกรมศุลกากรแล้ว สามารถนำรถไปขายต่อให้เอกชนรายอื่นได้ และผู้ซื้อต่อ สามารถนำมาเสนอประมูลและส่งมอบให้ขสมก.ได้ เพราะถือว่าเป็นคนละส่วนกับปัญหาของ เบสท์รินฯ"
ส่วนการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 200 คันนั้น ได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว 1 ครั้ง และการทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะเปิดประกวดราคา คาดว่าจะได้ผู้ชนะการประกวดราคาภายในเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งตาม TOR ที่ ขสมก.จัดทำไว้แล้วนั้น ผู้รับงานจะต้องส่งมอบรถโดยสารล็อตแรก จำนวน 50 คันในเดือนธ.ค.2560 ส่งมอบล็อตที่ 2 จำนวน 50 คันในเดือนก.พ. 2561 ส่งมอบล็อตที่ 3 จำนวน 50 คัน ในเดือนเม.ย. 2561 และส่งมอบล็อตที่ 4 อีก 50 คัน ในเดือนมิ.ย. 2561
ด้านรถโดยสารแบบเชื้อเพลิง 2 ระบบ (Hybrid) ขสมก.ก็ยังเดินหน้าศึกษาต่อไป โดยว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ศึกษา หากมีความเหมาะสมก็จะจัดทำเป็นแผนการจัดหาเสนอตามขั้นตอน
***ช.ทวีคว้า ติดระบบ e-Ticket รถเมล์ 2,600 คัน
รายงานข่าวแจ้งถึง การประมูลโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Ticket ระยะเวลา 5 ปี พร้อมติดตั้งอุปกรณ์บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน วงเงิน 1,786.59 ล้านบาท ว่า สรุปผลแล้ว โดยบริษัท บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เป็นผู้ชนะ ซึ่งอยู่ระหว่างอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา โดยเงื่อนไข จะมีการติดตั้งระบบ e-Ticket บนรถขสมก.ไม่ต่ำกว่า 100 คันภายในระยะเวลา 120 วันนับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา จากนั้นต้องติดตั้งระบบได้ไม่น้อยกว่า 700 คันภายใน 180 วันและติดตั้งให้ครบ 2,600 คัน ภายใน 1 ปี