"เรืองไกร" ขู่ฟ้องเจ้าหน้าที่สรรพากรประเมินภาษี "ทักษิณ" จากการขายหุ้นชินคอร์ป ขณะที่ "ชาญชัย อิสระเสนารักษ์" จี้ให้เรียก"โอ๊ค-เอม" เข้ารับทราบปมภาษี ในฐานะที่เคยอ้างแสดงตัวตนแทนพ่อ ลือสะพัดกรมสรรพากร เตรียมนำหนังสือประเมินภาษี 1.7 หมื่นล้านบาท ติดหน้าบ้านจันทร์ส่งหล้าวันนี้
วานนี้ (27 มี.ค.) ที่กรมสรรพากร นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการตรวจสอบและการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยทันที
โดยนายเรืองไกร ระบุว่า กรณีที่กรมสรรพากรจะประเมินซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ถือว่าเป็นการประเมินโดยมิชอบ ดังนั้นหากกรมสรรพากรออกหมายแจ้งประเมินภาษีเมื่อใด ทางทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะยื่นฟ้องดำเนินคดีทันที ซึ่งตนอยากเตือนกรมสรรพากรว่า ควรยึดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อใช้เป็นกำแพงพิงหลัง เพราะหากทำตามที่รัฐบาลสั่ง หรือทำตามแนวทางอภินิหารของกฎหมายจะถูกฟ้องร้องแน่นอน
จี้เรียก "โอ๊ค-เอม" เข้ารับทราบปมภาษีหุ้นชิน
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่กรมสรรพากร ได้ทำหนังสือนัดให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจเข้ามารับทราบผลสรุปการประเมินภาษี และเงินเพิ่มจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ที่กรมสรรพากรในวันจันทร์ที่ 27 มี.ค.ว่าตนเห็นว่ากรมสรรพากรต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบการ ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางนายทักษิณเลือกที่จะส่งตัวแทนเข้ามารับทราบหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนต่อไปที่กรมสรรพากรจะต้องดำเนินการต่อไปก็คือต้องยื่นเรื่องไปยังกรมบังคับคดี
ทั้งนี้การออกหมายเรียกในครั้งนี้นั้นตนเห็นว่าควรจะเรียนทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตรและน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณด้วยในฐานะที่ทั้งบุตรชายและบุตรสาวนั้นอยู่ในฐานะที่อ้างว่าเคยแสดงตนเป็นตัวแทนของนายทักษิณ และก็มีชื่ออยู่ในเอกสารครอบครองการถือหุ้นด้วย ซึ่งทางกรมสรรพากรจะมีเวลาเรียกทั้ง 2 คนเข้ามารับทราบจนถึงวันที่ 31 มี.ค.เท่านั้น ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้หาช่องทางขยายเวลาให้
แจ้งประเมินภาษีถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า
รายงานข่าวเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรแตเวเปชว่า ในวันนี้ (28 มี.ค.) เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะนำหนังสือประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเงินได้จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปี 49 ประเมินเป็นจำนวนภาษีรวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มมูลค่าหว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ไปติดที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของนายทักษิณที่แจ้งไว้ในระบบทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่นายทักษิณ ไม่มาฟังการแจ้งประเมินภาษีตามที่กรมสรรพากรนัดไว้วันที่ 27 มี.ค.60 และไม่ได้ส่งผู้รับมอบอำนาจให้มาฟังแทนตามนัดด้วย
วานนี้ (27 มี.ค.) ที่กรมสรรพากร นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ขอให้พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการตรวจสอบและการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยทันที
โดยนายเรืองไกร ระบุว่า กรณีที่กรมสรรพากรจะประเมินซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ถือว่าเป็นการประเมินโดยมิชอบ ดังนั้นหากกรมสรรพากรออกหมายแจ้งประเมินภาษีเมื่อใด ทางทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะยื่นฟ้องดำเนินคดีทันที ซึ่งตนอยากเตือนกรมสรรพากรว่า ควรยึดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อใช้เป็นกำแพงพิงหลัง เพราะหากทำตามที่รัฐบาลสั่ง หรือทำตามแนวทางอภินิหารของกฎหมายจะถูกฟ้องร้องแน่นอน
จี้เรียก "โอ๊ค-เอม" เข้ารับทราบปมภาษีหุ้นชิน
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่กรมสรรพากร ได้ทำหนังสือนัดให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจเข้ามารับทราบผลสรุปการประเมินภาษี และเงินเพิ่มจากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ที่กรมสรรพากรในวันจันทร์ที่ 27 มี.ค.ว่าตนเห็นว่ากรมสรรพากรต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบการ ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางนายทักษิณเลือกที่จะส่งตัวแทนเข้ามารับทราบหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนต่อไปที่กรมสรรพากรจะต้องดำเนินการต่อไปก็คือต้องยื่นเรื่องไปยังกรมบังคับคดี
ทั้งนี้การออกหมายเรียกในครั้งนี้นั้นตนเห็นว่าควรจะเรียนทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตรและน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณด้วยในฐานะที่ทั้งบุตรชายและบุตรสาวนั้นอยู่ในฐานะที่อ้างว่าเคยแสดงตนเป็นตัวแทนของนายทักษิณ และก็มีชื่ออยู่ในเอกสารครอบครองการถือหุ้นด้วย ซึ่งทางกรมสรรพากรจะมีเวลาเรียกทั้ง 2 คนเข้ามารับทราบจนถึงวันที่ 31 มี.ค.เท่านั้น ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้หาช่องทางขยายเวลาให้
แจ้งประเมินภาษีถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า
รายงานข่าวเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรแตเวเปชว่า ในวันนี้ (28 มี.ค.) เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะนำหนังสือประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเงินได้จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปี 49 ประเมินเป็นจำนวนภาษีรวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มมูลค่าหว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ไปติดที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของนายทักษิณที่แจ้งไว้ในระบบทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่นายทักษิณ ไม่มาฟังการแจ้งประเมินภาษีตามที่กรมสรรพากรนัดไว้วันที่ 27 มี.ค.60 และไม่ได้ส่งผู้รับมอบอำนาจให้มาฟังแทนตามนัดด้วย