คนอเมริกันมักพูดติดตลกเสมอว่ามี 2 อย่างที่ชีวิตไม่มีทางจะหนีพ้นคือ “ความตาย” และหน่วยงาน “สรรพากร” ในความเป็นจริง “สรรพากร” อาจทำให้ตายทั้งเป็นได้ และนั่นน่าจะทำให้ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการตายโดยสิ้นลมหายใจ เพราะต้องเสียเงินและมีโทษถึงติดคุกหลายปีด้วย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเจอ 3 เด้งที่สามารถกำหนดอนาคตแน่ชัดคือ “ความตาย” “กรมสรรพากร” และ “ชาวอเมริกัน” และสาเหตุสุดท้ายนี่แหละจะเป็นเรื่องกวนใจอย่างมากตราบใดที่ยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของการเสียภาษีเงินได้ปีล่าสุดให้ประชาชนได้รับรู้
ยิ่งยื้อนานเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่ชาวบ้านฟังแล้วว่าไม่เข้าท่า ก็ยิ่งส่อพิรุธ เป็นเหมือนอย่างที่นักเขียนชาวฝรั่งเศส ออนอเร เดอ บัลซัค ว่า “เบื้องหลังของทุกความมั่งคั่งคืออาชญากรรม” และคนอย่างทรัมป์ก็ไม่ธรรมดา ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งแต่รอดมาได้ ชื่อไม่ได้หอมฟุ้งนัก
หน่วยงานสรรพากรของสหรัฐฯ คือ Internal Revenue Service หรือ IRS มีอำนาจมากพอๆ กับความน่าเกรงขาม ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน โดนหน่วยงาน IRS เล็งตรวจสอบรายได้ก็ต้องหนาว
คนทำมาหากินตามปกติ แต่ถ้า IRS ประเมินแล้วว่าไลฟ์สไตล์หรือแนวทางการใช้ชีวิต มีบ้านใหญ่ รถหรู ดูไม่สมดุลกับรายได้ที่แจ้งเสียภาษี จะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามนิ่มๆ แต่น่าเสียว ต้องตอบคำถามว่าเอาเงินมาจากไหนถึงได้ดำรงชีพอย่างสุขสบายอย่างที่เห็น
ตอบคำถามไม่ได้น่าประทับใจ นับวันรอถูกประเมินภาษี แล้วรอวันเข้าคุกได้เลย
ทุกวันนี้ทรัมป์ยังดึงดันไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีให้สาธารณะได้รู้ ทั้งๆ ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ต้องชี้แจงรายละเอียดของประวัติด้านการเงิน คือรายได้ส่วนตัวและการเสียภาษีเงินได้แต่ละปี รวยหรือจนก็ต้องมีภาระต้องแสดง
ธรรมเนียมที่ว่านี้เริ่มตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีก็ต้องทำอย่างเดียวกัน ทุกคนปฏิบัติตามจนมาถึงทรัมป์ ซึ่งพยายามอ้างนั่นนี่โน่นสารพัด แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีของปี 2016 จนเป็นเรื่องคาใจคนอเมริกัน
เมื่อทรัมป์ดึงดันไม่เปิดเผย ก็ยิ่งทำให้คนอเมริกันสงสัยว่าทรัมป์น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชี้แจงตัวเลขรายได้และจำนวนภาษี มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ไม่น่าไว้ใจ เพราะทรัมป์เป็นมหาเศรษฐีมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ต สนามกอล์ฟ โรงแรมหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ช่วงการหาเสียง ทรัมป์ยังไปเปิดสนามกอล์ฟใหม่ในประเทศไอร์แลนด์ และตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว ก็ใช้สถานที่ต่างๆ ของตัวเองต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเป็นการฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์เพื่อธุรกิจของตัวเอง ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ทรัมป์ได้เคยประกาศว่าจะแยกธุรกิจส่วนตัวจากงานประธานาธิบดี ไม่ให้ยุ่งปะปนกันแต่หลังจากเข้าทำงานช่วง 66 วันแรก ทรัมป์กลับใช้เวลามากถึง 22 วันขลุกอยู่กับทั้งงานราษฎร์ งานหลวงที่รีสอร์ตส่วนตัวและแสดงท่าทีไม่แยแสต่อเสียงท้วงติง ไม่รู้สึกอายที่ถูกมองว่าไม่รักษาคำพูด
สื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ ซึ่งจ้องจี้ติดตามเล่นงานทรัมป์มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งก็ยังคงไล่บี้ประเด็นเรื่องการยื่นแบบชำระภาษีเอานักวิเคราะห์มาถกถึงสภาวะความไม่โปร่งใสในการทำงานในทำเนียบขาวเริ่มที่ตัวผู้นำเอง และสะท้อนให้เห็นว่าทรัมป์น่าจะมีอะไรปกปิดอยู่พอสมควร
เรื่องการเลี่ยงภาษีในสังคมอเมริกันถือเป็นเรื่องใหญ่ คนระดับใหญ่เด่นดังแค่ไหน ถ้าถูกจับได้ว่าเลี่ยงภาษีไม่มีโอกาสรอดคุกแม้แต่ดาราหนังผิวสี เวสลีย์ สไนปส์ ก็ยังติดคุกเพราะปัญหาภาษี จอมมาเฟียชิคาโก แอล คาโปน รอดคดีอาญาสารพัด สุดท้ายก็สิ้นท่าเพราะข้อหาเลี่ยงภาษีเงินได้
ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ นักต่อรอง ระดับมหาเศรษฐีมีเงินหลายพันล้านเหรียญ ย่อมน่าจะมีอะไรซ่อนเร้น ดังกรณีต้องยอมคืนเงินค่าเรียนให้นักศึกษามหาวิทยาลัยทรัมป์เมื่อถูกโวยเรื่องคุณภาพการสอน ยอมจ่ายเงินเพื่อระงับเรื่องก่อนที่จะทำให้ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือเสียหายไปมากกว่านี้
แม้จะมีความสำเร็จ มีชื่อเสียง เขียนหนังสือแนะนำวิธีสร้างตัวให้ร่ำรวย เรื่องเทคนิคศิลปะการต่อรองธุรกิจ แต่ก็มีการลงทุนที่เจ๊งไม่เป็นท่า รวมทั้งการตั้งกาสิโนทัชมาฮาลในแอตแลนติก ซิตี้ หวังจะแข่งกับลาสเวกัส แต่ขาดทุนหนัก นอกจากนั้นยังมีธุรกิจล้มละลายทำให้ชื่อเสียงมีรอยด่าง
ข้ออ้างช่วงนี้มีตัวแทนทรัมป์มาบอกว่า “อยู่ในระหว่างการตรวจสอบบัญชี” ทั้งรายได้รายจ่าย เพื่อประเมินภาษีที่ว่านั้น วันเสาร์ที่ผ่านมาถือเป็นวันสุดท้ายสำหรับการแจ้งยื่นชำระภาษี ด้วยเหตุนี้เองทำให้มีการชุมนุมเดินขบวนประท้วง เรียกร้องให้ทรัมป์เปิดเผยการยื่นตัวเลขภาษีเงินได้
เจ้าหน้าที่ IRS แย้งว่า ถึงอยู่ในช่วงตรวจสอบ ก็เปิดเผยตัวเลขภาษีได้! พวกทรัมป์ก็เงียบ นั่นยิ่งทำให้คนมองว่าต้องมีอะไรพิสดารแน่ๆ เรื่องนี้กลายเป็นจุดเปราะบางเสี่ยงทางการเมือง
การชุมนุมเกิดขึ้นใน 150 เมืองเป็นอย่างน้อยทั่วประเทศ แม้จำนวนคนไม่มากนักก็เป็นการสร้างกระแสกดดันให้เห็นว่าเกิดขึ้นหลายจุด มีการปะทะกันด้วยกำลังระหว่างพวกเอาทรัมป์และพวกไม่เอาทรัมป์ ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ บาดเจ็บได้เลือดไปหลายคน
ทรัมป์ถือว่าเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีจุดอ่อนมากกว่าคนก่อนๆ ซึ่งอาจขยายเป็นจุดจบก็ได้มีศัตรูด้านผลประโยชน์มากราย ยิ่งเป็นนักธุรกิจก็ยิ่งโดนจับตามอง เมื่อเอาลูกเขยลูกสาวเข้ามาทำงานด้วยก็ทำให้เกิดแรงเสียดสีทั้งพฤติกรรม ความอ่อนไหวด้านความมั่นคง ผลประโยชน์ด้านธุรกิจ
การพลิกผันปรับเปลี่ยนนโยบายการปฏิบัติจากหน้ามือเป็นหลังมือ เดาทางยากทำให้ถูกมองว่าไม่อยู่กับร่องกับรอย ขาดหลักการชัดเจน ไม่แน่นอน สร้างความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ทำงานด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง แผนลงทุนด้านธุรกิจภูมิศาสตร์การเมือง ความสัมพันธ์
ดังนั้น ไม่ว่าทรัมป์จะทำงาน เดินหน้านโยบายสำคัญ จัดการวิกฤตร้ายแรงระดับสากลเรื่องอะไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีให้กระจ่าง ประเด็นนี้จะตามหลอกหลอนตลอดไป นำไปสู่ปัญหาความน่าเชื่อถือ ความไม่น่าไว้วางใจในบุคลิกผู้นำประเทศ
ช่วงนี้จะเห็นได้ว่าทรัมป์โชว์ความเป็นผู้นำในการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ การแสดงแสนยานุภาพ คนอื่นอาจจะกลัว แต่เจ้าหน้าที่ IRS ไม่หวั่น ถ้าเลี่ยงภาษี ใหญ่แค่ไหนก็โดนคดีแน่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเจอ 3 เด้งที่สามารถกำหนดอนาคตแน่ชัดคือ “ความตาย” “กรมสรรพากร” และ “ชาวอเมริกัน” และสาเหตุสุดท้ายนี่แหละจะเป็นเรื่องกวนใจอย่างมากตราบใดที่ยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของการเสียภาษีเงินได้ปีล่าสุดให้ประชาชนได้รับรู้
ยิ่งยื้อนานเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่ชาวบ้านฟังแล้วว่าไม่เข้าท่า ก็ยิ่งส่อพิรุธ เป็นเหมือนอย่างที่นักเขียนชาวฝรั่งเศส ออนอเร เดอ บัลซัค ว่า “เบื้องหลังของทุกความมั่งคั่งคืออาชญากรรม” และคนอย่างทรัมป์ก็ไม่ธรรมดา ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งแต่รอดมาได้ ชื่อไม่ได้หอมฟุ้งนัก
หน่วยงานสรรพากรของสหรัฐฯ คือ Internal Revenue Service หรือ IRS มีอำนาจมากพอๆ กับความน่าเกรงขาม ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหน โดนหน่วยงาน IRS เล็งตรวจสอบรายได้ก็ต้องหนาว
คนทำมาหากินตามปกติ แต่ถ้า IRS ประเมินแล้วว่าไลฟ์สไตล์หรือแนวทางการใช้ชีวิต มีบ้านใหญ่ รถหรู ดูไม่สมดุลกับรายได้ที่แจ้งเสียภาษี จะมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามนิ่มๆ แต่น่าเสียว ต้องตอบคำถามว่าเอาเงินมาจากไหนถึงได้ดำรงชีพอย่างสุขสบายอย่างที่เห็น
ตอบคำถามไม่ได้น่าประทับใจ นับวันรอถูกประเมินภาษี แล้วรอวันเข้าคุกได้เลย
ทุกวันนี้ทรัมป์ยังดึงดันไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีให้สาธารณะได้รู้ ทั้งๆ ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ต้องชี้แจงรายละเอียดของประวัติด้านการเงิน คือรายได้ส่วนตัวและการเสียภาษีเงินได้แต่ละปี รวยหรือจนก็ต้องมีภาระต้องแสดง
ธรรมเนียมที่ว่านี้เริ่มตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีก็ต้องทำอย่างเดียวกัน ทุกคนปฏิบัติตามจนมาถึงทรัมป์ ซึ่งพยายามอ้างนั่นนี่โน่นสารพัด แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีของปี 2016 จนเป็นเรื่องคาใจคนอเมริกัน
เมื่อทรัมป์ดึงดันไม่เปิดเผย ก็ยิ่งทำให้คนอเมริกันสงสัยว่าทรัมป์น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชี้แจงตัวเลขรายได้และจำนวนภาษี มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ไม่น่าไว้ใจ เพราะทรัมป์เป็นมหาเศรษฐีมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รีสอร์ต สนามกอล์ฟ โรงแรมหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ช่วงการหาเสียง ทรัมป์ยังไปเปิดสนามกอล์ฟใหม่ในประเทศไอร์แลนด์ และตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว ก็ใช้สถานที่ต่างๆ ของตัวเองต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเป็นการฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์เพื่อธุรกิจของตัวเอง ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ทรัมป์ได้เคยประกาศว่าจะแยกธุรกิจส่วนตัวจากงานประธานาธิบดี ไม่ให้ยุ่งปะปนกันแต่หลังจากเข้าทำงานช่วง 66 วันแรก ทรัมป์กลับใช้เวลามากถึง 22 วันขลุกอยู่กับทั้งงานราษฎร์ งานหลวงที่รีสอร์ตส่วนตัวและแสดงท่าทีไม่แยแสต่อเสียงท้วงติง ไม่รู้สึกอายที่ถูกมองว่าไม่รักษาคำพูด
สื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ ซึ่งจ้องจี้ติดตามเล่นงานทรัมป์มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งก็ยังคงไล่บี้ประเด็นเรื่องการยื่นแบบชำระภาษีเอานักวิเคราะห์มาถกถึงสภาวะความไม่โปร่งใสในการทำงานในทำเนียบขาวเริ่มที่ตัวผู้นำเอง และสะท้อนให้เห็นว่าทรัมป์น่าจะมีอะไรปกปิดอยู่พอสมควร
เรื่องการเลี่ยงภาษีในสังคมอเมริกันถือเป็นเรื่องใหญ่ คนระดับใหญ่เด่นดังแค่ไหน ถ้าถูกจับได้ว่าเลี่ยงภาษีไม่มีโอกาสรอดคุกแม้แต่ดาราหนังผิวสี เวสลีย์ สไนปส์ ก็ยังติดคุกเพราะปัญหาภาษี จอมมาเฟียชิคาโก แอล คาโปน รอดคดีอาญาสารพัด สุดท้ายก็สิ้นท่าเพราะข้อหาเลี่ยงภาษีเงินได้
ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ นักต่อรอง ระดับมหาเศรษฐีมีเงินหลายพันล้านเหรียญ ย่อมน่าจะมีอะไรซ่อนเร้น ดังกรณีต้องยอมคืนเงินค่าเรียนให้นักศึกษามหาวิทยาลัยทรัมป์เมื่อถูกโวยเรื่องคุณภาพการสอน ยอมจ่ายเงินเพื่อระงับเรื่องก่อนที่จะทำให้ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือเสียหายไปมากกว่านี้
แม้จะมีความสำเร็จ มีชื่อเสียง เขียนหนังสือแนะนำวิธีสร้างตัวให้ร่ำรวย เรื่องเทคนิคศิลปะการต่อรองธุรกิจ แต่ก็มีการลงทุนที่เจ๊งไม่เป็นท่า รวมทั้งการตั้งกาสิโนทัชมาฮาลในแอตแลนติก ซิตี้ หวังจะแข่งกับลาสเวกัส แต่ขาดทุนหนัก นอกจากนั้นยังมีธุรกิจล้มละลายทำให้ชื่อเสียงมีรอยด่าง
ข้ออ้างช่วงนี้มีตัวแทนทรัมป์มาบอกว่า “อยู่ในระหว่างการตรวจสอบบัญชี” ทั้งรายได้รายจ่าย เพื่อประเมินภาษีที่ว่านั้น วันเสาร์ที่ผ่านมาถือเป็นวันสุดท้ายสำหรับการแจ้งยื่นชำระภาษี ด้วยเหตุนี้เองทำให้มีการชุมนุมเดินขบวนประท้วง เรียกร้องให้ทรัมป์เปิดเผยการยื่นตัวเลขภาษีเงินได้
เจ้าหน้าที่ IRS แย้งว่า ถึงอยู่ในช่วงตรวจสอบ ก็เปิดเผยตัวเลขภาษีได้! พวกทรัมป์ก็เงียบ นั่นยิ่งทำให้คนมองว่าต้องมีอะไรพิสดารแน่ๆ เรื่องนี้กลายเป็นจุดเปราะบางเสี่ยงทางการเมือง
การชุมนุมเกิดขึ้นใน 150 เมืองเป็นอย่างน้อยทั่วประเทศ แม้จำนวนคนไม่มากนักก็เป็นการสร้างกระแสกดดันให้เห็นว่าเกิดขึ้นหลายจุด มีการปะทะกันด้วยกำลังระหว่างพวกเอาทรัมป์และพวกไม่เอาทรัมป์ ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ บาดเจ็บได้เลือดไปหลายคน
ทรัมป์ถือว่าเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีจุดอ่อนมากกว่าคนก่อนๆ ซึ่งอาจขยายเป็นจุดจบก็ได้มีศัตรูด้านผลประโยชน์มากราย ยิ่งเป็นนักธุรกิจก็ยิ่งโดนจับตามอง เมื่อเอาลูกเขยลูกสาวเข้ามาทำงานด้วยก็ทำให้เกิดแรงเสียดสีทั้งพฤติกรรม ความอ่อนไหวด้านความมั่นคง ผลประโยชน์ด้านธุรกิจ
การพลิกผันปรับเปลี่ยนนโยบายการปฏิบัติจากหน้ามือเป็นหลังมือ เดาทางยากทำให้ถูกมองว่าไม่อยู่กับร่องกับรอย ขาดหลักการชัดเจน ไม่แน่นอน สร้างความกังวลต่อเจ้าหน้าที่ทำงานด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง แผนลงทุนด้านธุรกิจภูมิศาสตร์การเมือง ความสัมพันธ์
ดังนั้น ไม่ว่าทรัมป์จะทำงาน เดินหน้านโยบายสำคัญ จัดการวิกฤตร้ายแรงระดับสากลเรื่องอะไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เปิดเผยตัวเลขการเสียภาษีให้กระจ่าง ประเด็นนี้จะตามหลอกหลอนตลอดไป นำไปสู่ปัญหาความน่าเชื่อถือ ความไม่น่าไว้วางใจในบุคลิกผู้นำประเทศ
ช่วงนี้จะเห็นได้ว่าทรัมป์โชว์ความเป็นผู้นำในการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ การแสดงแสนยานุภาพ คนอื่นอาจจะกลัว แต่เจ้าหน้าที่ IRS ไม่หวั่น ถ้าเลี่ยงภาษี ใหญ่แค่ไหนก็โดนคดีแน่