xs
xsm
sm
md
lg

คุณ..จะเป็นคนไทยแบบไหน? (ตอนสอง)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

ใช่เลย..เราเกิดในชาติไทย..ที่มีคนดีและคนชั่วอยู่ปนกัน..

ต้องรู้นะว่า..คนจน-คนรวย-ก็มีทั้งคนดีและคนชั่ว! คนจนส่วนหนึ่ง-อยากรวยก็ทำชั่ว! คนรวยส่วนหนึ่ง-รวยไม่รู้จักพอก็ทำชั่ว!

สรุปว่า..การทำดีและทำชั่ว ล้วนขึ้นอยู่กับแต่ละ “คน” เลือกจะทำแบบไหน..จริงไหม?

คราวนี้มารู้จัก “กลุ่มคนไทยส่วนน้อย” สองกลุ่ม ที่มีโอกาสทองทำความดีให้ชาติและประชาชน แต่กลับเป็น “ตัวการ” ก่อปัญหาอันชั่วร้าย และปล่อยปัญหาชั่วร้ายของชาติให้ลอยนวลเฉยเลย

สภาพคร่าวๆ ของสองกลุ่มคนไทยส่วนน้อย คือ มีฐานะดี อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลทั้งมีสีและไม่มีสี และพวกมีอาชีพสีเทาและสีดำปิ๊ดปี๋ หาเงินกับธุรกิจผิดกฎหมาย จนได้รับฉายา “เจ้าพ่อ-เจ้าแม่” ผู้ทรงอิทธิพล ทั้งอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบ-ค้าของเถื่อน-ซุ้มมือปืน-ค้ายาเสพติด-ค้ามนุษย์ ฯลฯ

กลุ่มคนผู้มีอิทธิพลดังกล่าวเหล่านั้น มักวนเวียนพัวพันอยู่กับเครือข่ายกลุ่มข้าราชการ และนักการเมืองทุกระดับ แถมจำนวนไม่น้อยได้ยกฐานะตัวเอง เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ บางคนได้เป็นถึงรัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรีอีกด้วย

กลุ่มคนมีอันจะกิน หรือร่ำรวยไม่รู้จักพอเหล่านี้ ได้ทำให้ประชาธิปไตย เลือกตั้ง เลียนแบบชาติตะวันตกของชาติไทย เต็มไปด้วยการซื้อเสียงและการโกงเลือกตั้งสารพัดวิธี

จึงไม่น่าแปลกใจที่นักการเมืองไทย มีทั้งดีและชั่วปนกันอยู่ในรัฐสภาและรัฐบาล โดยเฉพาะยุคทุนนิยมสามานย์ “เหลี่ยม” ผู้ร่ำรวยจากธุรกิจโทรคมนาคม ที่เคยแอบจ่ายเงินสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ได้กระโดดลงมาทำธุรกิจการเมืองอย่างเปิดเผย

โดย “เหลี่ยม” ใช้วิธี “เดินทางลัด” ยึดอำนาจรัฐ ด้วยการใช้ “เงิน” ซื้อพรรคการเมืองเล็กและกลาง ซื้อตัวกลุ่มผลประโยชน์กับผู้ทรงอิทธิพล ซื้อตัวกลุ่มคนที่ให้คุณให้โทษการเลือกตั้ง ซื้อตัวข้าราชการระดับต่างๆไว้ในกำมือ ฯลฯ

เรียกว่า..“เหลี่ยม” ใช้สูตรหลอกกลุ่มคนดี-ซื้อกลุ่มคนชั่ว แต่ส่วนใหญ่ซื้อกลุ่มคนชั่วมากมายมาอยู่ในเครือข่าย เพื่อเตรียมยึดอำนาจรัฐและคอร์รัปชั่นโกงชาติ

จากนั้น “เหลี่ยม” ก็ใช้ทั้งเงิน-อิทธิพลชั่ว-การโกงสารพัดวิธี และโครงการประชานิยมผลาญเงินรัฐ ฯลฯ เพื่อโกยคะแนนเสียงจากประชาชน ให้สนับสนุนพรรคการเมืองของตน ชนะคู่แข่งทางการเมืองด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น จนเข้ายึดรัฐสภาและรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ห้วง “เหลี่ยม” กับเครือข่ายครองเมืองนานกว่า 10 ปี นักการเมืองกลุ่ม “เหลี่ยม” ได้แสดงออกอย่างล่อนจ้อน ถึงความไร้คุณภาพ ไร้ความรู้ความสามารถ ไร้คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ไร้ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ ที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง-คือ-ไร้ความรักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

แถม “เหลี่ยม” ยังซื้อและใช้สื่อจำนวนไม่น้อย ให้สนับสนุนตนแลกกับผลประโยชน์ จนข่าวสารสนับสนุนรัฐบาลยุคนั้น เต็มไปด้วยการบิดเบือนและโกหก รวมทั้งสร้างค่านิยมผิดๆของสังคม ให้หลงในอำนาจ-ลาภยศ-เงินทอง ฯลฯ เพราะ “เหลี่ยม” และพวกยึดถือ “เงิน-เป็น-พระเจ้า” นั่นเอง

“เหลี่ยม” กับเครือข่ายได้ทำให้การเมืองไทย สู่ยุคแห่งการใช้สื่อโกหกหลอกลวง ชนิดกลับเรื่องดีให้กลายเป็นเรื่องชั่ว กลับเรื่องทำชั่วให้กลายเป็นเรื่องทำดี กลับเรื่องสีขาวให้กลายเป็นเรื่องสีดำ กลับเรื่องสีดำให้กลายเป็นเรื่องสีขาว กลับเรื่องโกงชาติให้กลายเป็นเรื่องทำเพื่อชาติ

ยุค “เหลี่ยม” จึงมีคำว่า “วิน-วิน” ระบาดไปทั่ว โดยเฉพาะในหมู่พ่อค้านักธุรกิจทั้งหลาย และบรรดาข้าราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ โดยใครยอมรับใช้ “เหลี่ยม” โกงชาติ และสืบทอดอำนาจทางการเมือง จะได้รับการตอบแทนจาก “เหลี่ยม” และเครือข่าย ทั้งเงินทอง-ตำแหน่งหน้าที่-ผลประโยชน์สารพัด ฯลฯ

ทำให้ข้าราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ เต็มไปด้วยการ “เชลียร์เหลี่ยม”กับเครือข่าย เกิดการแต่งตั้งและโยกย้ายที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมราวดอกเห็ด เกิดการคอร์รัปชั่นโกงชาติโครงการใหญ่น้อยมากมาย ทั้งยังปล่อยให้เกิดปฏิบัติการโค่นล้มสถาบันสำคัญของชาติ ทั้งลับและเปิดเผย เพื่อสร้างระบอบการเมืองใหม่ อันไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย

“เหลี่ยม” กับพวก หนึ่งในคนไทยกลุ่มน้อยนิดนี้ ได้ใช้อำนาจรัฐอย่างอธรรม-ใช้เงินรัฐและเงินโกงชาติ ว่าจ้างและหลอกลวงให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและไม่รู้ทันเล่ห์ร้าย มาเป็นกองกำลัง และเครื่องมือทางการเมืองในการทำชั่ว อีกทั้งยังสร้างรัฐตำรวจขึ้นมารับใช้พวกตน ฯลฯ

ดังนั้น “เหลี่ยม” กับเครือข่าย จึงเหิมเกริมทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทั้งในยามเป็นรัฐบาล ก็ใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าผู้ชุมนุมที่เห็นต่างจากรัฐบาล จนบาดเจ็บล้มตายอย่างป่าเถื่อน และในตอนเป็นฝ่ายค้านก็ใช้ “กลุ่มชายชุดดำ” ถืออาวุธสงครามออกมา เข่นฆ่าทหารและประชาชนอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งใช้สื่อพรรคพวกของตน ให้ร้ายป้ายสีรัฐบาลและทหารในยุคนั้น ที่นำความสงบสุขกลับคืนมาสู่สังคมไทยว่า “เป็นฆาตกรเข่นฆ่าประชาชน”

ต้องถือว่า..ยุค “เหลี่ยม” และเครือข่ายครองเมือง พวกเขาได้กระทำชั่วต่อชาติและประชาชน มากมายเกินจะสาธยายผลพวงอันเลวร้ายได้ครบถ้วน คงยกตัวอย่างได้แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น เช่น

เหลี่ยม” กับพวกใช้อำนาจรัฐและสภาฯ แก้กฎหมายให้เอื้อผลประโยชน์มากมาย แก่ธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ดังกรณีแก้กฎหมายเปลี่ยนสัดส่วนการถือครองหุ้นของชาวต่างชาติฯ จนทำให้ “ครอบครัวเหลี่ยม” ขายหุ้นชินคอร์ป ให้ “กลุ่มเทมาเสก” ของสิงคโปร์ ในราคาสูงถึง 7 หมื่นกว่าล้านบาท เป็นต้น

“เหลี่ยม” กับพวกยังแปรรูปรัฐวิสาหกิจ “ปตท.” เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดย “เหลี่ยม” กับนักการเมืองและพรรคพวกในเครือข่าย ได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล จากการซื้อขายหุ้นปตท. ทั้งเปิดเผยและลับ ผ่านนอมีนีทั้งในและต่างประเทศ ฯลฯ

นอกจากนั้น “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ยังได้รับผลประโยชน์มหาศาล จากการโกงเงินงบประมาณแผ่นดินปีแล้วปีเล่า รวมทั้งโกงเงินในโครงการเมกาโปรเจ็กต์ และโครงการประชานิยมอีกมากมาย เฉพาะโครงการ “พี่คิด-น้องโกง” เรื่องเดียว ทำให้เงินชาติจากภาษีของประชาชน ถูกผลาญและโกงไปมากกว่า 6-7 แสนล้านบาท

งานนี้ ถึงแม้ “พี่คิด” ที่อยู่แดนไกลจะรอดคุก แต่ “น้องโกง” กับพวกที่เดินขึ้นลงศาลฯทุกวี่วัน มีโอกาสจะได้ร้องเพลง “แดนตะราง” ..จริงไหมล่ะ?

เพราะรัฐบาล “เหลี่ยม” และเครือข่าย ทำชั่วต่อชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง จึงถูกประชาชนจำนวนมหาศาลผู้รักชาติและรู้ทันเล่ห์ร้าย ออกมาขับไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า จน “คณะทหาร” ต้องออกมาทำรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาล “เหลี่ยม” และเครือข่ายลงถึงสองครั้งสองครา

โอ๊ย!..เรื่องชั่วร้ายของ “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ที่เป็นกลุ่มคนไทยแค่น้อยนิด แต่กลับมีศักยภาพจนเป็นภัยร้ายแรง ต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์และประชาชนได้ ก็เพราะ “ผู้มีอำนาจ” ปล่อยให้ “กลุ่มคนชั่ว” เหล่านี้ ได้ขึ้นปกครองชาติไทยผ่านการเลือกตั้งสกปรกครั้งแล้วครั้งเล่า

ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นกับชาติไทย จากการกระทำของ “คนไทยกลุ่มน้อยนิด” เหล่านี้ ก็เพราะ “คณะรัฐประหาร” ที่ผ่านมา มิได้ทำการปฏิรูปชาติทุกภาคส่วนให้สำเร็จ มิได้ทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม มิได้ป้องกันคนชั่วไม่ให้มีอำนาจ คนดีจึงไม่ได้ขึ้นปกครองชาติบ้านเมืองไงล่ะ

ทั้งนี้เพราะ “คณะรัฐประหารรุ่นพี่” เหล่านั้น มีปัญหาเรื่อง “เยี่ยวไม่สุด” เป็น “พวกมวยล้มต้มคนดู” เริ่มต้นได้รับ “ดอกไม้” ลงท้ายจึงได้รับ “ก้อนหิน”

นั่นเป็นกลุ่มคนไทยส่วนน้อยสองแบบ ที่ทำให้ชาติไทยยังเกิดเหตุการณ์ “สมบัติผลัดกันโกง” นั่นคือ

หนึ่ง-กลุ่มคนไทยแบบ “ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน” ผ่านการเลือกตั้งสกปรกเข้ามาโกงชาติ!

สอง-กลุ่มคนไทยแบบ “ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน” แล้วไม่ปฏิรูปชาติ จึงเสียของ-เยี่ยวไม่สุด-มวยล้มต้มคนดู!

เฮ้อ!..แต่ผู้โชคร้ายต้องรับเคราะห์ตลอดศก กับการ “ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน” และ “ยึดอำนาจรัฐด้วยปืน” ที่ “เสียของ” คือ ชาติและประชาชน ขอรับกระผม!...


กำลังโหลดความคิดเห็น