วานนี้ ( 28 มี.ค.)ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาฎีกา คดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำนปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค.52 และวันที่ 17 ต.ค.52 จำเลยได้ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการถ่ายทอดสดคำปราศรัยผ่านช่องพีเพิลแชแนล กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ โจทก์ ทำนองว่า การบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง มีการหยิบยกเรื่องสถาบันฯมากล่าวอ้าง และหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ
โดยครั้งนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 2 เนื่องจากครั้งแรก นายอริสมันต์ ป่วย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ครั้งนี้ นายอริสมันต์ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุกจำเลย 4 ปี กรณีเป็นแกนนำในการชุมนุมปิดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ใช้เป็นสถานที่การประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.52 เพื่อต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่เดินทางมาร่วมประชุม
ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาไปให้ศาลจังหวัดพัทยา เบิกตัวจำเลยมาสอบถาม และอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังต่อไป และเมื่อได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังแล้ว ศาลอาญาจะนัดโจทก์ฟังคำพิพากษาฎีกาต่อไป ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายศุชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ทนายความ นายอริสมันต์ กล่าวว่า เมื่อศาลอาญาเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน โดยส่งคำพิพากษาไปยังศาลจังหวัดพัทยา เป็นผู้นัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าศาลจังหวัดพัทยา จะนัดอ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากในคำสั่งของศาลอาญา ระบุว่า ให้ดำเนินการด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ นี้ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนจำคุก นายอริสมันต์ จำเลย 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ขณะที่กรณีมีเหตุการณ์กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์มติชน และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ซึ่งจำเลยได้ยื่นฎีกาสู้คดี และได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา
โดยครั้งนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 2 เนื่องจากครั้งแรก นายอริสมันต์ ป่วย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ครั้งนี้ นายอริสมันต์ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุกจำเลย 4 ปี กรณีเป็นแกนนำในการชุมนุมปิดโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่ใช้เป็นสถานที่การประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.52 เพื่อต่อต้าน นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่เดินทางมาร่วมประชุม
ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาไปให้ศาลจังหวัดพัทยา เบิกตัวจำเลยมาสอบถาม และอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังต่อไป และเมื่อได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังแล้ว ศาลอาญาจะนัดโจทก์ฟังคำพิพากษาฎีกาต่อไป ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายศุชัยวุฒิ ชาวสวนกล้วย ทนายความ นายอริสมันต์ กล่าวว่า เมื่อศาลอาญาเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน โดยส่งคำพิพากษาไปยังศาลจังหวัดพัทยา เป็นผู้นัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าศาลจังหวัดพัทยา จะนัดอ่านคำพิพากษาโดยใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากในคำสั่งของศาลอาญา ระบุว่า ให้ดำเนินการด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ นี้ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนจำคุก นายอริสมันต์ จำเลย 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ขณะที่กรณีมีเหตุการณ์กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์มติชน และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ซึ่งจำเลยได้ยื่นฎีกาสู้คดี และได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา