ผู้จัดการรายวัน360 - "ขสมก." ส่งหนังสือ ถึงเบสท์รินฯเรียกค่าเสียหาย 800 ล. หลังบอกเลิกสัญญากรณีส่งมอบรถไม่ได้ พร้อมส่งเรื่องถึงกรมบัญชีกลาง ขึ้นบัญชีดำ กรณีทิ้งงานตามขั้นตอน ระบุ เป็นขั้นตอนปกติหลังเลิกสัญญาพร้อมเจ้ง ขบ.ถอดทะเบียนรถที่จะเป็นชื่อ ขสมก. 292 คันออกด้วย โดยเตรียมชงบอร์ด 26 เม.ย. เปิดประมูล NGV 489 คันรอบใหม่เร่งให้ได้รถใหม่ในพ.ย.นี้
วานนี้ (20 เม.ย.) นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากที่ได้มีการบอกยกเลิกสัญญาการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 489 คัน สัญญาวงเงิน3,389,710,819.50 บาท กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไปเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2559 เนื่องจาก บริษัทฯไม่สามารถพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าได้ และไม่สามารถส่งมอบรถให้ครบ ได้ตามสัญญาภายในวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ขสมก.ได้ทำหนังสือแจ้งค่าเสียหายกับบริษัทฯ วงเงินรวมประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่ วงเงินค้ำประกันมีเพียง 330 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่าสัญญา พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม แจ้งกรณีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป มีการทิ้งงาน ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา เพื่อส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง ตามขั้นตอนการขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อมีการบอกยกเลิกสัญญา ขสมก.ต้องดำเนินการตามกระบวนการ คือ ทำหนังสือแจ้งไปยัง บริษัทฯ รวมถึง แจ้งไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อขึ้นบัญชีดำบริษัทฯ ซึ่งหากกรมบัญชีกลางประกาศออกมา จะทำให้ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ที่ขสมก.จะประกาศประมูลใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ระหว่างที่ยังไม่มีการประกาศขึ้นบัญชีดำ และขสมก.เปิดประมูลก่อน ทางเบสท์รินฯยังสามารถยื่นประมูลได้ตามปกติ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ขสมก.ได้ทำหนังสือกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอให้เพิกถอนทะเบียนรถเมล์ NGV ที่มีการจดทะเบียนในชื่อ ขสมก.ออก โยตามรายงานข่าว ได้มีการจดทะเบียนไปแล้ว 292 คัน รวมถึง ขสมก.จะต้องประสานทาง เบสท์รินฯ เพื่อขอให้ถอด GPSออกจากรถ NGV ด้วย ซึ่งหากไม่ดำเนินการ จะคิดเป็นค่าเสียหายแทน เพราะ GPS เป็นทรัพย์สินของ ขสมก.
** เตรียมประมูลใหม่เดือน พ.ย.นี้
ส่วนกรณีที่มีคำสั่งให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.ไปปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2560 ซึ่ง นายสุระชัย ยังคงได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน ในตำแหน่ง ผอ.ขสมก.เช่นเดิมนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมบัญชีกลางว่า กรณีที่นายสุระชัย ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง ขสมก.จะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างไร เนื่องจากขสมก.ต้องจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง ค่ารถ ค่ารับรอง รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมกับทั้ง นายสุระชัย และขสมก. โดยในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จะรายงานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ถึงมติ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ที่ให้เร่งจัดหารถเมล์ NGV 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความพร้อม ดำเนินการได้เร็ว และจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งหากสามารถเริ่มได้ จะจัดหารถ NGV 489 คัน ได้ในเดือนพ.ย.นี้ ส่วนรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันได้ทำประชาพิจารณ์แล้ว 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะทำในเดือน เม.ย.นี้ จะเข้าสู่กระบวนการประมูลได้
ทั้งนี้ ขสมก.มีแผนจัดหารถรถเมล์ใหม่ทั้งหมด 3,450 คัน รองรับ เส้นทางเดินรถใหม่ตามแผนปฎิรูป จำนวน 138 เส้นทาง ซึ่งรถ NGV 489 คันจะจัดหาภายในปี 2560 ส่วนที่เหลือ ยังมีเวลาพิจารณาเลือกเทคโนโลยีและพลังงานที่เหมาะสมได้ ซึ่งอาจจะเป็นรถเมล์ไฮบริด ก็ได้ โดยได้ว่าจ้าง จุฬาลงกรณ์ฯศึกษา.
วานนี้ (20 เม.ย.) นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากที่ได้มีการบอกยกเลิกสัญญาการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 489 คัน สัญญาวงเงิน3,389,710,819.50 บาท กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไปเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2559 เนื่องจาก บริษัทฯไม่สามารถพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าได้ และไม่สามารถส่งมอบรถให้ครบ ได้ตามสัญญาภายในวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ขสมก.ได้ทำหนังสือแจ้งค่าเสียหายกับบริษัทฯ วงเงินรวมประมาณ 800 ล้านบาท ขณะที่ วงเงินค้ำประกันมีเพียง 330 ล้านบาท หรือ 10% ของมูลค่าสัญญา พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม แจ้งกรณีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป มีการทิ้งงาน ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา เพื่อส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง ตามขั้นตอนการขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อมีการบอกยกเลิกสัญญา ขสมก.ต้องดำเนินการตามกระบวนการ คือ ทำหนังสือแจ้งไปยัง บริษัทฯ รวมถึง แจ้งไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อขึ้นบัญชีดำบริษัทฯ ซึ่งหากกรมบัญชีกลางประกาศออกมา จะทำให้ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV ที่ขสมก.จะประกาศประมูลใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ระหว่างที่ยังไม่มีการประกาศขึ้นบัญชีดำ และขสมก.เปิดประมูลก่อน ทางเบสท์รินฯยังสามารถยื่นประมูลได้ตามปกติ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ขสมก.ได้ทำหนังสือกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอให้เพิกถอนทะเบียนรถเมล์ NGV ที่มีการจดทะเบียนในชื่อ ขสมก.ออก โยตามรายงานข่าว ได้มีการจดทะเบียนไปแล้ว 292 คัน รวมถึง ขสมก.จะต้องประสานทาง เบสท์รินฯ เพื่อขอให้ถอด GPSออกจากรถ NGV ด้วย ซึ่งหากไม่ดำเนินการ จะคิดเป็นค่าเสียหายแทน เพราะ GPS เป็นทรัพย์สินของ ขสมก.
** เตรียมประมูลใหม่เดือน พ.ย.นี้
ส่วนกรณีที่มีคำสั่งให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.ไปปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2560 ซึ่ง นายสุระชัย ยังคงได้รับเงินเดือนค่าตอบแทน ในตำแหน่ง ผอ.ขสมก.เช่นเดิมนั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมบัญชีกลางว่า กรณีที่นายสุระชัย ไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง ขสมก.จะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างไร เนื่องจากขสมก.ต้องจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง ค่ารถ ค่ารับรอง รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมกับทั้ง นายสุระชัย และขสมก. โดยในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จะรายงานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ถึงมติ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ที่ให้เร่งจัดหารถเมล์ NGV 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความพร้อม ดำเนินการได้เร็ว และจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งหากสามารถเริ่มได้ จะจัดหารถ NGV 489 คัน ได้ในเดือนพ.ย.นี้ ส่วนรถเมล์ไฟฟ้า 200 คันได้ทำประชาพิจารณ์แล้ว 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะทำในเดือน เม.ย.นี้ จะเข้าสู่กระบวนการประมูลได้
ทั้งนี้ ขสมก.มีแผนจัดหารถรถเมล์ใหม่ทั้งหมด 3,450 คัน รองรับ เส้นทางเดินรถใหม่ตามแผนปฎิรูป จำนวน 138 เส้นทาง ซึ่งรถ NGV 489 คันจะจัดหาภายในปี 2560 ส่วนที่เหลือ ยังมีเวลาพิจารณาเลือกเทคโนโลยีและพลังงานที่เหมาะสมได้ ซึ่งอาจจะเป็นรถเมล์ไฮบริด ก็ได้ โดยได้ว่าจ้าง จุฬาลงกรณ์ฯศึกษา.