ซุกหุ้นซ่อนทรัพย์สิน กลโกงของพี่และน้อง/นพ นรนารถ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา จำคุกนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (มิ.ย. 2555-มี.ค. 2556) เป็นเวลา 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ข้อหาแจ้งเท็จบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน และให้ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 168 ล้านบาท เพราะชี้แจงที่มาไม่ได้เข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ

ที่ผ่านมา มีนักการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับเทศบาล อบต. 4 รายที่ถูกจำคุกในข้อหาปกปิดไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.นายเกษม เป็นนักการเมืองรายที่ 5 แต่เป็นนักการเมืองระดับชาติคนแรกที่โดนลงโทษจำคุก เพราะยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จ

นายเกษม ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเด็กเจ๊แดง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็นเลขาฯ ส่วนตัว และเป็นคนขับรถ ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตำแหน่ง ส.ส.ของนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวเจ๊แดง และตัวเจ๊แดงเองด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นประธานสาขาจังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยด้วย

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง พิพากษาจำคุก น.ส.ชิณณิชา 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปีฐานแจ้งบัญชีหนี้สินเป็นเท็จ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ทำให้พ้นจาก ตำแหน่ง ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ว่างลง

นายเกษม ถูกส่งลงสมัครรักษาเก้าอี้ของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ในการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แต่เป็น ส.ส.ได้เพียง 8 เดือนก็ถูกสั่งให้ลาออกเพื่อให้นางเยาวภา เป็นแทน ในตอนนั้น ว่ากันว่าเป็นหมากของพรรคเพื่อไทยที่วางตัวนางเยาวภาไว้เป็นนายกรัฐมนตรีสำรองเผื่อไว้ หากน้องสาวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลากต่อไปไม่ไหว

ช่วง 8 เดือนที่นายเกษมเป็น ส.ส.ขัดตาทัพนี่แหละที่ทำให้เขาต้องติดคุก เพราะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ โดยไม่สามารถแจ้งที่มาของทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ได้

จะแจ้งได้อย่างไร ในเมื่อทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ใช่ของนายเกษม แต่เป็นของที่มีคนอื่นมาซุกเอาไว้ให้ถือแทน ใครคือเจ้าของทรัพย์สินตัวจริง เป็นเรื่องที่เดากันไม่ยาก

ในบรรดาทรัพย์สิน 7 รายการของนายเกษมที่ศาลมีคำสั่งยึดให้เป็นของแผ่นดิน นอกจากที่ดิน และเงินสดแล้ว เป็นหุ้นของบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ทั้งที่อยู่ในชื่อของนายเกษม ของแม่ และภรรยา หุ้นของบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) และเงินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ทั้งบริษัทแอสคอนซึ่งล้มละลายไปแล้ว บริษัทวินโคสท์ และบริษัทเอ็ม ลิ้งค์ ล้วนเป็นบริษัทที่รู้กันว่าเป็นของตระกูลวงศ์สวัสดิ์

ในสำนวนที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายเกษม ระบุว่า นายเกษมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ 8 รายการได้แก่ หุ้น 2 บริษัท เงินจากการขายหุ้น 3 บริษัท เงินลงทุน รถยนต์โตโยต้า และที่ดิน

องค์คณะศาลฎีกาที่พิจารณาคดีเห็นว่า นายเกษมไม่สามารถชี้แจงหรือมีหลักฐาน มาแสดงที่มาที่ไปของเงินที่นำมาซื้อทรัพย์สินว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยสุจริต ส่วนที่อ้างว่า เป็นเงินรายได้จากธุรกิจโรงสีข้าว โรงน้ำแข็ง เงินค้าทองคำ หจก.แม่ริม จำกัด ที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างนั้น ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทบางส่วนมีผลประกอบการขาดทุน และธุรกิจโรงสีข้าว โรงน้ำแข็งก็ไม่มีรายได้มากขนาดนำมาเสียภาษี จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านทั้งสอง (มารดา และภรรยา) จะมีรายได้เพียงพอกับทรัพย์สินนั้น

ส่วนที่อ้างว่า มีเงินจากการขายกิจการเก็บเป็นเงินสดเกือบ 100 ล้านบาท หากนำมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินนั้นย่อมลดลง และไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บเงินสดจำนวนมากไว้ในบ้าน โดยไม่ได้รับประโยชน์ดอกผล ดังนั้น ข้อต่อสู้จึงไม่มีน้ำหนัก และเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานเอกสารมาชี้แจงรายละเอียด

พฤติกรรมซุกหุ้นไว้กับลูกชาย ลูกสาว คนใช้ คนขับรถ เลขานุการ เป็นวิธีการของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นที่รู้กันดี

คำพิพากษาคดีนายเกษม นิมมลรัตน์ แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ แม้จะเป็นเรื่องของนายเกษมโดยตรง แต่รายละเอียดของคำพิพากษาได้สะท้อนถึงพฤติกรรมการซุกหุ้น ซ่อนทรัพย์สินไว้กับคนใกล้ชิดของนักการเมือง ที่จงใจหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ