ผู้จัดการรายวัน360- กฟผ.ลุ้นผลสรุปคสช. 28 เมษายนนี้ว่าจะกำหนดให้เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่หรือไม่ หากสรุปให้ยุติพร้อมดำเนินการ แต่หากให้เดินหน้าต้องให้สผ.ชี้ชัดเจนถึงกระบวนการทำEIA และEHIA ว่าจะให้ทำอย่างไรเหตุที่ผ่านมาทำแล้วยังไม่ผ่านยังต้องเริ่มต้นใหม่
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 เม.ย.นี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะสรุปผลการจัดเวทีสร้างความรู้ ความเข้าใจและรับทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกัน 3 เวที ในจ. กระบี่ สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งที่สุดคสช.สรุปว่าไม่เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่กฟผ.ก็พร้อมทำตามนโยบายภาครัฐโดยพร้อมจะยุติโครงการทันที แต่หากให้เดินหน้าต่อไปกฟผ.ก็จะทำตามนโยบายของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
"กฟผ.ได้ทำหนังสือไปยังสผ.เมื่อช่วงต้นเม.ย.เพื่อขอคำตอบให้ชัดเจนว่าจะให้กระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว และการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA)โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 เมกะวัตต์ อย่างไรเพราะที่ผ่านมาก็ทำไปหมดแล้วยังกลับไม่ผ่านดังนั้นถ้าสผ.ยังไม่มีคำตอบก็คงจะยังไม่สามารถเดินหน้ากระบวนประมูลว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำEIAและEHIAเช่นกัน"ผู้ว่ากฟผ.กล่าว
ทั้งนี้หากที่สุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่เกิดขึ้นไม่ได้คาดว่ากระทรวงพลังงานจะพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อื่นแทน หรืออาจพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ที่ กฟผ. ได้เสนอแผนการศึกษาความเหมาะสมไปแล้วใน 4 พื้นที่ คือ จ.สุราษฎ์ธานี จ.สงขลา อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.ตรัง ซึ่งความเป็นไปได้มากที่สุด คือการสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจี ในอ.ทับสะแก เพราะ กฟผ.มีที่ดินอยู่แล้ว และติดริมทะเลน้ำลึก สามารถสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ ขณะเดียวกันก็ลงทุนปรับปรุงระบบสายส่ง 500 KVวงจร 2 จากบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ไปยังจ.สุราษฎ์ธานีและจ.ภูเก็ต 800กม.เพื่อเพิ่มความมั่นคงแต่ก็ยังคงเสี่ยงกับอุบัติเหตุสายส่ง
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.เทพา จ.สงขลา เฟส 1 ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา EIAและEHIA ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) คาดว่า จะผ่านการอนุมัติในเดือนพ.ค.นี้ แต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าอาจล่าช้าออกไปจากแผนราว 2 ปี จากเดิมคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปี 2564 เนื่องจากยังมีขั้นตอนพิจารณาอื่นๆ ก่อนขอการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี(ครม.)อีก 18 -24 เดือน อีกทั้งยังติดปัญหาเวนคืนที่ดินและที่ดินมีราคาสูง ซึ่งต้องใช้เวลาในการออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เวนคืนที่ดิน อีก 1 ปี
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันที่ 28 เม.ย.นี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะสรุปผลการจัดเวทีสร้างความรู้ ความเข้าใจและรับทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกัน 3 เวที ในจ. กระบี่ สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งที่สุดคสช.สรุปว่าไม่เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่กฟผ.ก็พร้อมทำตามนโยบายภาครัฐโดยพร้อมจะยุติโครงการทันที แต่หากให้เดินหน้าต่อไปกฟผ.ก็จะทำตามนโยบายของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
"กฟผ.ได้ทำหนังสือไปยังสผ.เมื่อช่วงต้นเม.ย.เพื่อขอคำตอบให้ชัดเจนว่าจะให้กระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว และการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA)โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 เมกะวัตต์ อย่างไรเพราะที่ผ่านมาก็ทำไปหมดแล้วยังกลับไม่ผ่านดังนั้นถ้าสผ.ยังไม่มีคำตอบก็คงจะยังไม่สามารถเดินหน้ากระบวนประมูลว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำEIAและEHIAเช่นกัน"ผู้ว่ากฟผ.กล่าว
ทั้งนี้หากที่สุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่เกิดขึ้นไม่ได้คาดว่ากระทรวงพลังงานจะพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อื่นแทน หรืออาจพิจารณาแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ที่ กฟผ. ได้เสนอแผนการศึกษาความเหมาะสมไปแล้วใน 4 พื้นที่ คือ จ.สุราษฎ์ธานี จ.สงขลา อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.ตรัง ซึ่งความเป็นไปได้มากที่สุด คือการสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจี ในอ.ทับสะแก เพราะ กฟผ.มีที่ดินอยู่แล้ว และติดริมทะเลน้ำลึก สามารถสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ ขณะเดียวกันก็ลงทุนปรับปรุงระบบสายส่ง 500 KVวงจร 2 จากบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ไปยังจ.สุราษฎ์ธานีและจ.ภูเก็ต 800กม.เพื่อเพิ่มความมั่นคงแต่ก็ยังคงเสี่ยงกับอุบัติเหตุสายส่ง
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.เทพา จ.สงขลา เฟส 1 ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา EIAและEHIA ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) คาดว่า จะผ่านการอนุมัติในเดือนพ.ค.นี้ แต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าอาจล่าช้าออกไปจากแผนราว 2 ปี จากเดิมคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในปี 2564 เนื่องจากยังมีขั้นตอนพิจารณาอื่นๆ ก่อนขอการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี(ครม.)อีก 18 -24 เดือน อีกทั้งยังติดปัญหาเวนคืนที่ดินและที่ดินมีราคาสูง ซึ่งต้องใช้เวลาในการออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เวนคืนที่ดิน อีก 1 ปี