xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองโลกกับการเมืองภายใน

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

มีชัย ฤชุพันธุ์
เลือกตั้งบ้านเรา...คงยาวไปประมาณปลายปีหน้า พุทธศักราช 2561 ถ้าว่ากันตามการคาดการณ์ของ “อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์” ที่สรุปไว้คร่าวๆ ประมาณนี้ แต่ก็มีข้อแม้ติดปลายนวมตามสไตล์ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอารมณ์ขันอยู่บ้างว่า... “ถ้า...หากสงครามโลกไม่เกิดขึ้นซะก่อน” บรรดา “นักเลือกตั้ง” ทั้งหลาย ท่านคงได้มีโอกาส “ออกัสซั่ม” พลั่กๆๆ กันได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

แต่ก็นั่นแหละ...เรื่องของ “สงครามโลก” มาถึง ณ ขณะนี้ จะถือเป็นเรื่อง “ล้อเหล้นน์น์น์” หยิบมาพูดถึงแบบ “เอาฮา” กันไปเรื่อยๆ นั้น คงน่าจะลำบาก หรือ “ชักจะไม่ขำ” ยิ่งขึ้นทุกขณะ เพราะบรรดาตัวละครซึ่งกำลังเล่นบทเหล่านี้อยู่ในโลกทุกวันนี้ มันออกไปทาง “บ้าเต็มพิกัด” ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่า “คิมน้อย” ยังงี้ “ทรัมป์” ยังงี้ แถมยังมีตัวละครสลับฉากแบบประเภท “เนทันยาฮู” (อิสราเอล) ยังงี้ “เออร์โดกัน” (ตุรกี) ฯลฯ ยังงี้ เมื่อไหร่ที่คิดออกฉากในแต่ละที ล้วนหนักไปทางเตร๊ง...เตรง...เตร่ง...ต๋อย...ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

และอันที่จริง...ถ้ามองตามมุมมองของ “พระสันตะปาปาฟรานซิส” ประมุขคริสตจักรคาทอลิก สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลก” นั้น มันก็ได้อุบัติขึ้นมาอย่างเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว คือสงครามโลกแบบที่ท่านให้คำนิยามเอาไว้ว่า “สงครามโลกแบบทีละส่วน” หรือการสังหาร พร่าผลาญกันและกันในระดับแทบล้างเผ่าพันธุ์ การก่ออาชญากรรมระหว่างชาติอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต โดยบรรดาผู้ก่อการร้ายทั้งหลาย ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ จนแต่ละส่วนๆ...ไม่ว่าที่กำลังล้างผลาญกันในซีเรีย ผู้คนล้มตายไปแล้ว 4 แสน 5 แสน หวิดๆ เหยียบล้านเข้าไปแล้ว ในเยเมนที่กำลังจะส่งผลให้ “โศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” หรือร้ายซะยิ่งกว่าการฆาตกรรมชาวยิวนับล้านๆ คน โดยจอมเผด็จการ “ฮิตเลอร์” เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซะอีก กำลังอุบัติให้เห็นกันต่อหน้าต่อตา อันเนื่องมาจากการปล่อยให้ประชากรชาวเยเมนประมาณ 2 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 18-19 ล้านคน ต้อง “อดตาย” เพราะถูกกองทัพซาอุฯ ปิดล้อมไม่ให้ใครเข้าไปส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมได้ทันท่วงทีประมาณนั้น...

ในลิเบีย ที่หลังจากจอมเผด็จการ “กัดดาฟี” ถูกผู้เทิดทูนประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และยุโรป อย่างประธานาธิบดี “โอมาบ้า” “นางฮิลลารี คลินตัน” ตลอดไปจน “นายนิโคลาส์ ซาร์โกซี” อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส รุมยำมือ ยำตีน จนตกตายไปอย่างอเนจอนาถ แต่แทนที่ประชาธิปไตยอันสูงส่งจะมีโอกาสอุบัติขึ้นมาในลิเบีย ฉากเหตุการณ์บ้านเมืองกลับย้อนไปสู่ “ยุคทาส” เอาเลยถึงขั้นนั้น เกิดการซื้อทาส ขายทาส ลักพาตัวใครต่อใครไปเรียกค่าไถ่ อนาธิปไตยแผ่ซ่าน โดยที่ประธานาธิบดีรายใหม่อย่าง “ทรัมป์” ปฏิเสธที่จะเช็ดขี้ “โอมาบ้า” ไปแล้วเช่นกัน คือปล่อยเลยตามเลยให้กลายเป็นสมรภูมิแห่งใหม่ของพวกไอซิสและอัลกออิดะห์ที่เริ่มปักหลัก ปักฐาน อย่างเป็นทางการอยู่ในทุกวันนี้...

ในอิรัก ในอัฟกานิสถาน ที่รบกันมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี มาถึง ณ ขณะนี้ก็ยังคงรบกันไม่เสร็จ...แต่ละส่วนๆ ตามที่ว่านี้นี่แหละ สุดท้าย...โอกาสที่จะไหลไปรวมกัน กลายเป็น “สงครามโลกแบบเบ็ดเสร็จ” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ยิ่งได้พวก “ลูกบ้าเต็มพิกัด” อย่าง “คิมน้อย” อย่าง “ทรัมป์” มา “ยั่วส้นตีน” กันไป-กันมาอย่างเป็นกิจวัตร แนวโน้มที่ “นักเลือกตั้ง” บ้านเรา...อาจต้องชักสะพานแหงนถ่อ รอคอยจนเหงือกแห้ง แบบแห้งแล้วแห้งเล่า จึงใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย!!!

คือถึงจะอยู่เฉยๆ...ไม่คิดจะทะเลาะกะใครเขา แต่ใช่ว่าเมื่อเกิดสงครามระดับโลกขึ้นมาแล้ว จะสามารถประคองตัวรอดเป็น “กลางกลวง” ไปโดยตลอดก็หาไม่ ช่วง “สงครามโลกครั้งที่ 2” ที่เกิดขึ้นมาเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว ทั้งๆ ไม่มีใครอยากให้เกิด หรือไม่คิดว่าจะเกิด เพราะมันทิ้งห่างจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง สุดท้าย...ความเป็นกลางของประเทศไทยก็มิอาจดำรงรักษาไว้ได้เลย ต้องยอมทอดร่างเป็นทางผ่านให้กับกองทัพญี่ปุ่น และทำให้ประชาธิปไตยเมืองไทย ต้องวนไป-วนมาอยู่ภายในอ่าง ไม่คิดจะออกไปไหน จนตราบเท่าทุกวันนี้...

ด้วยเหตุนี้...ใครที่ “มองข้ามช็อต” เตรียมจับมือ-จับไม้ ต่อเส้น-ต่อสาย หรือเตรียมจะเทคโอเวอร์พรรคโน้น พรรคนี้ ก็อย่าเพิ่งไป “เปิดตัว” หรือ “สว่างจิต” รวดเร็วเกินไปนัก อาจต้อง “แอบจิต” ต่อไปเรื่อยๆ นั่นแหละ น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะถึงแม้กำหนดการการเมืองภายใน มันชักจะเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่กำหนดการการเมืองภายนอก หรือการเมืองโลกมันดันมีโอกาสกลายมาเป็น “ตัวแปร” เมื่อไหร่ หรือไม่ อย่างไร ก็ยังไม่แน่ยิ่ง “นักเลือกตั้ง” หรือ “นักการเมือง” บ้านเราโดยส่วนใหญ่ แทบไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้ราว เรื่องโลกอะไรกับใครเค้าซักเท่าไหร่ หนักไปทางถนัดในการ “กัดกันเอง” ซะเป็นหลัก เพราะฉะนั้น...ที่ “อาจารย์มีชัย” ท่านทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ได้เลือกแน่ปลายปี 2561...ถ้าหากสงครามโลกไม่เกิดซะก่อน” ไปๆ-มาๆ แล้ว ต้องถือว่ายังไม่แน่!!! เจอกับระดับ “สงครามโลก” ขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้าหากพวก “ทหาร” เขาถือโอกาส...ตีตั๋วอยู่ยาวว์ว์ว์โอกาสจะไปเถียงกับเขาคงลำบาก เอาเป็นว่า...ยังไงๆ คงไม่อาจปฏิเสธที่จะต้องหาทาง “ผสมผสาน” กันให้ลงตัวให้จงได้นั่นแหละ ระหว่าง “นักการเมือง” และ “ทหาร” ระหว่าง “ประชาธิปไตย” กับ “ความเป็นไทยๆ” ไม่ว่าโลกมันจะออกมาในแนวไหนก็ตามที...
กำลังโหลดความคิดเห็น