อันที่จริง...การที่ “คิมน้อย” เกิดอาการ “ระเบิดด้าน” หรือประสบความล้มเหลวในการทดลองขีปนาวุธที่เชื่อๆ กันว่าเป็นแค่จรวดพิสัยกลาง (IRBM) ที่เมือง Sinpo ช่วงระหว่างวันฉลองครบรอบ 105 ปีของการก่อตั้งประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ 15 เมษายนที่ผ่านมานั้น น่าจะพอช่วยๆ ให้แต่ละฝ่ายสามารถ “แฉลบออกข้าง” โดยไม่ต้องเสียหน้า เสียรังวัด หรือกระทั่ง “เสียทรงผม” อะไรกันมากมาย ไม่ว่าประเภท “พ่อผมดกปรกหน้าผาก” อย่างประธานาธิบดี “ทรัมป์” หรือเจ้าของทรงผม “ทรมานใจแม่” อย่างประธานาธิบดี “คิม จอง-อึน” ก็ตาม...
แต่เอาไป-เอามา...บรรยากาศความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ กลับไม่ได้ลดราวาศอกเกิดอาการผ่อนคลายใดๆ ลงไปแม้แต่น้อย เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลจีนตะวันออก มีถึง 3 ลำซ้อนคือเรือ “USS Carl Vinson” เรือ “USS Ronald Regan” และเรือ “USS Nimitz” โดยมีเรือรบจีนและรัสเซียคอยตามประกบ ซึ่งอาจถือเป็นการหาข่าวและการ “ส่งสัญญาณเตือน” ไปด้วยในตัว เพราะอภิมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ประเทศ ต่างแสดงท่าทีออกมาชัดเจนแล้วว่า ต้องการให้ดึงทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปยังโต๊ะเจรจา หรือต้องการให้ “หาทางออกแบบสันติ” เป็นหลัก...
แต่ถ้าฟังจากน้ำเสียงของ “คู่กรณี” ทั้งสอง...บรรดาคำเตือนต่างๆ น่าจะทะลุหูซ้ายร่วงไปทางหูขวาซะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นรองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” (Mike Pence) ซึ่งถูกส่งไปเยือนถึงแนวหน้าในเกาหลีใต้ ที่ออกมาย้ำเอาไว้แบบเสียงดังฟังชัดว่า “Era of Strategic Patience is Over” หรือหมดยุคแห่งความอดทนทางยุทธศาสตร์อีกต่อไปแล้ว ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ “พล.ท.เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์” (H.B. McMaster) ที่ออกมายืนยันถึงความชอบธรรมในการหันไปใช้ “อำนาจทางทหาร” ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ไม่ว่ากรณีถล่มจรวดใส่ซีเรีย ไปจนถึงกรณีเอา “โคตรแม่มระเบิด” ไปหย่อนใส่ประเทศเล็กๆ อย่างอัฟกานิสถาน ว่าถือเป็นการ “ตัดสินใจที่แจ่มชัด หนักแน่นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ขณะตัวประธานาธิบดีเองแม้มีเวลาพักผ่อนตีกอล์ฟ สูดกลิ่นอายธรรมชาติอยู่ในรีสอร์ตส่วนตัว แต่ยังมิวายออกมาแสดง “ความกร่าง” ด้วยการทวีตถ้อยคำสั้นๆ ไปยังผู้นำเกาหลีเหนือ ไม่ต่างไปจากการขู่เด็ก ว่า “Gotta behave” หรือให้ทำตัวดีๆ เข้าไว้
แต่สำหรับ “เด็กแว้น” อย่าง “คิมน้อย” ที่ดันมีทั้งจรวด “IRBM” “SLBM” และ “ICBM” หรือทั้งพิสัยกลาง พิสัยไกลข้ามทวีป ไปจนจรวดที่สามารถบรรทุกใส่เรือดำน้ำไว้ครบมือ ส่วนยิงได้-ยิงไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ย่อมเป็นอะไรที่ไม่อาจขู่ได้ง่ายๆ โดยเด็ดขาด กิริยาอาการล่าสุดที่ออกมาจากเกาหลีเหนือก็คือการประกาศว่าพร้อมแล้วที่จะจมเรือบรรทุกเครื่องบินแต่ละลำ ที่ย่างกรายเข้ามาใกล้น่านน้ำเกาหลีเหนือ แถมอาจหันไปใช้ยุทธวิธี “ชิงโจมตีก่อน” (Preemptive Strike) อีกต่างหาก อะไรต่อมิอะไรมันเลยออกไปทาง “ใกล้ฉิบหาย” ยิ่งเข้าไปทุกทีและคงไม่ใช่ฉิบหายแต่เฉพาะคู่กรณีอย่างอเมริกาและเกาหลีเหนือเท่านั้น ไม่ว่าหลีต้ง หลีใต้ ที่กำลังใกล้จะเลือกตั้งประธานาธิบดีรายใหม่แทน “พัค กึน-ฮเย” ที่ถูก “ฮเย” หรือถูก “ฮเยอ” ไปสดๆ ร้อนๆ ในช่วงวันที่ 9 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องฝ่ากัมมันตภาพรังสีออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันเลยหรือไม่ รวมไปถึงญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ฯลฯ ล้วนหนีไม่พ้นต้องฉิบหายมาก ฉิบหายน้อยไปตามสภาพ พูดง่ายๆ มีแต่ต้องเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งโลกนั่นแล...
ส่วนถ้าจะถามว่า...แล้วทำไม “ผู้นำโลก” อย่างสหรัฐฯ ถึงไม่คิดสนใจความฉิบหายของเพื่อนร่วมโลกเอาเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่า...คำตอบในเรื่องนี้ ประธานาธิบดีอเมริกันรายใหม่ ได้ให้คำตอบเอาไว้ค่อนข้างชัดเจนพอสมควรในถ้อยคำที่ “ทวีต” เอาไว้เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “Our military is building and is rapidly becoming stronger than ever before---Frankly, we have no choice.” หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว!!! นอกเสียจากต้องหาทางเสริมสร้าง “ความยิ่งใหญ่ทางทหาร” อย่างเร่งรีบให้เหนือกว่ายุคใดสมัยใดเท่าที่เคยมีมา ประมาณว่า...เพื่อไม่ให้ “อเมริกาต้องเป็นฝ่ายฉิบหายซะเอง” มีแต่ต้องหันไปใช้กรรมวิธีแบบที่เรียกๆ กันว่า “Military Keynesianism” หรืออาศัย “สงคราม” เป็นทางออก ทางรอดของประเทศตัวเองนั่นเอง...
โดยแนวโน้ม...จึงออกจะเป็นไปตามข้อวิเคราะห์คำทำนายของนักพยากรณ์ทางเศรษฐกิจอย่าง “เจอรัลด์ เซเลนเต” (Gerald Celente) ที่เคยพูดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วว่า “ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ...กำลังทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดูจะมีความหุนหันพลันแล่นมากยิ่งขึ้นทุกที และเมื่อภาวะฟองสบู่ทั้งหลายแตกออกมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ มันจะยิ่งทำให้การบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นไปในลักษณะ...ความพยายามแก้ไขความผิดพลาดล้มเหลวอย่างมหันต์ ด้วยการกระทำความผิดพลาดล้มเหลวอย่างอภิมหามหันต์ จนกระทั่ง...เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่ภาวะความผิดพลาดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง รัฐบาลก็จะนำพาชาติทั้งชาติเข้าสู่...สงคราม...ในท้ายที่สุด” นั่นแล...