"บิ๊กป้อม" ไม่ห้าม "วีระ" ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างบ่อนที่ชายแดน ลั่นถูกจับไม่รับผิดชอบด้วย "ศรีสุวรรณ" ร้องผู้ตรวจฯ สอบ"ประวิตร - แม่ทัพภาค2" ปล่อยปละละเลยให้เขมรสร้างบ่อนกาสิโนในพื้นที่ทับซ้อน "ประวิตร" ยัน ซื้อเรือดำน้ำจีนยกล็อต 3 ลำ ลำละ 1.2 ล้านบาท เผยซื้อ 2 ลำ หรือซื้อ 2 แถม 1 ก็ราคาเดียวกัน เป็นงบฯของกองทัพเรือเอง ผูกพันฯ 10 ปี ไม่ได้ควักงบกลางไปโปะ ลั่นจะซื้อแบบไหนอยู่ที่ไทย ไม่ได้อยู่ที่จีน อ้างราคานี้ถูกกว่าเรือฟรีเกต
วานนี้ (27มี.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจฯ ผ่านนายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขอให้ตรวจสอบกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.ท.วิชัย แซจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้กัมพูชาเข้ามาสร้างบ่อนกาสิโน ในพื้นที่ทัพซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งที่บริเวณดังกล่าว ไทยถือว่าอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เขาใหญ่-ดงพญาเย็น จึงถือได้ว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเข้ามาทำธุรกิจการพนัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมและประเทศชาติ
"การก่อสร้างอยู่ในพื้นที่อุทยานฯ การจะใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบ และหากจะใช้พื้นที่เป็นการถาวรต้องมีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานเฉพาะพื้นที่ก่อน และยังเป็นพื้นที่ซับซ้อน นอกจากนี้อุทยานฯดังกล่าว เป็น 1 ใน 5 ของอุทยานฯ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก การจะใช้พื้นที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมอุทยานฯ และการจะใช้ประโยชน์ในระยะยาว ในลักษณะถาวร ต้องมี พ.ร.ฎ.เพิกถอนอุทยานเฉพาะพื้นที่ก่อน ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และทาง พล.อ.ประวิตร ก็ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ ที่ทางไทย-กัมพูชา ยังกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดน เท่ากับพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ซับซ้อน ฉะนั้นการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปก่อสร้างกาสิโน ที่เชื่อว่าจะมีแค่คนไทยที่สามารถเข้าไปเล่นได้ ถือว่าการกระทำของ พล.อ.ประวิตร และแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าข่ายปล่อยปละละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ให้ต้องปฏิบัติ "นายศรีสุวรรณ กล่าว
"บิ๊กป้อม"ลั่น"วีระ"ถูกเขมรจับจะไม่ช่วย
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่าวประชาชนต้านคอร์รัปชัน จะเดินทางไปด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ในวันพุธที่ 29 มี.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี กัมพูชาสร้างบ่อนกาสิโน ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ว่า เป็นเรื่องของเขา ตนไม่รู้ และไม่รับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะต้องไปคุ้มกันนายวีระ
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว จะเสี่ยงต่อการถูกทางการกัมพูชาจับกุมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จับก็จับไป ตนจะไปรู้ได้อย่างไร ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร จะยับยั้ง ตักเตือนไม่ให้เข้าไปหรือไม่นั้น ตนคิดว่าในบริเวณด่านดังกล่าว ก็มีกำลังทหารดูแลอยู่แล้ว แต่คนจะไป อย่าไปห้ามเขาเลย เมื่อตั้งใจจะไปให้ถูกจับให้เป็นประเด็น ความจริงมีวิธีอื่นอีกมากมายที่จะตรวจสอบ ไม่ใช่ใช้วิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่คิดเอง เออเอง สำหรับที่เลือกเดินทางไปในวันเดียวกับที่คณะของตนจะเดินทางไปประชุม คณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชานั้น คงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และเป็นคนละเรื่องกัน เพราะตนไปเสียมราฐ ไม่ได้ไปชายแดน
เมื่อถามว่า ถ้านายวีระ ถูกทางการกัมพูชาจับกุม ทางการไทยจะช่วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ถามกลับว่า "ใครเป็นคนที่ทำให้เขาถูกจับ ก็ตัวเองทำ ก็ต้องไปแก้ด้วยตัวเอง"
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการลงพื้นที่ของนายวีระ จะสร้างเงื่อนไข หรือสร้างประเด็นเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาเป็นคนทำเอง ไปคิดส่วนตัว ไปคิดเอง เออเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการเรื่องปักปันเขตแดน เป็นการดำเนินการระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนที่นายวีระทำ เป็นความคิดของคนๆเดียว ทำไมต้องไปสนใจด้วย และเรื่องนี้กัมพูชา ก็ไม่ได้สอบถามอะไรตนมา ทั้งนี้ นายวีระ ก็มีหลายเรื่องที่ตรวจสอบอยู่ รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างอย่าง เปิดเผย
'บิ๊กป้อม'ลั่นซื้อเรือดำน้ำจีนงบ3.6หมื่นล.
วานนี้ (27 มี.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงข้อเสนอของจีน ในการขายเรือดำน้ำ แบบซื้อ 2 แถม 1 ว่า ความจริงแล้วเป็นราคาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น 2 ลำ หรือซื้อ 2 ลำ แถม 1 ลำ ก็วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ไม่ต้องถามว่าจะเข้า ครม.เมื่อไร เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเข้าอยู่แล้ว เพราะใน พ.ร.บ.งบประมาณฯ มีเรื่องนี้อยู่ด้วย
เมื่อถามเหตุผลว่า ทำไมประเทศจีนต้องแถมเรือดำน้ำให้ไทย 1 ลำ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะแถมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ถ้าเราซื้อ 2 ลำ เขาจะขายลำละ 1.8 หมื่นล้านบาท ถ้าซื้อ 3 ลำ เขาลดลงเหลือลำละ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนจะเป็นเพราะจีนต้องการให้เราซื้อยกล็อต 3 ลำ หรือไม่นั้น คงไม่ใช่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับงบประมาณของเรา จะซื้อ 1 ลำ 2 ลำ หรือ 3 ลำ ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น มันอยู่ที่ว่า เรามีงบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งงบประมาณจำนวนนี้เป็นของกองทัพเรือ ที่จัดสรรเอง และไปผูกพันงบประมาณ 10 ปี ไม่ใช่งบกลาง ทั้งนี้เป็นไปตามความต้องการของกองทัพเรือที่จัดหาตามแผน ซึ่งเรือดำน้ำจีน ถูกกว่าเรือฟรีเกตเกาหลีฯ ที่กำลังจะเข้าประจำการในเร็วๆ นี้เสียอีก