xs
xsm
sm
md
lg

เต่าออมสิน : เหยื่อของความงมงาย

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมทั้งในและนอกประเทศไทย ผู้สนใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมีใจเมตตาต่อสัตว์ได้รับข่าวที่ก่อเกิดความเศร้าสลดข่าวหนึ่ง ข่าวที่ว่านี้ก็คือข่าวการตายของเต่าทะเลที่มีชื่อว่า ออมสิน ซึ่งได้กลืนกินเหรียญซึ่งมีคนโยนลงไปในบ่อเป็นจำนวนมากจนเกิดอาการป่วย และได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยคณะสัตวแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนมีอาการดีขึ้นกินอาหารได้ ว่ายน้ำได้ แต่ต่อมามีอาการป่วยทรุดลงกะทันหัน เนื่องจากลำไส้บิดตัวและมีแก๊สในลำไส้มาก คณะสัตวแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเป็นครั้งที่ 2 ในที่สุดก็ตาย

จากการตายของเต่าออมสิน คนไทยได้มีการตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และมีการทบทวนพฤติกรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งเกิดจากขยะที่ไม่ย่อยสลายอันได้แก่ ถุงและภาชนะที่ทำจากพลาสติก เป็นต้น ซึ่งนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ขยะในทะเลส่วนใหญ่มิได้เกิดในทะเล แต่เกิดจากบนบกและถูกกระแสน้ำพัดพาไปรวมกันในทะเล

ขยะไม่ว่าจะบนบก ในทะเล หรือแม้กระทั่งในอากาศ ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ซึ่งอาศัยโลกอยู่ และทำลายโลกไปพร้อมๆ กัน

เริ่มจากขยะซึ่งเกิดขึ้นในบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และสถานประกอบการทางธุรกิจ ซึ่งมีทั้งขยะเปียก ขยะแห้ง และขยะปนเปื้อนมลพิษ ในแต่ละวันขยะเหล่านี้ถูกนำมาทิ้งในถังขยะเพื่อรอให้พนักงานเก็บขยะนำรถมาบรรทุกไปกำจัดตามกระบวนการต่อไป

นอกจากขยะจากครัวเรือนและสถานประกอบการธุรกิจซึ่งมีการทิ้งและจัดเก็บเพื่อนำไปกำจัดอย่างเป็นระบบ และยังมีขยะที่ทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง และไม่มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ

ขยะที่ว่านี้ก็คือ ขยะที่เกิดจากคนเดินทางนำอาหารใส่ถุงหรือกล่อง ซึ่งทำจากวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย เช่น ถุงพลาสติก และกล่องโฟม เป็นต้น เมื่อรับประทานอาหารหมดแล้วทิ้งถุง และกล่องข้างทางหรือในที่สาธารณะโดยไม่มีถังรองรับ และขยะจากแหล่งชุมชนแออัดที่อยู่ริมแม่น้ำลำคลอง รถเก็บขยะเข้าไปไม่ถึง ทิ้งลงในแหล่งน้ำบ้าง ทิ้งกองตามซอกบ้าง เมื่อถูกแดดแห้งปลิวกระจายไปทั่ว เมื่อฝนตกลงมากระแสน้ำก็พัดพาไปสู่ท่อระบายน้ำ ทำให้ท่ออุดตันหรือไม่ก็ไหลไปตามลำน้ำไปติดค้างที่ประตูระบายน้ำ ทำให้เครื่องสูบน้ำมีปัญหา และถ้าหลุดรอดไปได้ก็ลงสู่ทะเล ส่วนที่เป็นของย่อยสลายได้เช่นเศษไม้ เป็นต้น ก็จะกลายเป็นตะกอนทับถมทำให้ร่องน้ำตื้นเขิน เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรทางน้ำ และส่วนที่ไม่ย่อยสลายเช่น ถุงพลาสติกก็จะลอยไปตามกระแสน้ำถูกคลื่นพัดพาไปขึ้นฝั่งรวมตัวกันเป็นกองขยะ ณ ที่ใดที่หนึ่งก็ได้ และวันใดวันหนึ่งอาจถูกกระแสคลื่นพัดกลับลงสู่ทะเลอีกครั้ง วนเวียนไปในทำนองนี้ครั้นนานเข้าขยะที่ว่านี้จะหดตัวเล็กลงเหลือเป็นก้อนกลมๆ ที่เรียกว่าไมโครพลาสติก และสัตว์น้ำเช่นเต่า เป็นต้น กลืนกินเข้าไปด้วยเข้าใจว่าเป็นอาหาร อาจเป็นอันตรายถึงแก่ความตาย ดังเช่นกรณีของเต่าออมสินก็เป็นไปได้

แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ ไมโครพลาสติกที่ว่านี้จะแตกตัวเล็กลงมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็นที่เรียกว่า นาโนพลาสติก และสัตว์น้ำขนาดเล็กเช่น แพลงก์ตอนดูดกินเข้าไป เนื้อสัตว์เช่นปลา เป็นต้น กินสัตว์เล็กที่ว่านี้เข้าไปเป็นอาหาร สารพิษก็เข้าไปปนเปื้อนในเนื้อปลา ครั้นคนจับปลามากินก็เท่ากับกินสารพิษเข้าไปเป็นอันตรายแก่ชีวิต เข้าทำนองคนผลิตอาวุธและวันหนึ่งอาวุธที่ตนเองทำขึ้นหวนกลับมาทำร้ายตนเอง

ดังนั้น ถ้าประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งก่อมลพิษทางทะเลจากการทิ้งขยะที่ว่านี้ต่อไป ประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากขยะทางทะเล อาจรวมหัวกันไม่สั่งซื้ออาหารทะเลจากประเทศไทยก็เป็นได้ และถ้าวันนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยก็จะสูญเสียรายได้จากการส่งออกอาหารทะเล แต่ผู้ที่เดือดร้อนโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ ผู้ประกอบการประมง และผู้ส่งออกอาหารทะเล แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงกว่าใครๆ ก็คือผู้ที่บริโภคอาหารทะเลซึ่งปนเปื้อนสารพิษอันเกิดจากการทิ้งขยะ และทำให้ท้องทะเลเกิดมลพิษนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยโดยคนไทยทุกคนควรจะตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยการลดและเลิกการใช้ถุงพลาสติก และถ้าจำเป็นควรใช้ให้น้อยที่สุด และควรทิ้งให้เป็นที่เป็นทางเพื่อให้มีการจัดเก็บไปกำจัดอย่างเป็นระบบ

ส่วนกรณีของการโยนเหรียญลงในบ่อสัตว์เลี้ยง เช่น เต่า หรือจระเข้ เป็นต้น คงแก้ได้ไม่ยากเพียงแต่สถานประกอบการใช้มาตรการทางสังคมคือ เขียนป้ายประกาศห้ามโยนเหรียญลงในบ่อสัตว์เลี้ยง และในระยะแรกๆ ควรจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำ พร้อมกับจัดกล่องใส่เงินเหรียญเพื่อรับบริจาคนำไปเป็นค่าอาหารสัตว์แทนการโยนลงบ่อ

ในการแก้ปัญหาการทิ้งขยะประเภทถุงพลาสติก ก็ทำนองเดียวกันคือใช้มาตรการทางสังคมโดยใช้โรงเรียน และวัดเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และชี้ชวนให้เด็ก ผู้ปกครอง และคนที่เข้ามาทำบุญในวัด โดยให้ครูและพระสงฆ์เป็นผู้ให้ความรู้และเป็นแบบอย่าง

อย่างไรก็ตาม คนไทยจำนวนไม่น้อยอาจมองว่าปัญหาขยะทางทะเลในประเทศไทยในขณะนี้ เมื่อเทียบกับปัญหาอื่นๆ ที่ประเทศไทยประสบอยู่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วนถึงขนาดต้องใช้มาตรา 44 ดังเช่นปัญหาจราจร เป็นต้น

แต่ถ้ามองให้ลึกและกว้างในทุกด้านที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยเฉพาะในด้านสุขภาพของประชาชน และด้านเศรษฐกิจซึ่งประเทศไทยต้องพึ่งการท่องเที่ยวเพื่อหารายได้ทดแทนการส่งออกที่ลดลง และกระทบฐานะทางการเงินการคลังของประเทศ

ดังนั้น ทะเลจึงมีความสำคัญในฐานะเป็นจุดขายของการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นจุดขายต่อไปนานๆ

สุดท้ายอย่าให้การตายของเต่าเป็นเรื่องของเต่า แต่ควรนำมาทบทวนว่าเป็นเรื่องของคนเป็นเหตุให้เต่าตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น