xs
xsm
sm
md
lg

สงครามอารมาเกดโดน (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


การตรวจสอบหาข้อพิสูจน์ ว่ากองทัพซีเรียภายใต้รัฐบาล “อัล-อัสซาด” คิดจะ “ละเมิดเส้นตาย” ด้วยการใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน หรือฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ อย่างไร ถ้าจะหาหลักฐานยืนยันกันแบบชัดๆ จะจะมันคงต้องใช้เวลาอยู่บ้างตามสมควร แต่ถ้าหากอาศัยหลักเหตุผล ตรรกะ อันที่จริง...ก็น่าจะพอสรุปได้แบบฉับพลัน-ทันที ว่ากองทัพและรัฐบาลซีเรีย ไม่น่าจะ “โง่” ไปได้ถึงปานนั้น...

เพราะในช่วงระหว่างนี้...กองทัพซีเรียและรัฐบาลซีเรีย ต่างกำลังประสบชัยชนะทั้งในทางการเมืองและการทหารแบบชนิดแทบจะเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด สามารถกลับมายึดครองพื้นที่ซึ่งเคยตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายกบฏและพวกผู้ก่อการร้าย เกือบจะ 80-90 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว กำลังเคลื่อนไหว ผลักดันให้เกิดกระบวนการสันติภาพ ระดับบรรลุ “ข้อตกลงหยุดยิง” ทั่วทั้งประเทศ โดยมีชาติมหาอำนาจระดับโลกอย่างรัสเซีย ไปจนมหาอำนาจระดับภูมิภาค อย่างอิหร่านและตุรกีให้การสนับสนุนอีกต่างหาก หวิดๆ จะหาข้อสรุปลงตัวกันได้บ้าง หลังจากที่เริ่มตั้งโต๊ะเจรจากันที่กรุง Astana ประเทศคาชัคสถาน แล้วจะไปต่อกันที่กรุง Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์...

ภายใต้สภาพเช่นนี้...ไม่เพียงแต่ไม่มีความจำเป็นใดๆ เอาเลยที่จะงัดเอาอาวุธเคมีออกมาใช้ เพราะบรรดาพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายต่างหนียะย่ายพ่ายจะแจ แทบไม่เหลือโอกาสฮึดใดๆ ได้อีกเลย แถมยิ่งรู้ๆ อยู่แล้วว่า...อาวุธชนิดนี้มักถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไข ข้ออ้างของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นงานตัวเองไม่ว่าในแง่การเมืองหรือการทหาร ความเป็นไปได้ที่กองทัพซีเรียจะเป็นผู้ใช้อาวุธชนิดนี้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ถ้าว่ากันตามทัศนะของ “นายRon Paul” อดีตวุฒิสมาชิก 3 สมัยของสหรัฐฯ และอดีตผู้เคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แถมยังเคยยุ เคยเชียร์ ประธานาธิบดี “ทรัมป์” มาโดยตลอด ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้...มีค่าเท่ากับ “ศูนย์” (It doesn’t make any sense for Assad under these conditions to all of a sudden use poison gases – I think there’s zero chance he would have done this deliberately.)

ด้วยเหตุนี้...การที่ประธานาธิบดีมือใหม่อย่าง “นายทรัมป์” ไม่ได้คิดจะสนใจความเป็นไปได้-ความเป็นไปไม่ได้เหล่านี้เอาเลยแม้แต่น้อย อาศัย “ลูกบ้า” ล้วนๆ ยิงจรวดถล่มซีเรียไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบลูก จึงถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนพอสมควร ว่าประธานาธิบดีรายนี้...แทบไม่ได้หลงเหลือ “ความเป็นตัวของตัวเอง” ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว หรือได้กลายสภาพไปเป็น “เครื่องมือ” ของพวก “Deep State” พวก “Establishment” ที่กระหายกระเหี้ยนกระหือรือ คิดจะบุกซีเรียมาตั้งแต่ครั้งรัฐบาล “โอมาบ้า” โน่นเลย...

การอาศัย “ลูกบ้า” ของ “นายทรัมป์” มาใช้เป็นเครื่องมือ...ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการเจรจาสันติภาพในซีเรียแทบไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดต่อไปอีกแล้ว แต่ยังทำให้สัมพันธภาพระหว่างสองอภิมหาอำนาจอย่างอเมริกาและรัสเซีย แทบต่อไม่ติดอีกซะด้วย ดังนั้น...แม้ว่าการเปิดฉากถล่มซีเรียอย่างเป็นทางการคราวนี้ ยังไม่ถึงกับสร้างความพังพินาศ ฉิบหายมากมายซักเท่าไหร่ เฉพาะแค่สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารในสนามบิน Shayrat ที่แหลกยับไปเพราะฤทธิ์จรวด Tomahawk ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายยังเป็นแค่หลักหน่วย ไม่ถึงหลักสิบ แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้ “ความบ้าเกินพิกัด” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายใหม่ มันได้ก่อให้เกิดคำถามว่ามันจะนำไปสู่ฉากสถานการณ์แบบไหน อย่างไร ต่อไป เกิดการประกาศ “เขตห้ามบิน” ในซีเรีย? เกิดอุบัติเหตุทางทหารระหว่างกองทัพรัสเซียกับอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก? เกิดการขยายวงความขัดแย้งระหว่างซีเรียกับอิสราเอล หรือซีเรียกับตุรกี?...ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่าง..ล้วนแล้วแต่มีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

หรือส่งผลให้ฉากสถานการณ์ในซีเรีย...ยิ่งใกล้เคียงคล้ายคลึงกับ “คำพยากรณ์” ในบท “วิวรณ์” ของพระคัมภีร์ไบเบิลเข้าไปทุกที ที่ได้ระบุเอาไว้ว่า... “เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่หกเทขันของตนลงที่แม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส ทำให้น้ำในแม่น้ำนั้นแห้ง เพื่อเตรียมมรรคาไว้สำหรับบรรดากษัตริย์ที่มาจากทิศตะวันออก และข้าพเจ้าได้เห็นผีโสโครกสามตน รูปร่างคล้ายกบ ออกมาจากปากพญานาค ออกจากปากสัตว์ร้ายนั้น และออกจากปากคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ ด้วยว่าผีเหล่านั้น...คือผีร้ายกระทำหมายสำคัญ มันจะออกไปหาปวงกษัตริย์ทั่วพิภพ เพื่อเชิญชวนให้บรรดากษัตริย์เหล่านี้ มาร่วมกันทำสงครามในวันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และมันทั้งสาม จะนำเอาปวงกษัตริย์มาชุมนุมกันที่ตำบลหนึ่ง ซึ่งภาษาฮิบรูเรียกว่า...อารมาเกดโดน”...
กำลังโหลดความคิดเห็น