ผู้จัดการรายวัน360-“ศรีวราห์” ย้อนถาม “หลานเสรีเริงฤทธิ์” แจ้งตำรวจตามหาหมุดคณะราษฎร เป็นทรัพย์มรดกของตนเองหรือไม่ และเป็นผู้เสียหายหรือไม่ พร้อมเตือนเลี่ยงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ลานพระราชวังดุสิต อาจเข้าข่ายฝืนคำสั่ง คสช. และพ.ร.บ.ชุมนุม ด้านกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยลองของ ตั้งเวทีด้านข้างวัดเบญจมบพิตรฯ เรียกร้องตั้งสภาปวงชนชาวไทย เจอตำรวจรวบตัวทันที แจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพริษฐ์ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ อายุ 30 ปี หลานชายหลวงเสรีเริงฤทธิ์ พร้อมกลุ่มนักศึกษาเดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สน.ดุสิต เพื่อเป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่อยู่บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้าที่หายไป ว่า ผู้มาเเจ้งความหมุดดังกล่าวนั้น ถามว่าหมุดดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของตนเองหรือเป็นทรัพย์สินของบุคคลใด รวมทั้งเป็นผู้เสียหายหรือไม่ จึงเข้ามาเเจ้งความร้องทุกข์ หากยืนยันว่าเป็นทรัพย์มรดกตนเองจริง ตำรวจก็พร้อมดำเนินการให้ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ของตนเองหรือไม่ จึงนำหมุดดังกล่าวไปวางไว้ ความจริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อะไร จึงนำของส่วนตัวไปวางไว้
"ฝากเตือนกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องนี้ ให้เลี่ยงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในบริเวณพื้นที่ลานพระราชวังดุสิต เพราะอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะได้"พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนักศึกษา 3 ราย และทายาทรุ่นหลานของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดุสิต ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องหมุดคณะราษฎรว่าหายไปได้อย่างไร โดยตำรวจได้รับเรื่องเอาไว้ เพราะทรัพย์ที่หายเป็นของราชการ ผู้ใดสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้
วันเดียวกันนี้ ที่บริเวณถนนนครปฐม ด้านข้างวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (กทม.) น.อ. (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย พร้อมชาวบ้านจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 50 คน ได้เดินทางมาประชุมเรียกร้องประชาธิปไตย
น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์กล่าวว่า ได้นำประชาชนที่ต้องมีสิทธิและเสรีภาพจากทั่วทุกประเทศมาชุมนุมเพื่อขอให้ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่เป็นประชาชนยุค 2475 ไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ตนเชื่อคำที่ว่า “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องได้รับความเป็นธรรม อยากให้มีการตั้งสภาปวงชนชาวไทย โดยนำประชาชนจากทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม อยากให้มีนโยบายจากข้างล่างสู่ข้างบน ไม่ใช่ข้างบนลงมาข้างล่าง
ในระหว่างการจัดชุมชน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.น.1 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน ผกก.สน.ดุสิต ได้เดินทางมาควบคุมการชุมนุม พร้อมนำกำลังกองร้อย อคฝ.จำนวน 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่เทศกิจมาดูแลความเรียบร้อย โดยขอให้ชาวบ้านยกเลิกการชุมนุมและแยกย้ายกลับบ้าน เนื่องจากผิดกฎหมายที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป จากนั้นได้ควบคุมตัวน.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ ขึ้นรถตู้ไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11 ก่อนส่งตัวมาที่ สน.ดุสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังได้ดำเนินการจัดส่งผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนา และทำการรื้อถอนเวทีออกโดยทันที
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เปิดเผยถึงกรณีเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพริษฐ์ รัตนกุลเสรีเริงฤทธิ์ อายุ 30 ปี หลานชายหลวงเสรีเริงฤทธิ์ พร้อมกลุ่มนักศึกษาเดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สน.ดุสิต เพื่อเป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่อยู่บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้าที่หายไป ว่า ผู้มาเเจ้งความหมุดดังกล่าวนั้น ถามว่าหมุดดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของตนเองหรือเป็นทรัพย์สินของบุคคลใด รวมทั้งเป็นผู้เสียหายหรือไม่ จึงเข้ามาเเจ้งความร้องทุกข์ หากยืนยันว่าเป็นทรัพย์มรดกตนเองจริง ตำรวจก็พร้อมดำเนินการให้ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ของตนเองหรือไม่ จึงนำหมุดดังกล่าวไปวางไว้ ความจริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อะไร จึงนำของส่วนตัวไปวางไว้
"ฝากเตือนกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องนี้ ให้เลี่ยงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในบริเวณพื้นที่ลานพระราชวังดุสิต เพราะอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะได้"พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนักศึกษา 3 ราย และทายาทรุ่นหลานของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดุสิต ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องหมุดคณะราษฎรว่าหายไปได้อย่างไร โดยตำรวจได้รับเรื่องเอาไว้ เพราะทรัพย์ที่หายเป็นของราชการ ผู้ใดสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้
วันเดียวกันนี้ ที่บริเวณถนนนครปฐม ด้านข้างวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร แขวงและเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (กทม.) น.อ. (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ เลขาธิการพรรคอธิปไตยปวงชนชาวไทย พร้อมชาวบ้านจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 50 คน ได้เดินทางมาประชุมเรียกร้องประชาธิปไตย
น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์กล่าวว่า ได้นำประชาชนที่ต้องมีสิทธิและเสรีภาพจากทั่วทุกประเทศมาชุมนุมเพื่อขอให้ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่เป็นประชาชนยุค 2475 ไม่เคยได้รับประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย ตนเชื่อคำที่ว่า “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องได้รับความเป็นธรรม อยากให้มีการตั้งสภาปวงชนชาวไทย โดยนำประชาชนจากทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วม อยากให้มีนโยบายจากข้างล่างสู่ข้างบน ไม่ใช่ข้างบนลงมาข้างล่าง
ในระหว่างการจัดชุมชน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผบก.น.1 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน ผกก.สน.ดุสิต ได้เดินทางมาควบคุมการชุมนุม พร้อมนำกำลังกองร้อย อคฝ.จำนวน 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่เทศกิจมาดูแลความเรียบร้อย โดยขอให้ชาวบ้านยกเลิกการชุมนุมและแยกย้ายกลับบ้าน เนื่องจากผิดกฎหมายที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป จากนั้นได้ควบคุมตัวน.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ ขึ้นรถตู้ไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11 ก่อนส่งตัวมาที่ สน.ดุสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังได้ดำเนินการจัดส่งผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนา และทำการรื้อถอนเวทีออกโดยทันที