ผู้ช่วยผบ.ตร.เผยตั้งแต่ 1 ก.ย.59 จนถึงปัจจุบัน มีการออกใบสั่งแก่ผู้ทำผิดกฎจราจร 680,000 ใบ มีเพียง 11% ที่ไปชำระค่าปรับ ส่วนอีก 86% ไม่ไปชำระค่าปรับ ย้ำผู้ที่ถูกออกใบสั่งหลังคำสั่งคสช.มีผลบังคับใช้ ต้องมาเสียค่าปรับภายใน 15 วัน ส่วนเรื่องต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ในกรณีรถกระบะ กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณา
พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงกรณีมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2560 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มี 3 เรื่องเร่งด่วน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก จะต้องดำเนินการร่วมกัน คือ
1. กรณีจอดรถกีดขวางจราจร เจ้าหน้าที่สามารถยกรถไปเก็บรักษา โดยเจ้าของรถจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2. การบังคับใช้กฎหมายให้ผู้ขับขี่รถยนต์ และผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นบังคับใช้กับรถใหม่ ที่มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนกรณีรถกระบะหรือรถโดยสารรุ่นเก่า กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ทันบังคับใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ และ 3. ส่วนกรณีใบสั่ง ซึ่งสถิติพบว่าตั้งแต่ 1 ก.ย.59 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ทำผิดกฎจราจร 680,000ใบ มีเพียง 11% ที่ไปชำระค่าปรับ ส่วนอีก 86% ไม่ไปชำระค่าปรับ และ 2% แจ้งยกเลิกใบสั่ง
ทั้งนี้ผู้ที่ถูกออกใบสั่งหลังคำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ (21มี.ค.) จะต้องมาชำระค่าปรับภายใน 15 วัน หากยังไม่ชำระ จะออกหนังสือเตือนให้มาชำระภายในเวลา 15 วัน หากไม่มาอีก ก็จะระงับการต่อภาษีประจำปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ถูกออกใบสั่งตั้งแต่วันนี้ สามารถไปชำระค่าปรับได้ ที่กรมขนส่งทางบก เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย และ สถานีตำรวจทุกแห่ง
นอกจากนี้ จะเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการดังกล่าว รวมทั้งในบางกรณี จะต้องมีกฎระเบียบออกมารองรับ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีผลเป็นรูปธรรม ในช่วงสงกรานต์นี้ และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนด้วย
พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงกรณีมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2560 เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มี 3 เรื่องเร่งด่วน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก จะต้องดำเนินการร่วมกัน คือ
1. กรณีจอดรถกีดขวางจราจร เจ้าหน้าที่สามารถยกรถไปเก็บรักษา โดยเจ้าของรถจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2. การบังคับใช้กฎหมายให้ผู้ขับขี่รถยนต์ และผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นบังคับใช้กับรถใหม่ ที่มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ส่วนกรณีรถกระบะหรือรถโดยสารรุ่นเก่า กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ทันบังคับใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ และ 3. ส่วนกรณีใบสั่ง ซึ่งสถิติพบว่าตั้งแต่ 1 ก.ย.59 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ทำผิดกฎจราจร 680,000ใบ มีเพียง 11% ที่ไปชำระค่าปรับ ส่วนอีก 86% ไม่ไปชำระค่าปรับ และ 2% แจ้งยกเลิกใบสั่ง
ทั้งนี้ผู้ที่ถูกออกใบสั่งหลังคำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ (21มี.ค.) จะต้องมาชำระค่าปรับภายใน 15 วัน หากยังไม่ชำระ จะออกหนังสือเตือนให้มาชำระภายในเวลา 15 วัน หากไม่มาอีก ก็จะระงับการต่อภาษีประจำปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ถูกออกใบสั่งตั้งแต่วันนี้ สามารถไปชำระค่าปรับได้ ที่กรมขนส่งทางบก เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย และ สถานีตำรวจทุกแห่ง
นอกจากนี้ จะเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการดังกล่าว รวมทั้งในบางกรณี จะต้องมีกฎระเบียบออกมารองรับ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีผลเป็นรูปธรรม ในช่วงสงกรานต์นี้ และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนด้วย