ผู้จัดการรายวัน 360 - สื่อนอกระดับโลก “สำนักข่าวเอพี” สับแหลก “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาท “กระทิงแดง” พิสูจน์ความมีอภิสิทธิชนเหนือคนธรรมดา หลังพบร่องรอยการปรากฏตัวในสถานที่หรูหราหลายแห่งตามสไตล์ลูกเศรษฐีเจ็ตเซต
ศูนย์วิจัยข้อมูล สำนักข่าวเอพี ประจำกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานข่าวกรณี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ผู้ต้องหาคดีชนแล้วหนีเมื่อปี 2555 ว่า คดีดังกล่าวกำลังจะหมดอายุความในปี 2560 โดยให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.40 น.วันที่ 4 ก.ย 55 บุตรชายคนเล็กวัย 27 ปี ของ “เฉลิม อยู่วิทยา” เจ้าพ่อกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีพุ่งเข้าชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี จนเสียชีวิตในขณะกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณซอยสุขุมวิท 47
สำนักข่าวเอพีรายงานด้วยว่า คดีดังกล่าวประกอบด้วย 1.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย 2.ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3.ขับรถขณะมึนเมาสุรา และ 4.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที โดยในส่วนของข้อหาขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดนั้นได้สิ้นสุดอายุความไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.56 ส่วนข้อหาที่ร้ายแรงกว่าซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนนั้นจะสิ้นสุดอายุความในเดือน ก.ย.60 ขณะที่ข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทนั้นจะหมดอายุในอีก 10 ปีข้างหน้า
รายงานดังกล่าวระบุว่า สำนักข่าวเอพี ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทนายความประจำตระกูล “อยู่วิทยา” ในการขอสัมภาษณ์ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยแจ้งว่า “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ต้องมาพบตามหมายเรียกเพื่อเริ่มรับฟังข้อกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค.ศกนี้
สำนักข่าวเอพี รายงานอีกว่า ถึงแม้จะมีการเชื่อในวงกว้างว่า ลูกเศรษฐีพันล้านของไทยอาจใช้การหลบในต่างประเทศ รวมถึงการอ้างเหตุผลว่าป่วย หรือการกบดานแบบเงียบเชียบในไทยเป็นฉากบังหน้า แต่จริงๆ แล้ว “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ไม่ใช่เป็นบุคคลที่ตามหาตัวยากอีกด้วย โดย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี พบร่องรอยที่ได้จากจากโซเชียลมีเดียในช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” เข้าพักที่รีสอร์ทหรูระดับราคา 1 พันเหรียญสหรัฐต่อคืนในเมืองหลวงพระบางประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทยที่ถูกใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของตระกูล “อยู่วิทยา”
สำนักข่าวเอพี ยังรายงานพฤติกรรมของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ตั้งแต่หลังเกิดเหตุว่า ถึงแม้ว่าคดีขับรถชนคนตายแล้วหนีของเขาจะถูกแขวนไว้ตั้งแต่ปี 2555 แต่ทว่าไลฟ์สไตล์ความเป็นลูกเศรษฐีเจ็ตเซตของเขาไม่ได้หยุดตามไปด้วย โดยกว่า 120 โพสต์บนโลกโซเชียลมีเดียได้ชี้ว่า นับตั้งแต่ ด.ต.วิเชียร เสียชีวิต เขาได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 9 ประเทศ โดยเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเหตุ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” สามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบที่เคยเป็น เพราะมีการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล, นั่งเก้าอี้ชั้น VIP ชมการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ ทั้งยังใช้กรุงลอนดอนเป็นสถานที่เก็บรถสปอร์ต “ปอร์เช่ คาร์เรรา” สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ B055 RBR บอส เรดบูล เรซซิ่ง,การอยู่บนเรือสำราญไปตามอ่าวโมนาโก, เล่นสโนว์บอร์ดบนหิมะพาวเดอร์ในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังพบ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ฉลองวันเกิดของตัวเองในภัตตาคารสุดหรูของ “กอร์ดอน แลมซี” เชฟชื่อดังระดับมิชชิลินสตาร์ของโลก กลางกรุงลอนดอน รวมไปถึงการโพสต์ท่าในชุดนักเรียนฮอว์กวาร์ตในโลกพ่อมด “แฮร์รี พ็อตเตอร์” ในเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น การดำผุดดำว่ายในสระว่ายน้ำหรูกลางกรุงอาบูดาบี ดินเนอร์ในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส การเป็นเจ้าของรถจักรยานระดับไฮเอนด์สนนราคา 1 หมื่นเหรียญสหรัฐที่ใช้ในกรุงเทพฯ ไม่รวมที่ทั้งเพื่อนและญาติที่ต่างโพสต์เกี่ยวกับ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ในการที่มีผู้ติดตามฟอลโลว์อัพทางออนไลน์จำนวนมาก
รายงานดังกล่าว ยังชี้แจงด้วยว่าคดีของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติในสังคมไทย เพราะในปี 2553 เคยมีคดีขับรถชนคนตายด้วยความประมาทจากทายาทลูกเศรษฐีตระกูลดังที่มีอิทธิพลมาแล้ว โดยในขณะนั้น “แพรวา-อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ในวัย 16 ปี ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสารเส้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 9 ราย
สำนักข่าวเอพีสรุปว่า ความไม่คืบหน้าคดีของ “แพรวา” และ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” พิสูจน์ให้เห็นถึงตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างร้ายกาจของความมีอภิสิทธิชนเหนือคนธรรมดาของบรรดาตระกูลดังและลูกเศรษฐีต่างๆ ในประเทศไทยที่กลายเป็นข้อปฏิบัติมาเป็นเวลานาน
ศูนย์วิจัยข้อมูล สำนักข่าวเอพี ประจำกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานข่าวกรณี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ผู้ต้องหาคดีชนแล้วหนีเมื่อปี 2555 ว่า คดีดังกล่าวกำลังจะหมดอายุความในปี 2560 โดยให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 05.40 น.วันที่ 4 ก.ย 55 บุตรชายคนเล็กวัย 27 ปี ของ “เฉลิม อยู่วิทยา” เจ้าพ่อกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารีพุ่งเข้าชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ วัย 48 ปี จนเสียชีวิตในขณะกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ บริเวณซอยสุขุมวิท 47
สำนักข่าวเอพีรายงานด้วยว่า คดีดังกล่าวประกอบด้วย 1.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย 2.ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3.ขับรถขณะมึนเมาสุรา และ 4.ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที โดยในส่วนของข้อหาขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดนั้นได้สิ้นสุดอายุความไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.56 ส่วนข้อหาที่ร้ายแรงกว่าซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนนั้นจะสิ้นสุดอายุความในเดือน ก.ย.60 ขณะที่ข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทนั้นจะหมดอายุในอีก 10 ปีข้างหน้า
รายงานดังกล่าวระบุว่า สำนักข่าวเอพี ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทนายความประจำตระกูล “อยู่วิทยา” ในการขอสัมภาษณ์ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยแจ้งว่า “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ต้องมาพบตามหมายเรียกเพื่อเริ่มรับฟังข้อกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค.ศกนี้
สำนักข่าวเอพี รายงานอีกว่า ถึงแม้จะมีการเชื่อในวงกว้างว่า ลูกเศรษฐีพันล้านของไทยอาจใช้การหลบในต่างประเทศ รวมถึงการอ้างเหตุผลว่าป่วย หรือการกบดานแบบเงียบเชียบในไทยเป็นฉากบังหน้า แต่จริงๆ แล้ว “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ไม่ใช่เป็นบุคคลที่ตามหาตัวยากอีกด้วย โดย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอพี พบร่องรอยที่ได้จากจากโซเชียลมีเดียในช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” เข้าพักที่รีสอร์ทหรูระดับราคา 1 พันเหรียญสหรัฐต่อคืนในเมืองหลวงพระบางประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทยที่ถูกใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของตระกูล “อยู่วิทยา”
สำนักข่าวเอพี ยังรายงานพฤติกรรมของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ตั้งแต่หลังเกิดเหตุว่า ถึงแม้ว่าคดีขับรถชนคนตายแล้วหนีของเขาจะถูกแขวนไว้ตั้งแต่ปี 2555 แต่ทว่าไลฟ์สไตล์ความเป็นลูกเศรษฐีเจ็ตเซตของเขาไม่ได้หยุดตามไปด้วย โดยกว่า 120 โพสต์บนโลกโซเชียลมีเดียได้ชี้ว่า นับตั้งแต่ ด.ต.วิเชียร เสียชีวิต เขาได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 9 ประเทศ โดยเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเกิดเหตุ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” สามารถกลับไปใช้ชีวิตหรูหราตามแบบที่เคยเป็น เพราะมีการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตเรดบูล, นั่งเก้าอี้ชั้น VIP ชมการแข่งรถฟอร์มูลาวันเชียร์ ทั้งยังใช้กรุงลอนดอนเป็นสถานที่เก็บรถสปอร์ต “ปอร์เช่ คาร์เรรา” สีดำ ป้ายทะเบียนพิเศษ B055 RBR บอส เรดบูล เรซซิ่ง,การอยู่บนเรือสำราญไปตามอ่าวโมนาโก, เล่นสโนว์บอร์ดบนหิมะพาวเดอร์ในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ยังพบ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ฉลองวันเกิดของตัวเองในภัตตาคารสุดหรูของ “กอร์ดอน แลมซี” เชฟชื่อดังระดับมิชชิลินสตาร์ของโลก กลางกรุงลอนดอน รวมไปถึงการโพสต์ท่าในชุดนักเรียนฮอว์กวาร์ตในโลกพ่อมด “แฮร์รี พ็อตเตอร์” ในเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น การดำผุดดำว่ายในสระว่ายน้ำหรูกลางกรุงอาบูดาบี ดินเนอร์ในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส การเป็นเจ้าของรถจักรยานระดับไฮเอนด์สนนราคา 1 หมื่นเหรียญสหรัฐที่ใช้ในกรุงเทพฯ ไม่รวมที่ทั้งเพื่อนและญาติที่ต่างโพสต์เกี่ยวกับ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ในการที่มีผู้ติดตามฟอลโลว์อัพทางออนไลน์จำนวนมาก
รายงานดังกล่าว ยังชี้แจงด้วยว่าคดีของ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติในสังคมไทย เพราะในปี 2553 เคยมีคดีขับรถชนคนตายด้วยความประมาทจากทายาทลูกเศรษฐีตระกูลดังที่มีอิทธิพลมาแล้ว โดยในขณะนั้น “แพรวา-อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ในวัย 16 ปี ขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค ชนรถตู้โดยสารเส้นทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 9 ราย
สำนักข่าวเอพีสรุปว่า ความไม่คืบหน้าคดีของ “แพรวา” และ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” พิสูจน์ให้เห็นถึงตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างร้ายกาจของความมีอภิสิทธิชนเหนือคนธรรมดาของบรรดาตระกูลดังและลูกเศรษฐีต่างๆ ในประเทศไทยที่กลายเป็นข้อปฏิบัติมาเป็นเวลานาน