นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบผ่าน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ไปเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา และกำลังอยู่ในระหว่างรอการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งหากประกาศแล้ว จะมีระยะเวลาให้ผู้ประกอบการ และร้านค้าปรับตัวอีกราว 90 วัน
แต่ขณะนี้สมาคมฯกลับได้รับคำร้องเรียน และแจ้งจากสมาชิกร้านค้าที่กระจายอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ว่าช่วงนี้นี้มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตรวจตามร้านค้าต่างๆ และได้แจ้งกับร้านค้าว่า ไม่ให้ขายบุหรี่กับผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ และห้ามไม่ให้ร้านค้าแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน พร้อมนำป้ายข้อความที่ระบุถึงโทษปรับ 30,000 –400,000 บาท รวมถึงโทษจำคุกด้วย มาแสดงให้แก่ผู้ค้าดู ทั้งที่เป็นมาตรการควบคุมในกฎหมายยาสูบฉบับใหม่ ที่ยังไม่มีผลบังคับใช้
"การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปที่ร้านค้า และบังคับหรือความขอร่วมมือร้านให้ปฏิบัติตามทั้งๆ ที่กฎหมายยังไม่บังคับใช้ ถือเป็นพฤติกรรมที่คุกคาม และสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนทำมาหากิน อีกทั้งยังสร้างความสับสนในเรื่องข้อมูลในการประกาศใช้กฎหมายอีกด้วย เราจึงได้ทำหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข และอธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อขอให้กวดขันหน่วยงานในสังกัด ป้องกันความสับสน และมิให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ในขั้นต่อไป สมาคมฯ อาจจะต้อง ดำเนินการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแจ้งให้ทราบถึงข้อกังวล และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วย" นางวราภรณ์ กล่าว
แต่ขณะนี้สมาคมฯกลับได้รับคำร้องเรียน และแจ้งจากสมาชิกร้านค้าที่กระจายอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ว่าช่วงนี้นี้มีกลุ่มบุคคลอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตรวจตามร้านค้าต่างๆ และได้แจ้งกับร้านค้าว่า ไม่ให้ขายบุหรี่กับผู้ที่อายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ และห้ามไม่ให้ร้านค้าแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน พร้อมนำป้ายข้อความที่ระบุถึงโทษปรับ 30,000 –400,000 บาท รวมถึงโทษจำคุกด้วย มาแสดงให้แก่ผู้ค้าดู ทั้งที่เป็นมาตรการควบคุมในกฎหมายยาสูบฉบับใหม่ ที่ยังไม่มีผลบังคับใช้
"การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปที่ร้านค้า และบังคับหรือความขอร่วมมือร้านให้ปฏิบัติตามทั้งๆ ที่กฎหมายยังไม่บังคับใช้ ถือเป็นพฤติกรรมที่คุกคาม และสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนทำมาหากิน อีกทั้งยังสร้างความสับสนในเรื่องข้อมูลในการประกาศใช้กฎหมายอีกด้วย เราจึงได้ทำหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข และอธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อขอให้กวดขันหน่วยงานในสังกัด ป้องกันความสับสน และมิให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ในขั้นต่อไป สมาคมฯ อาจจะต้อง ดำเนินการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแจ้งให้ทราบถึงข้อกังวล และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วย" นางวราภรณ์ กล่าว