ไปกันอีกซะแว้วว์ว์ว์... “พี่กี้ร์” ไปคราวนี้ไม่ได้ไปแบบโดดๆ เดี่ยวๆ แต่เรียกว่า...ไปด้วยกันทั้งแผง ทั้งแก๊งสเตอร์แล้วระดับ “พายัพ ปั้นเกตุ” งี้ “นิสิต สินธุไพร” งี้ “วรชัย เหมะ” “ไวพจน์ อาภารัตน์” หมอ “วัลลภ ยังตรง” งี้ ฯลฯ ถึงจะไม่ใช่ “บิ๊กเนม” มากมายซักเท่าไหร่ แต่ก็ออกไปทาง “มีเดียม ไซส์” คือระดับกำลังพอเหมาะ พอคำ ถือเป็นพื้นฐานการเคลื่อนไหว การประกอบกิจกรรมทางการเมือง ที่มีความสำคัญมิใช่น้อย...
การไปกันคราวแล้ว คราวเล่า และโดยอนาคตต่อไป ก็จะต้องไปกันอีก ไปกันในระดับหัวขบวน หางขบวน แทบไม่เหลืออะไรให้ส่าย และแทบไม่เหลืออะไรให้กระดิก โดยลักษณะอาการเช่นนี้...ถ้าหากใครยังมัวแต่ “ฝันกลางฤดูร้อน” ท่องสูตร ท่องคาถาแบบเดิมๆ ประมาณว่า “เลือกตั้งเมื่อไหร่...ยังไงๆเราต้องมาแน่” อะไรทำนองนั้น คงต้องเอาไปเปลี่ยน “ซิม” ได้แล้ว คืออะไรมันเปลี่ยนกันไปถึงไหนต่อถึงไหน ถ้ามัวยังมานั่งท่องสูตร ท่องคาถาในรูปนี้ ต้องถือเป็นอัน “ตกรุ่น” หรือตกเวทีประวัติศาสตร์ชนิดหาเวทีรำวงยังเจอ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วว่า...ในเมื่อแต่ละสิ่งแต่ละอย่างนับวันมันจะแจ่มแจ้ง แดงแจ๋ จนบรรดาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ “ความมั่นคงแห่งชาติ” เขาคงไม่คิด “ปล่อยไว้ทำพ่อ” โดยเด็ดขาด การถนอมกล่อมเกลี้ยง “กะละมัง 3 ใบ” หรือ “แก้ว 3 ประการ” อันประกอบไปด้วย “พรรค” “กองกำลัง” และ “แนวร่วม” ตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีแบบเดิมๆ นั้น สุดท้าย...มันคงไม่ต่างไปจาก “ดังแก้วบางเขาทุบทิ้งแตก...ใจฉันแหลกเพราะน้ำมือเธอ” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงใดๆ ได้เลย มีแต่ต้องเปลี่ยนรูปแบบ เนื้อหา เปลี่ยนหลักคิด วิธีคิดกันใหม่หมด หรือเผลอๆ...อาจถึงขั้นต้องไป “เกิดใหม่” เอาเลยโน่นแหละ ถึงจะพอเห็นช่อง เห็นทางได้มั่ง...
ส่วนเรื่องจะแยกจากทักษิณ หรือไม่แยกจากทักษิณ...แทบไม่ต้องเสียเวลาไปสนใจอะไรกันมากมาย เพราะไม่ว่าจะแยก-ไม่แยก แนวโน้มที่ทักษิณเขาจะ “ถีบหัวส่ง” สลัดเห็บ สลัดเหาออกไปจากตัวเขา นับวันยิ่งเป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่แก้ว หรือกะละมังใบที่สำคัญที่สุด อย่าง “พรรคเผาไทย” ก็เถอะ ไปๆ-มาๆ มันชักเป็นอะไรที่ “ไม่คุ้ม” กับ “เม็ดเงินลงทุน” ยิ่งขึ้นทุกที เพราะไม่ว่าจะเลือกเมื่อไหร่ แบบไหน อย่างไร สุดท้าย...ย่อมต้อง “เสร็จป.ย.ป.” อยู่แล้วแน่ๆ!!! ดังนั้น...สู้จำกัดระดับการลงทุนเอาไว้ให้เหลือเป็นแค่ “ศาลาพักใจ” หรือ “ศาลาคนเศร้า” น่าจะสอดคล้อง เหมาะสม กว่าการคิดจะทุ่มเท ทุ่มทุนระดับอภิมหาโปรเจกต์ หวังให้ผงาดกลับคืนมาเป็นตึกเบิร์จ ดูไบ หรือเบิร์จ คาลิฟา ซึ่งไม่ได้ “เมคเซ้นส์” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ด้วยเหตุนี้...แทบไม่ต้องไปเสียเวลาออกแรงเชียร์ใครต่อใครให้โผล่ขึ้นเป็น “ไม้ประดับ” แทนคุณน้อง “ปู ยิ่งลักษณ์” ที่จะไปแบบ “เจ๋ง ดอกจิก” หรือไปแบบ “พี่กี้ร์” ก็ยังมิอาจสรุปได้ ไม่ว่าจะเป็น “เจ๊หน่อย” ที่อุตส่าห์ออกแรง “เทศน์ให้พระฟัง” เพียรพยายามสร้างบุญสร้างกุศลให้กับ “พระพุทธเจ้าเด็ก” ชนิดเหงื่อไหลไคลย้อย ก็ยังไม่ถึงกับเข้าตา “เจ๊กระบังลม” หรือบางรายถึงกับคิดไปคว้า “เสรีพิศุทธ์” ที่หมดสภาพไปนานแล้ว มาปลุกปล้ำขึ้นมาใหม่ ทั้งๆ ที่ตัวแกเองยังต้อง “ปล้ำกับตัวเอง” ไม่แล้วเสร็จ ฯลฯ สรุปง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่งอย่างไรก็ตาม ยังไงๆ...งานนี้ ย่อมหนีไม่พ้นไปจาก “ศาลาคนเศร้า” อยู่แล้วแน่ๆ...
ภายใต้ “การเลือกตั้งที่รัก” ที่จะมาถึงในตอนไหน เมื่อไหร่ ก็ยังมิอาจสรุปได้...จึงไม่ได้ถือเป็น “คำตอบ” หรือเป็น “ความหวังที่รอคอย” สำหรับบรรดา “แดงเอย...โธ่เอ๋ยน้องแดงของพี่” แต่ละชนิด แต่ละประเภทไปด้วยกันทั้งสิ้นโอกาสที่จะต้อง “ลอยคอ” ต่อไปเรื่อยๆ ต้องเผชิญกับการถูกทิ้ง ถูกขว้าง การ “เอาตัวรอด” ของพวกเดียวกันเอง หรือเผลอๆ...กระทั่งหันมากัดกันเอง เล่นงานกันเอง จึงเป็นสิ่งที่แต่ละคน แต่ละราย คงต้องหันมาหา “คำตอบ” ให้กับตัวเอง ส่วนคำตอบที่ดีที่สุดนั้น...ย่อมหนีไม่พ้นไปจาก “ธรรมะ” หรือความรู้ ความเข้าใจในชีวิต นั่นแล...