เกิดระเบิดในโบสถ์ที่อียิปต์ ดับอย่างน้อย 36 บาดเจ็บเป็นร้อย คาดเป็นการโจมตีของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ขณะที่สถานการณ์ในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้เดือด เมื่อกองเรือรบมะกัน มุ่งสู่คาบสมุทรเกาหลี โชว์แสนยานุภาพข่มขวัญ ด้านผู้นำโสมแดงถือโอกาสด่าวอชิงตัน โจมตีฐานทัพซีเรีย ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยชาติอื่น เย้ยคิดถูกแล้วที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้รับมือ
สถานีโทรทัศน์ของอียิปต์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โบสถ์แห่งหนึ่ง ในวันอาทิตย์ (9 เม.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 ราย นับเป็นเหตุความรุนแรงครั้งล่าสุด ที่ชนกลุ่มน้อยตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
เบื้องต้นยังไม่มีใครออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นก่อน"คอปติก อีสเตอร์" เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ ทั้งยังเป็นเดือนเดียวกับที่ "โป้ป ฟรานซิส" มีกำหนดจะไปเยือนอียิปต์
เหตุระเบิดครั้งนี้ ที่เมืองตันตะ ห่างกรุงไคโรไปไม่เกิน 100 ไมล์ เกิดขึ้นในช่วงที่กลุ่มย่อยในอียิปต์ของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เริ่มยกระดับการโจมตีชาวคริสต์ โดยใช้ระเบิดเป็นเครื่องมือในการข่มขู่
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ บรรดานักศึกษาและครอบครัวชาวคริสต์ ต้องหลบหนีออกจากจังหวัดไซนายทางตอนเหนือของอียิปต์ เพราะกลุ่มไอเอส ได้เริ่มพุ่งเป้าเล่นงานชาวคริสต์เหล่านั้น
สื่ออียิปต์รายงานว่า ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี กับนายกรัฐมนตรี แชริฟ อิสมาอิล มีกำหนดไปเยือนจุดที่เกิดเหตุระเบิดในวันอาทิตย์ พร้อมกับสั่งให้มีการประชุมสภากลาโหมแห่งชาติ เป็นการฉุกเฉิน
ชุมชนชาวคริสต์ต้องเผชิญกับความไม่ปลอดภัยมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่กลุ่มไอเอส ได้แผ่ขยายอำนาจในอิรักและซีเรีย เมื่อปี 2014 นอกจากนี้ในปี 2015 ยังมีชาวอียิปต์ ที่เป็นคริสเตียน 21 ราย ที่ไปทำงานในลิเบีย ถูกกลุ่มไอเอสสังหาร
เมืองตันตะเคยถูกโจมตีไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ จากเหตุระเบิดใกล้ศูนย์ฝึกตำรวจ ทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 1 ราย กับผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 15 ราย
**เรือรบมะกันมุ่งสู่คาบสมุทรเกาหลี
ด้านอเมริกา ส่งกองเรือจู่โจมมุ่งหน้าไปสุ่คาบสมุทรเกาหลี เพื่อโชว์แสนยานุภาพข่มขวัญ ท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ขณะที่โสมแดง ได้โอกาสด่าวอชิงตันโจมตีฐานทัพซีเรีย ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยชาติอื่นอย่างไม่น่าให้อภัย และยังพิสูจน์ว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่งที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน และไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ ระบุว่า กองเรือจู่โจมที่ชื่อว่า"คาร์ล วินสัน" ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน"ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน" เป็นแกนหลัก จะออกจากสิงคโปร์มุ่งหน้าไปคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากอเมริการู้สึกว่า มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการประจำการณ์ โดยอ้างอิงพฤติกรรมที่น่ากังวลของเกาหลีเหนือ
ในแถลงการณ์ที่ออกมาช่วงค่ำวันเสาร์ (8เม.ย.) กองเรือที่สามของกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุว่ากองเรือจู่โจมมุ่งหน้าขึ้นเหนือ แต่ไม่ได้ระบุจุดหมายปลายทาง เพียงแต่บอกว่า เรือรบเหล่านี้ จะประจำการณ์ในด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก แทนการไปเยือนท่าเรือต่างๆในออสเตรเลียตามแผนเดิมที่วางไว้
ในปีนี้ เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือหลายคน รวมถึง "คิม จอง-อึน" ผู้นำสูงสุด ได้เรียงหน้ากันออกมาประกาศว่า อาจทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งอย่างเร็วที่สุดอาจเป็นวันที่ 15เม.ย. ที่จะถึง ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 105 ปี ของอดีตผู้นำและผู้ก่อตั้งประเทศ และงานฉลอง“วันสุริยะ”ประจำปี
บรรดาผู้ช่วยด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสร็จสิ้นการทบทวนทางเลือกในการจัดการกับเกาหลีเหนือแล้ว ซึ่งรวมถึงมาตรการทั้งทางเศรษฐกิจ และการทหาร แต่มีความโน้มเอียงไปทางมาตรการลงโทษ และเพิ่มความกดดันจีนให้ช่วยปราบพยศโสมแดงมากกว่า
แม้มีตัวเลือกในการโจมตีก่อน แต่บรรดาที่ปรึกษาเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับขั้นตอนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าและลดการเน้นย้ำการดำเนินการทางทหารโดยตรง
ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานโดยอ้างอิงโฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือว่า การที่อเมริกาใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศซีเรีย เมื่อวันพฤหัสบดี (6เม.ย.) เป็นการรุกล้ำอธิปไตยของซีเรียอย่างชัดเจน และอภัยให้ไม่ได้
โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ สำทับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของเปียงยางในการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหาร เพื่อตอบโต้การใช้กำลังด้วยการใช้กำลังเป็นทางเลือกที่ถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือ ที่ถูกโดดเดี่ยวทางการทูต ถือว่าซีเรียเป็นพันธมิตรสำคัญ โดยทางเคซีเอ็นเอ รายงานว่า คิม และประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ได้พูดคุย และแลกเปลี่ยนความปรารถนาดีต่อกัน รวมทั้งให้คำมั่นในการร่วมมือระหว่างสองประเทศ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นก่อนที่อเมริกาจะโจมตีฐานทัพอากาศซีเรีย ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวด้านนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุด นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม เพื่อตอบโต้การที่ทางการดามัสกัส ใช้อาวุธเคมีโจมตีพื้นที่ยึดครองของกบฏ ทำให้ประชาชนล้มตายอย่างน้อย 70 คน เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว
การโจมตีซีเรีย เกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์เปิดรีสอร์ตส่วนตัวในฟลอริดา ต้อนรับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำจีน เพิ่มความพยายามในการจัดการกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
หลายฝ่ายเชื่อว่า เปียงยางกำลังพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถโจมตีถึงสหรัฐฯ นอกจากนี้โสมแดง ยังมีคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่เข้าข่ายละเมิดมาตรการลงโทษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์มาแล้ว 5 ครั้ง โดยในจำนวนนี้มี 2 ครั้ง ที่เริ่มต้นทดสอบตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งยังทดสอบขีปนาวุธอีกหลายครั้ง