เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (18 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ที่ อ.55/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี้ย อายุ 74 ปี อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 บรรยายฟ้องสรุปว่าเมื่อช่วงต้นปี 33 ถึงวันที่ 25 มี.ค.47 จำเลยได้เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่าปลูกพืชไร่ ให้บุคคลอื่นเช่าและใช้ประโยชน์ในที่ดินรวม 299 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ เลขทะเบียน กจ.209 หมู่ 12 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และที่ดินรวม 900 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ เลขทะเบียน กจ.209 หมู่ 8 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกันทั้งหมด รวม 1,199 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ และให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.57 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ฐานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ม.911 และม.108 ทวิ วรรคหนึ่ง เข้าไปครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุและเป็นที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ (1)(3) ให้จำคุก 4 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้จำคุก 3 ปี ต่อมาจำเลยยื่นฎีกา และนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่นายประชา จำเลยไม่มาศาล ศาลจึงให้ออกหมายจับพร้อมเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
โดยเมื่อวานนี้ ถึงเวลานัด นายประชา ก็ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลย โดยแก้เป็นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นอกจากคดีนี้แล้ว ศาลฎีกายังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุก นายประชา 5 ปี นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ คนสนิทนางเขมพร ให้จำคุก 4 ปี ในความผิดฮั้วประมูล กรณีขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ เข้าเสนอราคาประมูลโครงการก่อสร้าง ปี 2542-2544 ซึ่งอยู่ระหว่างออกหมายจับ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 บรรยายฟ้องสรุปว่าเมื่อช่วงต้นปี 33 ถึงวันที่ 25 มี.ค.47 จำเลยได้เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่าปลูกพืชไร่ ให้บุคคลอื่นเช่าและใช้ประโยชน์ในที่ดินรวม 299 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ เลขทะเบียน กจ.209 หมู่ 12 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี และที่ดินรวม 900 ไร่ ในที่ดินราชพัสดุ เลขทะเบียน กจ.209 หมู่ 8 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกันทั้งหมด รวม 1,199 ไร่ โดยมิได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และ ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ และให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ส.ค.57 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ฐานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ม.911 และม.108 ทวิ วรรคหนึ่ง เข้าไปครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุและเป็นที่ดินเพื่อสาธารณประโยชน์
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ (1)(3) ให้จำคุก 4 ปี แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้จำคุก 3 ปี ต่อมาจำเลยยื่นฎีกา และนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่นายประชา จำเลยไม่มาศาล ศาลจึงให้ออกหมายจับพร้อมเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
โดยเมื่อวานนี้ ถึงเวลานัด นายประชา ก็ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลย โดยแก้เป็นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
นอกจากคดีนี้แล้ว ศาลฎีกายังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุก นายประชา 5 ปี นางเขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา น.ส.วรรณา ล้อไพบูลย์ คนสนิทนางเขมพร ให้จำคุก 4 ปี ในความผิดฮั้วประมูล กรณีขัดขวางไม่ให้บริษัท วัสดุเซ็นเตอร์ เข้าเสนอราคาประมูลโครงการก่อสร้าง ปี 2542-2544 ซึ่งอยู่ระหว่างออกหมายจับ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป