“In time of war, the first casualty is truth.- ในยามสงคราม ความจริงจะถูกประหัตประหารก่อนอื่น”
“Boake Carter”
ฉากสถานการณ์สงครามในซีเรียจะบานปลาย ปลายบานไปถึงขั้นไหน???...หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้เรือรบ 2 ลำ สาดจรวดโทมาฮอว์กเข้าใส่ประเทศเล็กๆ อย่างซีเรีย จนทำให้ “สงครามกลางเมือง” กลายสภาพเป็น “สงครามระหว่างประเทศ” ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว อันนั้น...คงต้องเฝ้าติดตามกันไปเป็นระยะๆ แต่ที่ควรหยิบมาใคร่ครวญ ตรวจสอบ ก่อนจะเอียงไปข้างไหน ต่อข้างไหน ก็คือ “ความจริง” ที่อาจถูกประหัตประหารไปก่อนหน้าที่ฉากสงครามจะเริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะเหตุผลข้ออ้างที่ทำให้อภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างสหรัฐฯ ตัดสินใจโจมตีซีเรีย โดยไม่คิดสนใจกฎ กติการะหว่างประเทศ อำนาจอธิปไตยของประเทศเล็กๆ แห่งนี้เอาเลยแม้แต่น้อย...
ยิ่งเมื่อประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาแถลงท่าทีของประเทศไทยเอาไว้อย่างหนักแน่น ชัดเจน ว่าไม่เห็นด้วยโดยเด็ดขาดกับใครก็ตามที่ใช้ “อาวุธเคมี” พร่าผลาญชีวิตของผู้อื่นในทุกๆ สถานการณ์และโดยไม่แยกแยะเป้าหมาย ข้อเขียนและบทรายงานของเจ้าหน้าที่องค์กรเอกชน “Larouchepac” โดย “นายWilliam F.Wertz Jr.” ที่ถูกนำเสนอไว้ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2013 หลังเกิดกรณีการใช้อาวุธเคมีที่หมู่บ้าน Khan al-Assal ในซีเรีย สังหารพร่าผลาญชีวิตพลเรือนไปไม่น้อยกว่า 25 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย จนหวิดๆ จะเกิดสงครามระหว่างประเทศ ระหว่างสหรัฐฯ กับซีเรียมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จะด้วยเหตุเพราะ “โอมาบ้า” ยังไม่ “บ้า” เท่า “ทรัมป์” หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ โดยข้อมูล หลักฐาน พยานที่ถูกรวบรวมเอาไว้ในรายงานชิ้นนี้ น่าจะพอทำให้ “ความจริง” ปรากฏขึ้นมาบ้างรางๆ ว่าไผเป็นไผหรืออะไรเป็นอะไรกันแน่!!!
รายงานชิ้นนี้...ไล่มาตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2013 ระบุถึงกรณีที่รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารซีเรีย “นายOmran al-Zoubi” ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดเผยว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอย่างกลุ่มกบฏซีเรีย ได้เริ่มใช้อาวุธเคมีขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยการยิงจรวดบรรจุแก๊สพิษไปยังหมู่บ้าน Khan al-Assal ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อย โดยได้กล่าวพาดพิงไปถึงรัฐบาลตุรกีและกาตาร์ด้วยว่า จะต้องร่วมรับผิดชอบกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏเหล่านี้มาโดยตลอด...
20 มีนาคม...รัฐบาล “อัล-อัสซาด” แห่งซีเรีย ได้ยื่นเรื่องราวไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ “นายบัน คี มูน” เรียกร้องให้จัดตั้งคณะกรรมการระหว่างชาติเข้ามาสืบสวน สอบสวนการใช้อาวุธเคมีของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและผู้ก่อการร้ายในซีเรีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่อง 4 ของอังกฤษ “นายAlex Thomson” และหนังสือพิมพ์ “The London Telegraph” นำมาเผยแพร่ต่อ ด้วยการยืนยันแบบหัวเด็ดตีนขาดว่า กลุ่มก่อการร้าย “Al-Nusra” ก็คือผู้ที่ยิงจรวดบรรจุก๊าซคลอรีนเข้าใส่ทหารซีเรียบริเวณจุดตรวจใกล้กับหมู่บ้าน Khan al-Assal...
27 เมษายน...รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารซีเรีย “นายOmran al-Zoubi” ได้ออกมาระบุแบบตรงไป-ตรงมาว่ารัฐบาลตุรกีเป็นผู้อนุญาตให้พวกกบฏขนอาวุธข้ามมายังชายแดนซีเรีย 6 พฤษภาคม 2013 หัวหน้าหน่วยสืบสวนการใช้อาวุธเคมีในซีเรียของสหประชาชาติ คือ “นายJudge Carla Del Ponte” ที่เคยมีประสบการณ์การสืบสวน สอบสวน กรณีอาชญากรรมสงครามในอดีตยูโกสลาเวียและรวันดามาก่อนหน้านี้ ได้ยืนยันเอาไว้ในแนวทางเดียวกันว่า “จากหลักฐานที่เรารวบรวมได้ ไม่ว่าจากการตรวจสอบครอบคลุมไปถึงประเทศใกล้เคียง การสัมภาษณ์เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แพทย์ และโรงพยาบาลในท้องถิ่น พอจะสรุปได้อย่างหนักแน่นพอสมควรว่า...ฝ่ายกบฏซีเรีย คือผู้ใช้อาวุธเคมีโดยเฉพาะแก๊สซาริน ขณะที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายทหารรัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเหล่านี้ด้วยหรือไม่”...
24 พฤษภาคม “นายFarhan Haq” โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์รัสเซีย ว่าได้ส่งหลักฐานเหล่านี้มายังสหประชาชาติแล้ว โดยคณะทำงานของยูเอ็นค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้ใช้อาวุธเคมีที่ Khan al-Assal ก็คือกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือกลุ่มกบฏซีเรียนั่นเอง แต่การเปิดเผยข้อมูลหลักฐานดังกล่าว ยังคงไม่ได้หมดลงเพียงเท่านี้ ยังต้องต่อภาคสอง ภาคสาม และภาคพิสดารไปอีกซักวัน-สองวัน ถึงพอจะเห็น “ความจริง” ปรากฏขึ้นมารางๆ ว่าใครกันแน่ที่นำเอาอาวุธต้องห้าม อาวุธอันตรายเหล่านี้มาใช้โดยไม่แยกแยะเป้าหมาย เพียงเพื่อให้เกิดเหตุผล ข้ออ้างในการจุดชนวนสงครามขึ้นมาในตะวันออกกลาง...