xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวงรัชกาลที่๑๐เสด็จฯพระราชพิธีสงกรานต์60

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้สาธุชนเข้าถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร วันที่ 13-15 เม.ย.60 ด้าน นายกฯ เผย ยังไม่เริ่มสงกรานต์มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 พันราย กำชับเจ้าหน้าที่บันทึกแยกประเภทการเกิดอุบัติเหตุให้ละเอียด ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ กรมการขนส่งฯ ใช้ 3 แนวทางอนุโลมผู้ใช้รถกระบะ

วานนี้ (11 เม.ย.) สำนักพระราชวัง แจ้งว่า เลขาธิการพระราชวัง รับพระราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า พระราชพิธีสงกรานต์ ปี 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันที่ 15 เม.ย.60 โดยในเวลา 07.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 150 รูป เข้ารับพระราชทานอาหารบิณฑบาตที่ในพระบรมมหาราชวัง

จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินมายังพระมหามณเฑียร ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสรงน้ำพระพุทธรูป ณ หอพระสุลาลัยพิมาน สรงน้ำพระบรมอัฐิ พระอัฐิ ณ หอพระธาตุมณเฑียร และเลี้ยงพระสงฆ์ 76 รูป ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในเวลา 10.30 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินสรงน้ำพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ พระพุทธเลิศหล้านภาไลย ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอัฐิสมเด็จพระบวรราชเจ้า ณ หอนากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลา 17.30 น.

อนึ่ง ในวันที่ 13-15 เม.ย.60 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้สาธุชนเข้าถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร

สำหรับการเข้ากราบสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 13-15 เม.ย.60 สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพตามปกติ ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 13-14 เม.ย.60 สำนักพระราชวังเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. ส่วนในวันที่ 15 เม.ย.60 สำนักพระราชวังงดจำหน่ายตั๋วตลอดทั้งวัน นักท่องเที่ยว และคนไทยสามารถเข้าชมวัดศรีรัตนศาสดารามได้ทางประตูสวัสดิโสภา (ฝั่งกระทรวงกลาโหม)

** ตร. เสนอ กรมขนส่งฯ 3 แนวทางนั่งแค็บ-กระบะท้าย

วานนี้ (11 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีหนังสือ ที่ ตช.0011.14/1217 ลงวันที่ 7 เม.ย.60 เรื่องหลักเกณฑ์รองรับการใช้รถกระบะบรรทุกโดยสาร ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 เพิ่มเติม ถึงอธิบดีกรมขนส่งทางบก ใจความว่า

ด้วยปรากฏว่า ตร. ได้นำแนวทางบังคับใช้เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 14/2560 ลงวันที่ 21 มี.ค.60 มาปฏิบัติและประชาสัมพันธ์ แต่ได้รับคำร้องเรียนจากผู้ใช้รถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคลจำนวนมากว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 ที่ห้ามมิให้บรรทุกผู้โดยสารในช่องแค็บ หรือกระบะท้ายรถยนต์ได้ ด้วยความจำเป็นและข้อขัดข้องในการจดทะเบียนให้ถูกต้องหลายประการ

กรณีนี้ ตร. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรมการขนส่งทางบก ควรพิจารณาออกหลักเกณฑ์และวิธีการที่มีความปลอดภัยในระดับหนึ่งให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์กระบะบรรทุกเป็นรถยนต์โดยสารบ้างเป็นบ้างโอกาส โดยมิต้องไปจดทะเบียน เปลี่ยนแปลงลักษณะรถเป็นรถยนต์บรรทุกผู้โดยสารส่วนบุคคลเกิน 7 คนตามกฎหมาย ดังนี้

1.ที่แค็บด้านหลังคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าเฉพาะรุ่นที่มีความกว้างเพียงพอ เห็นสมควรให้อนุญาตติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 2 จุด หรือ 3 จุด แล้วใช้เป็นที่โดยสารได้

2.สำหรับกระบะบรรทุกตอนหลังรถ หากมีความจำเป็นจะต้องบรรทุกผู้โดยสารระหว่างการเดินทางให้กระทำได้โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ให้บรรทุกได้ไม่เกิน 6 คน และพิจารณากำหนดจุดติดตั้งราวจับยึด หรือติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเท่าที่ทำได้

3.กรณีใช้บรรทุกผู้โดยสารตาม ข้อ 2. จะต้องจำกัดความเร็วให้อยู่ในระดับปลอดภัยมากกว่าปกติ เห็นควรให้ใช้ความเร็วไม่เกินความเร็วในเขตเทศบาล (80 กม./ชั่วโมง )

*** นายกฯ ลั่นเล่นสงกรานต์อย่าเจ็บอย่าตาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการออกมาตรการความปลอดภัยในการโดยสารรถสาธารณะ ซึ่งรวมถึงการนั่งท้ายรถกระบะว่า เป็นมาตรการที่จะใช้ต่อเนื่อง โดยต้องเริ่มจากการเตรียมการ เพราะอย่างน้อยเมื่อออกมาแล้วทำให้ทุกคนตื่นตัวพอสมควร และตนเห็นว่าทุกคนก็เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะยังปฏิบัติไม่ได้ 100%

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบเห็นว่ากฎหมายที่ออกมากว่า 20 ปี แล้วนั้นไม่สามารถยกเลิกได้ ดังนั้นเป็นเรื่องของมาตรการในการเน้นย้ำ เพิ่มความเข้มงวดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ

“ผมเข้าใจดีถึงความยากลำบากในการเดินการทางต่างๆ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งในเรื่องของขนส่งมวลชน รถไฟ รถไฟทางคู่ ก็ต้องมาเริ่มทำกันในรัฐบาลนี้ รัฐบาลต้องใช้เวลาในการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและขนส่งมวลชนให้ดีขึ้น ระหว่างนี้ทุกคนก็ต้องปรับตัว เพราะรู้อยู่ว่าในวันหน้าต้องใช้กฎหมายให้ครบ 100% ดังนั้นทุกฝ่ายต่างก็ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน อย่าเอาชนะ ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการและบังคับใช้กฎหมาย เขาละเว้นไม่ได้ รับรองว่าไม่ให้ใครเดือดร้อน หากจะเดือดร้อนก็เมื่อกระทบต่อชีวิต”

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยกันดูและบันทึกสถิติให้ชัดเจน พร้อมแยกประเภทว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อก ผู้ขับขี่ หรือโดยสารรถยนต์ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับรถความเร็วเกินกำหนด ดื่มสุรา แยกประเภทให้เห็นชัดว่าเสียชีวิตจากอะไรมากเป็นพิเศษ

“ปีนี้ยังไม่เริ่มสงกรานต์เลยก็มีเสียชีวิตแล้วกว่า 3 พันราย ซึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถนนดีขึ้นทำให้ตายมากขึ้น เพราะไม่รักษากฎจราจร และดื่มสุรา ส่วนการใช้เข็มขัดนิรภัย เพื่อผ่อนหนักเป็นเบา ถึงอย่างไรก็กันไม่ได้ 100% อยู่แล้ว อย่างน้อยจากตายก็แค่บาดเจ็บ หรือบาดเจ็บมากเป็นบาดเจ็บน้อย เป็นมาตรการลดอันตรายลง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตสำนึกของคนขับ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้สงกรานต์เป็นวันเริ่มต้นให้มีความสุข ให้ทุกคนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ อย่านั่งกระบะท้าย เพราะถ้าบาดเจ็บ สูญเสีย ก็จะเกิดความเสียใจ คาดหวังว่าทุกคนคงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรืออันตรายจากการพักผ่อน สัปดาห์หน้ากลับมาเจอกัน อย่าป่วย อย่าเจ็บ เพราะถ้ามีใครบาดเจ็บ ตนก็เสียใจ เพราะคนไทยทุกคนถือเป็นคนในครอบครัว ฉะนั้นใครเจ็บใครตาย ตนก็เสียใจหมด เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมารัฐบาลก็เสียใจ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลมีให้นั่นคือ ความจริงใจและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น