ข่าวต่างประเทศ “ผู้จัดการ” เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา ที่พาดหัวไว้ว่า “กอร์บาชอฟเตือนโลกกำลังมุ่งสู่สงครามเย็นครั้งใหม่ รัสเซีย-สหรัฐฯ แข่งขันอาวุธเต็มพิกัด” ต้องถือเป็นข่าวที่น่าคิด สะกิดใจ เอามากๆ แม้จะไม่ได้มีลีลาดุเดือดเลือดพล่าน แบบข่าวประเภทอเมริกาประเคนบ้องข้าวหลามยักษ์ใส่ซีเรีย ทิ้ง “โคตรแม่มม์ม์ม์ระเบิด” ใส่อัฟกานิสถาน หรือเตรียมจับ “คิมน้อย” แห่งหลีเหนือมาไถหัวซะให้เข็ด ฯลฯ อะไรประมาณนั้น...
แม้จะเป็นแค่ “อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต” ยุคช่วงปลายสงครามเย็น หมดเขี้ยว หมดเล็บ หมดความสนใจจากโลกไปแทบหมดแล้ว แต่คุณปู่ “มิคาอิล กอร์บาชอฟ” ยังแสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาด แหลมคม ทางความคิดมิใช่น้อย โดยเฉพาะการชี้ชวนให้ใครต่อใครได้เริ่มตั้งข้อสังเกตถึงบรรยากาศความเป็นไปของโลกในช่วงนี้เอาไว้ประมาณว่า...“(นับวัน) ภาษาของพวกนักการเมืองและบุคคลระดับสูง (ในหมู่ผู้มีอำนาจ) เริ่มเป็น...ภาษาทางทหาร...มากขึ้นเรื่อยๆ” ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่แค่เฉพาะ “ภาษา” หรือ “คำพูด” เท่านั้น แม้แต่การ “ปฏิบัติ” เช่น การขนเอาอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิดมาอวดโชว์ให้เห็นในแต่ละช่วง แต่ละระยะ ไม่ว่ารถถัง เครื่องบิน จรวด ฯลฯ เล่นเอาผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธระดับมือวางอันดับหนึ่งของประเทศไทย อย่างคุณพี่ “ตุลยา ธันวานันท์” แห่งหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” นี่แหละ แทบไม่มีอันทำมาหารับประทานในเรื่องอื่น ต้องเปิด “แคตตาล็อกอาวุธ” มาแจกแจงกับแควนๆ ชนิดแทบ “นั่งเปิดโรงงาน” ไม่ต่างไปจากคุณน้อง “Angela Phoung Trinh” ไอดอลสาวชาวเวียดนามเอาเลยประมาณนั้น...
แต่สิ่งที่ทำให้ “ภาษาทางทหาร” หรือแม้แต่ “ปฏิบัติการทางทหาร” มันมาแรง แซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นต้องหันไปดูกิริยาท่าทีของผู้นำโลก อย่างคุณพ่ออเมริกา ที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรกลทางทหาร” แห่งโลกใบนี้นั่นแหละ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า...นับวันจะหันมาแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ด้วย “กรรมวิธีทางทหาร” มากกว่า “กรรมวิธีทางการเมือง” หรือ “การทูต” หนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากนักธุรกิจที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องการเมือง การต่างประเทศมากมายซักเท่าไหร่ อย่าง “นายทรัมป์” ได้ผงาดขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีรายใหม่...
เพราะแม้แต่ “สื่อกระแสหลัก” ในอเมริกาเอง ไม่ว่าจะเป็น “The Wall Street Journal” หรือ “New York Times” ฯลฯ ต่างดูจะนำเสนอข่าวคราวตลอดไปจนความคิด ความเห็นไปในแนวเดียวกัน ประมาณว่าด้วยเหตุเพราะการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของประเทศอเมริกาขณะนี้ ได้ตกไปอยู่ในมือ “ทหาร” หรือ “อดีตทหาร” เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอย่าง “พลเอกจิม” หรือ “เจมส์ แมททิส” (James Mattis) อดีตผู้บัญชาการการรบในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ เอเชียกลาง ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ อย่าง “พลโทเฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์” (H.R. McMaster) ไปจนถึงประธานเสนาธิการร่วม อย่าง “พลเอกโจเซฟ ดันฟอร์ด” (Joseph Dunford) ที่ได้รับมอบ “อำนาจการตัดสินใจ” จากประธานาธิบดีอย่างเป็นอิสระยิ่งขึ้นทุกที...
ว่ากันว่า...ถึงขนาดช่วงที่มีการนำเอา “โคตรแม่มระเบิด” ไปหย่อนใส่หัวพวกผู้ก่อการร้ายในอัฟกานิสถานนั้น ผู้ที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ก็เป็นแค่นายพลระดับล่างๆ อย่าง “นายพลจอห์น นิโคลสัน จูเนียร์” (John Nicholson Jr.) ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานนั่นเอง โดยที่ตัวประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์” เพิ่งมีโอกาสรู้เรื่อง...หลังจากที่โคตรแม่มระเบิดได้ถูกหย่อนลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ส่วนไม่ว่าจะเป็นการยิงจรวดโทมาฮอว์กใส่ซีเรีย หรือการเคลื่อนเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 3 ลำ แล่นไปยั่วส้นตีน “คิมน้อย” ถึงทะเลจีนตะวันออก บรรดา “สามทหารเสือ” เหล่านี้นี่แหละ ที่ถือเป็นผู้ตัดสินใจหลักๆ ว่าจะบุก-ไม่บุก ยิง-ไม่ยิง หรือคิดจะเล่นงาน “คิมน้อย” กันแบบไหน หรือไม่ อย่างไร...
สำหรับ “New York Times” ข้อคิด บทความ ที่เขียนโดย “Helen Cooper” เมื่อวันที่ 15 เมษายาที่ผ่านมาถึงกับจั่วหัวข้อเขียนเอาไว้ว่า “Trump Gives Military New Freedom. But with that comes danger.” หรือการมอบอิสระในการตัดสินใจให้กับบรรดาเหล่าทหารหรืออดีตทหารเหล่านี้ อาจนำมาซึ่ง “อันตราย” ให้กับอเมริกาและโลกทั้งโลก หนักซะยิ่งกว่ายุค “โอมาบ้า” ที่ยังมีระบบตรวจสอบการตัดสินใจทางทหารอย่างเข้มข้น ซับซ้อนพอประมาณ จึงยังพอดึงเอาแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ให้กลับมาสู่พื้นที่ทางการเมือง หรือการทูตได้บ้าง ไม่ถึงกับผลีๆ ผลามๆ อย่างเช่น เมื่อเกิดข้อกล่าวหาว่ากองทัพรัฐบาลซีเรีย “ละเมิดเส้นตาย” หรือเส้น “Red Line” ด้วยการใช้อาวุธเคมี เป็นต้น...
แต่เมื่อมาถึงยุค “ทรัมป์” ระบบตรวจสอบที่ว่านี้ แทบถูกรื้อ ถูกถอนออกไปทั้งยวง ชนิดถึงยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ใช้อาวุธเคมี รัฐบาลซีเรีย หรือผู้ก่อการร้าย แต่บ้องข้าวหลามยักษ์ หรือจรวดร่อนโทมาฮอว์กลูกละ 1 ล้านดอลลาร์ ก็ถูกประเคนเข้าใส่สนามบิน “Shyrat” ในเมือง “Homs” ไม่ต่ำกว่า 50-60 ลูก เฉียดหัวทหารรัสเซียซึ่งตั้งฐานบัญชาการอยู่ใกล้ๆ ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด คำถามจึงมีอยู่ว่า...เหตุใด??? “ทรัมป์” ถึงได้หันไปส่งมอบโกเต๊กซ์ “New Freedom” ให้กับบรรดาทหารและอดีตทหารเหล่านี้ แบบชนิดเต็มผืน เต็มพับ เป็นเพราะ “โง่” หรือ “บ้า” หรือ “ฉลาด” (แกมโกง) กันแน่!!! อันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตไปลากต่อวันพรุ่งนี้...