ส.ป.ก ปล่อยผี ไม่เพิกถอนผู้ประกอบกิจการกังหันลม“วินด์ ฟาร์ม” 16 บริษัท 17 โครงการ ขณะที่คำสั่งศาลปกครองมีผลเฉพาะกรณี “บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด” อ้างได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เกษตรกรได้อานิสงส์
วานนี้ ( 29 มี.ค.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้สรุปผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ภายหลังมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด พิพากษาเพิกถอนการอนุญาตกิจการกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าของ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เนื้อที่ 39 ไร่ ต่อมา ส.ป.ก.ได้ ตรวจสอบตามกรอบภายใน 45 วัน กรณีของบริษัท วินด์ ฟาร์ม จำนวน 16 บริษัท 17 โครงการ ซึ่งขณะนี้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสร็จสิ้นแล้ว
นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการ ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก. ใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผลสรุปคือ ผู้ประกอบกิจการกังหันลมทั้ง 16 บริษัท 17 โครงการ ยังคงดำเนินการต่อได้ เพราะคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีของบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด นั้น ผูกพันเฉพาะคู่กรณี ตามข้อกฎหมายจึงไม่มีเหตุอันควรให้เพิกถอน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเกษตรกรในพื้นที่ พบ ในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เกษตรกรได้รับค่าชดเชยในพื้นที่ตั้งกังหันลม เป็นรายปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่จะนำไปลงทุนการผลิต ได้รับค่าชดเชยพืชผล มีการจ้างแรงงานในพื้นที่ การส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ด้านสังคม ได้รับการสนับสนุนจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับเด็ก และโครงการพัฒนาชุมชน เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมทางการเกษตรท้องถิ่น การเรียนรู้ในด้านอาชีพ และการช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค เป็นต้น
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบภาคเอกชนใช้ที่ ส.ป.ก. ประกอบกิจการกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าโดยวิธีการเช่า รวม 16 ราย 17 โครงการ เนื้อที่รวม 580 ไร่ แยกเป็น 2 กลุ่มที่ติดตั้งเสากังหันลม และ จำหน่ายไฟฟ้าแล้ว จำนวน 5 บริษัท เนื้อที่รวม 185 ไร่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้ง จำนวน 11 บริษัท เนื้อที่รวม 395 ไร่ สัญญาเช่า มีระยะเวลาเช่าอยู่ในช่วง 22 ปี 10 เดือน ถึง 27 ปี เริ่มสัญญาเช่าในช่วงปี 2553 - 2558
โดยผลสรุปสัญญาเช่าของผู้ประกอบการ ทั้ง 16 บริษัท ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ ให้ประโยชน์โดยตรงกับเกษตรกร เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ไม่ได้ให้ประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการ ทั้ง 16 บริษัท ได้ทำตามสัญญาเช่า คือ ได้ให้ประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่
วานนี้ ( 29 มี.ค.) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้สรุปผลการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ภายหลังมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด พิพากษาเพิกถอนการอนุญาตกิจการกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าของ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ เนื้อที่ 39 ไร่ ต่อมา ส.ป.ก.ได้ ตรวจสอบตามกรอบภายใน 45 วัน กรณีของบริษัท วินด์ ฟาร์ม จำนวน 16 บริษัท 17 โครงการ ซึ่งขณะนี้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสร็จสิ้นแล้ว
นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการ ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก. ใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผลสรุปคือ ผู้ประกอบกิจการกังหันลมทั้ง 16 บริษัท 17 โครงการ ยังคงดำเนินการต่อได้ เพราะคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีของบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด นั้น ผูกพันเฉพาะคู่กรณี ตามข้อกฎหมายจึงไม่มีเหตุอันควรให้เพิกถอน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเกษตรกรในพื้นที่ พบ ในด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เกษตรกรได้รับค่าชดเชยในพื้นที่ตั้งกังหันลม เป็นรายปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่จะนำไปลงทุนการผลิต ได้รับค่าชดเชยพืชผล มีการจ้างแรงงานในพื้นที่ การส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ด้านสังคม ได้รับการสนับสนุนจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับเด็ก และโครงการพัฒนาชุมชน เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมทางการเกษตรท้องถิ่น การเรียนรู้ในด้านอาชีพ และการช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค เป็นต้น
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบภาคเอกชนใช้ที่ ส.ป.ก. ประกอบกิจการกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าโดยวิธีการเช่า รวม 16 ราย 17 โครงการ เนื้อที่รวม 580 ไร่ แยกเป็น 2 กลุ่มที่ติดตั้งเสากังหันลม และ จำหน่ายไฟฟ้าแล้ว จำนวน 5 บริษัท เนื้อที่รวม 185 ไร่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้ง จำนวน 11 บริษัท เนื้อที่รวม 395 ไร่ สัญญาเช่า มีระยะเวลาเช่าอยู่ในช่วง 22 ปี 10 เดือน ถึง 27 ปี เริ่มสัญญาเช่าในช่วงปี 2553 - 2558
โดยผลสรุปสัญญาเช่าของผู้ประกอบการ ทั้ง 16 บริษัท ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ ให้ประโยชน์โดยตรงกับเกษตรกร เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ไม่ได้ให้ประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงผู้ประกอบการ ทั้ง 16 บริษัท ได้ทำตามสัญญาเช่า คือ ได้ให้ประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่