เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ดูทีวีและได้ยินข่าวเกี่ยวกับแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร โดยบอกว่าจะไปส่งรถบ้าง จะไปเติมแก๊สบ้าง และไม่จอดรับ ทั้ง ๆที่เปิดไฟว่างอยู่ จึงทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อน
ในความเป็นจริง การที่คนขับรถแท็กซี่ไม่ยอมรับผู้โดยสาร เป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ผู้กระทำผิดในลักษณะนี้ถูกดำเนินคดีน้อยมาก ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ผู้โดยสารส่วนใหญ่รีบร้อน และไม่ต้องการค้าความ
2. เมื่อเรียกคันแรกแล้วถูกปฏิเสธ ก็เรียกคันต่อไปเรื่อยๆ ในทำนองใช้ความอดทนแก้ปัญหา แทนที่จะค้าความกับคนขับรถแท็กซี่
จากเหตุปัจจัย 2 ประการดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเหตุให้คนขับรถแท็กซี่รอดพ้นจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีไปได้
เหตุใดคนขับรถแท็กซี่เพื่อหาเงิน แต่ปฏิเสธการให้บริการ ซึ่งเท่ากับปฏิเสธรายได้ และจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
จากประสบการณ์ของผู้เขียน ซึ่งใช้บริการรถแท็กซี่บ่อย และเป็นประจำทุกเช้าอังคารเวลาประมาณ เวลา 8.30 น. จะเรียกแท็กซี่จากถนนพระอาทิตย์เพื่อไปประชุมที่รัฐสภา และเรียกแท็กซี่กลับจากหน้ารัฐสภาในเวลาประมาณ 11.30-12.00 น.
ทุกครั้งที่เรียกรถแท็กซี่จากถนนพระอาทิตย์ จะพบว่ามีแท็กซี่ปฏิเสธไม่ยอมไปไม่น้อยกว่า 3 คัน และวิธีการปฏิเสธของพวกเขาก็คือไม่จอดรับ และจากการสอบถามคนขับรถแท็กซี่ซึ่งจอดรถรับก็ได้รับคำตอบว่า บริเวณที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาเที่ยวและพักค้างแรมจำนวนมาก เช่น สีลม และตรอกข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ เป็นต้น จะมีแท็กซี่จำนวนมากคอยขับวนเวียนหาลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากได้ราคาดีจากการต่อรองราคาโดยไม่ต้องใช้มิเตอร์
ต่อมาวันหนึ่ง ผู้เขียนได้เดินไปซื้อของปากตรอกข้าวสาร และคนขับรถรับจ้างสามล้อเครื่อง และรถแท็กซี่จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ ได้ยินเสียงคนขับแท็กซี่คนหนึ่งพูดว่า เมื่อวานนี้ โชคดีมากมีฝรั่งเรียกไปสี่แยกเกียกกาย และบอกราคาไป 800 บาทฝรั่งตกลงจึงเท่ากับได้โชคใหญ่
จากการได้ยินคำพูดนี้ ทำให้ผู้เขียนหมดข้อกังขาว่า ทำไมรถแท็กซี่ซึ่งวิ่งวนไปมาบนถนนพระอาทิตย์ จึงไม่ยอมรับผู้โดยสารคนไทย แต่ก็ไม่ถือโทษเก็บความโกรธไว้ในใจให้เป็นเหมือนไฟกัดกร่อนตนเองแต่อย่างใด แต่ก็นึกอดที่จะสงสารฝรั่งที่ถูกคนขับรถแท็กซี่ต้มตุ๋น และที่สำคัญกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ลงทุนโฆษณา และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทย เพื่อหวังกอบโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ขาดหายไป แต่ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อนักท่องเที่ยวที่ถูกคนขับแท็กซี่ต้มตุ๋นกลับไปถึงประเทศของตน และเปิดเผยข่าวนี้ในทำนองว่า เสียค่าโง่ เป็นการแชร์ประสบการณ์กับคนชาติของตน ทำให้ผู้ที่ต้องการมาเที่ยวเมืองไทยยกเลิกมาเที่ยวเมืองไทย จึงเท่ากับงบประมาณโฆษณา และประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้อยค่าลงไป นี่คือการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทย จากการกระทำของคนขับรถรับจ้างเพียงเพื่ออยากได้เงินเพิ่มจากราคาปกติเท่านั้น
ดังนั้น คำถามว่าในปัจจุบันรถแท็กซี่ซึ่งไม่ยอมรับผู้โดยสารมีอยู่หรือไม่ และมีอยู่ที่ไหน และมีอยู่ดาษดื่นในพื้นที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและพักค้างแรม เช่น สีลม และตรอกข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ เป็นต้น
ส่วนว่าเมื่อพบว่ามีแล้ว กรมขนส่งทางบกจะดำเนินการอย่างไรนั้น เป็นหน้าที่ของส่วนราชการแห่งนี้จะดำเนินการหรือจะนั่งรอให้มีคนร้องเรียนแล้วนำคนขับแท็กซี่มาลงโทษ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารของกรมนี้ก็แล้วกัน
ส่วนคนโดยสารแท็กซี่ ถ้าพบปัญหานี้ก็ใช้ความอดทน และนึกเสียว่าเป็นกรรมที่คุณเกิดมาเป็นคนไทย และจำเป็นต้องใช้บริการรถรับจ้างประเภทนี้ก็แล้วกัน
อันที่จริง ปัญหาที่เกิดจากรถแท็กซี่มิได้มีแค่ไม่ยอมรับผู้โดยสาร แต่มีมากกว่านี้และก่อความเดือดร้อนมากกว่านี้ด้วย เช่น จี้ปล้น และลวนลามผู้โดยสาร เป็นต้น เพียงแต่ปัญหาเหล่านี้มิได้เกิดขึ้นบ่อยเหมือนการไม่ยอมรับผู้โดยสารเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหารถแท็กซี่ก็ควรจะแก้ทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่คนขับรถไปจนถึงผู้ประกอบการซึ่งอาจดำเนินการได้ดังนี้
1. จัดทำทะเบียนคนขับรถแท็กซี่ ซึ่งทั้งที่เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล และรถแท็กซี่เช่าโดยแยกประเภทออกจากกัน และออกบัตรพิเศษเฉพาะมีอายุ 5 ปี และเมื่อครบ 5 ปีสามารถต่อได้ แต่ต้องตรวจสุขภาพเพื่อหาสารเสพติด และโรคที่เป็นอันตรายต่อการขับรถ
2. ให้ผู้ประกอบการให้เช่ารถแท็กซี่ที่มีรถให้เช่าจำนวน 5 คันขึ้นไปต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ และให้แจ้งการให้เช่าแก่ใครในรอบหนึ่งเดือนต่อกรมขนส่งทางบก เป็นประจำทุกเดือน ตามแบบฟอร์มที่กรมขนส่งกำหนด เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา
3. ควรจะควบคุมจำนวนรถแท็กซี่ในเมืองใหญ่ เพื่อมิให้มีจำนวนมากเกินไป และส่งผลกระทบต่อการอยู่รอดของคนขับแท็กซี่ และเพื่อลดความแออัดทางด้านจราจร
4. ถ้าเป็นไปได้ควรจะให้รถแท็กซี่จอดอยู่ประจำที่ และให้บริการลูกค้าที่โทร.เข้ามาเรียกใช้บริการแท็กซี่ประเภทจอดอยู่กับที่ ไม่จำเป็นต้องทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วน และอาจกำหนดให้มีประเภทต่างหากแตกต่างจากแท็กซี่ทั่วไป และราคาค่าโดยสารและคุณภาพของการบริการดีกว่าสภาพประเภทของรถดีและคนขับมีคุณภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกและปลอดภัย
ถ้าสามารถทำให้คุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่สะดวกและปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่ การท่องเที่ยวไทยก็คงจะดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ที่จะได้รับประโยชน์แน่นอนจากการแก้ปัญหาในทำนองนี้ก็คือ คนไทยที่จำใจใช้รถแท็กซี่อยู่ในขณะนี้
อันที่จริงถึงแม้ทางการไม่เข้ามาแก้ไขปรับปรุงคุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่ในวันนี้ สักวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อระบบขนส่งมวลชนได้รับการพัฒนามาครบวงจรคือ มีรถไฟฟ้ามีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ กทม.และเมืองใหญ่อื่นๆ รวมไปถึงรถประจำทางได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น รถแท็กซี่ก็จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดจากการแข่งขันกับบริการขนส่งมวลชนที่ว่านี้
ดังนั้น การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่ารอให้วันนั้นมาถึงอาจสายเกินแก้ก็ได้
ในความเป็นจริง การที่คนขับรถแท็กซี่ไม่ยอมรับผู้โดยสาร เป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ผู้กระทำผิดในลักษณะนี้ถูกดำเนินคดีน้อยมาก ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ผู้โดยสารส่วนใหญ่รีบร้อน และไม่ต้องการค้าความ
2. เมื่อเรียกคันแรกแล้วถูกปฏิเสธ ก็เรียกคันต่อไปเรื่อยๆ ในทำนองใช้ความอดทนแก้ปัญหา แทนที่จะค้าความกับคนขับรถแท็กซี่
จากเหตุปัจจัย 2 ประการดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเหตุให้คนขับรถแท็กซี่รอดพ้นจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีไปได้
เหตุใดคนขับรถแท็กซี่เพื่อหาเงิน แต่ปฏิเสธการให้บริการ ซึ่งเท่ากับปฏิเสธรายได้ และจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
จากประสบการณ์ของผู้เขียน ซึ่งใช้บริการรถแท็กซี่บ่อย และเป็นประจำทุกเช้าอังคารเวลาประมาณ เวลา 8.30 น. จะเรียกแท็กซี่จากถนนพระอาทิตย์เพื่อไปประชุมที่รัฐสภา และเรียกแท็กซี่กลับจากหน้ารัฐสภาในเวลาประมาณ 11.30-12.00 น.
ทุกครั้งที่เรียกรถแท็กซี่จากถนนพระอาทิตย์ จะพบว่ามีแท็กซี่ปฏิเสธไม่ยอมไปไม่น้อยกว่า 3 คัน และวิธีการปฏิเสธของพวกเขาก็คือไม่จอดรับ และจากการสอบถามคนขับรถแท็กซี่ซึ่งจอดรถรับก็ได้รับคำตอบว่า บริเวณที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาเที่ยวและพักค้างแรมจำนวนมาก เช่น สีลม และตรอกข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ เป็นต้น จะมีแท็กซี่จำนวนมากคอยขับวนเวียนหาลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากได้ราคาดีจากการต่อรองราคาโดยไม่ต้องใช้มิเตอร์
ต่อมาวันหนึ่ง ผู้เขียนได้เดินไปซื้อของปากตรอกข้าวสาร และคนขับรถรับจ้างสามล้อเครื่อง และรถแท็กซี่จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ ได้ยินเสียงคนขับแท็กซี่คนหนึ่งพูดว่า เมื่อวานนี้ โชคดีมากมีฝรั่งเรียกไปสี่แยกเกียกกาย และบอกราคาไป 800 บาทฝรั่งตกลงจึงเท่ากับได้โชคใหญ่
จากการได้ยินคำพูดนี้ ทำให้ผู้เขียนหมดข้อกังขาว่า ทำไมรถแท็กซี่ซึ่งวิ่งวนไปมาบนถนนพระอาทิตย์ จึงไม่ยอมรับผู้โดยสารคนไทย แต่ก็ไม่ถือโทษเก็บความโกรธไว้ในใจให้เป็นเหมือนไฟกัดกร่อนตนเองแต่อย่างใด แต่ก็นึกอดที่จะสงสารฝรั่งที่ถูกคนขับรถแท็กซี่ต้มตุ๋น และที่สำคัญกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ลงทุนโฆษณา และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทย เพื่อหวังกอบโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ขาดหายไป แต่ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อนักท่องเที่ยวที่ถูกคนขับแท็กซี่ต้มตุ๋นกลับไปถึงประเทศของตน และเปิดเผยข่าวนี้ในทำนองว่า เสียค่าโง่ เป็นการแชร์ประสบการณ์กับคนชาติของตน ทำให้ผู้ที่ต้องการมาเที่ยวเมืองไทยยกเลิกมาเที่ยวเมืองไทย จึงเท่ากับงบประมาณโฆษณา และประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้อยค่าลงไป นี่คือการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทย จากการกระทำของคนขับรถรับจ้างเพียงเพื่ออยากได้เงินเพิ่มจากราคาปกติเท่านั้น
ดังนั้น คำถามว่าในปัจจุบันรถแท็กซี่ซึ่งไม่ยอมรับผู้โดยสารมีอยู่หรือไม่ และมีอยู่ที่ไหน และมีอยู่ดาษดื่นในพื้นที่ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและพักค้างแรม เช่น สีลม และตรอกข้าวสาร ถนนพระอาทิตย์ เป็นต้น
ส่วนว่าเมื่อพบว่ามีแล้ว กรมขนส่งทางบกจะดำเนินการอย่างไรนั้น เป็นหน้าที่ของส่วนราชการแห่งนี้จะดำเนินการหรือจะนั่งรอให้มีคนร้องเรียนแล้วนำคนขับแท็กซี่มาลงโทษ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารของกรมนี้ก็แล้วกัน
ส่วนคนโดยสารแท็กซี่ ถ้าพบปัญหานี้ก็ใช้ความอดทน และนึกเสียว่าเป็นกรรมที่คุณเกิดมาเป็นคนไทย และจำเป็นต้องใช้บริการรถรับจ้างประเภทนี้ก็แล้วกัน
อันที่จริง ปัญหาที่เกิดจากรถแท็กซี่มิได้มีแค่ไม่ยอมรับผู้โดยสาร แต่มีมากกว่านี้และก่อความเดือดร้อนมากกว่านี้ด้วย เช่น จี้ปล้น และลวนลามผู้โดยสาร เป็นต้น เพียงแต่ปัญหาเหล่านี้มิได้เกิดขึ้นบ่อยเหมือนการไม่ยอมรับผู้โดยสารเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหารถแท็กซี่ก็ควรจะแก้ทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่คนขับรถไปจนถึงผู้ประกอบการซึ่งอาจดำเนินการได้ดังนี้
1. จัดทำทะเบียนคนขับรถแท็กซี่ ซึ่งทั้งที่เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล และรถแท็กซี่เช่าโดยแยกประเภทออกจากกัน และออกบัตรพิเศษเฉพาะมีอายุ 5 ปี และเมื่อครบ 5 ปีสามารถต่อได้ แต่ต้องตรวจสุขภาพเพื่อหาสารเสพติด และโรคที่เป็นอันตรายต่อการขับรถ
2. ให้ผู้ประกอบการให้เช่ารถแท็กซี่ที่มีรถให้เช่าจำนวน 5 คันขึ้นไปต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการ และให้แจ้งการให้เช่าแก่ใครในรอบหนึ่งเดือนต่อกรมขนส่งทางบก เป็นประจำทุกเดือน ตามแบบฟอร์มที่กรมขนส่งกำหนด เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา
3. ควรจะควบคุมจำนวนรถแท็กซี่ในเมืองใหญ่ เพื่อมิให้มีจำนวนมากเกินไป และส่งผลกระทบต่อการอยู่รอดของคนขับแท็กซี่ และเพื่อลดความแออัดทางด้านจราจร
4. ถ้าเป็นไปได้ควรจะให้รถแท็กซี่จอดอยู่ประจำที่ และให้บริการลูกค้าที่โทร.เข้ามาเรียกใช้บริการแท็กซี่ประเภทจอดอยู่กับที่ ไม่จำเป็นต้องทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วน และอาจกำหนดให้มีประเภทต่างหากแตกต่างจากแท็กซี่ทั่วไป และราคาค่าโดยสารและคุณภาพของการบริการดีกว่าสภาพประเภทของรถดีและคนขับมีคุณภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกและปลอดภัย
ถ้าสามารถทำให้คุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่สะดวกและปลอดภัยกว่าที่เป็นอยู่ การท่องเที่ยวไทยก็คงจะดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ที่จะได้รับประโยชน์แน่นอนจากการแก้ปัญหาในทำนองนี้ก็คือ คนไทยที่จำใจใช้รถแท็กซี่อยู่ในขณะนี้
อันที่จริงถึงแม้ทางการไม่เข้ามาแก้ไขปรับปรุงคุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่ในวันนี้ สักวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อระบบขนส่งมวลชนได้รับการพัฒนามาครบวงจรคือ มีรถไฟฟ้ามีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่ กทม.และเมืองใหญ่อื่นๆ รวมไปถึงรถประจำทางได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น รถแท็กซี่ก็จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดจากการแข่งขันกับบริการขนส่งมวลชนที่ว่านี้
ดังนั้น การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่ารอให้วันนั้นมาถึงอาจสายเกินแก้ก็ได้