xs
xsm
sm
md
lg

The Empire Strikes Back/ทับทิม พญาไท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b>เอ็มมานูเอล มากรอง</b>
ถ้าหากยังมัววนไป-วนมาอยู่แต่เรื่องในบ้าน...คงหนีไม่พ้นต้องไปว่ากันเรื่อง “ธัมมชโย” “ทัตตชีโว” ไปจนถึง “อันฑะโต” แบบซ้ำๆ ซากๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น จะไปหยิบเอาเรื่อง “ป๋าเขกหัวเด็กเสิร์ฟ” หรือเรื่อง “ลีนา จัง 28 ครั้งต่อคืน” ก็ออกจะติดเรตอาร์ เรตเอ็กซ์ เกินไปซะหน่อย...

ด้วยเหตุนี้...คงต้องขออนุญาตคุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” และ “อาจารย์สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร” หันไป “มองต่างแดน” พอให้ “รู้เท่าทันโลก” แม้แต่ระดับเปลือกๆ ผิวๆ ก็ยังดี เพราะช่วงวันพุธ 15 มีนาฯ ที่ผ่านมา ประเทศในยุโรปอย่างเนเธอร์แลนด์ เค้าก็ได้เวลา “เลือกตั้งที่รัก” กันแล้ว ถัดไปอีกเดือน ฝรั่งเศสก็จะเลือกตามมาติดๆ ซึ่งเท่าที่ฟังดูคร่าวๆ ก็มีอะไรที่น่าคิดสะกิดใจอยู่ตามสมควร คือดูเหมือนว่า...กระแสแบบเดียวกับ “ทรัมป์” หรือแบบเดียวกับ “Brexit” อะไรประมาณนั้น ที่เคยทำท่าว่าน่าจะมาแรงแซงโค้งเอามากๆ ไปๆ-มาๆ มันชักไม่ถึงกับแรงมากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ...อาจออกไปทาง “เหี่ยวปลาย” เอาเลยก็ไม่แน่!!!

อย่างเลือกตั้งเนเธอร์แลนด์...ที่ว่ากันว่า “ทรัมป์แห่งเนเธอร์แลนด์” อย่าง “นายกีร์ต ไวเดอร์” (Geert Wilders) หรือที่ “อาจารย์สุดาทิพย์” ท่านเรียกว่า “เกอร์ด วีลเดอร์” ผู้พร้อมจะเล่นงานพวกมุสลิม พร้อมออกจากอียู เตรียมจัดให้มี “Nexit” ต่อจาก “Brexit” ทันทีที่ได้รับเลือกตั้ง ซึ่งเคยมาแรงเอามากๆ แต่ถ้าว่ากันตามโพลล่าสุดเมื่อช่วงวันอังคารที่ 14 มีนาฯ ที่ผ่านมา ดูเหมือนคะแนนจะหล่นไปอยู่อันดับ 3 อันดับ 4 โน่นเลย ขณะที่ “นายมาร์ค รัตต์” (Mark Rutte) นายกรัฐมนตรีผู้ลงชิงตำแหน่งอีกสมัย สามารถทำคะแนนนำโด่ง โดยเฉพาะหลังจากหันไปเล่นงานรัฐบาลตุรกี ที่พยายามนำเอากิจการภายนอกเข้ามาวุ่นวายกับกิจการภายในเนเธอร์แลนด์กันถึงที่ คือพยายามเข้ามาหาเสียงกับชาวเติร์กที่อาศัยในเนเธอร์แลนด์นับแสนๆ คน ให้เห็นดีเห็นงามกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในตุรกี เลยอาจส่งผลให้ชาวดัตช์ทั้งหลายเกิดความสะใจเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ อย่างไรก็มิอาจสรุปได้...

ส่วนเลือกตั้งในฝรั่งเศสนั้น... “ทรัมป์ (ศรี) แห่งฝรั่งเศส” อย่าง “นางมารีน เลอ แปง” (Marine La Pen) ก็ดูทำท่าว่าจะ “เหี่ยวปลาย” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยนำโด่งแบบอาจถึงขั้นม้วนเดียวจบ แต่ถ้าดูผลสำรวจจากโพลแต่ละโพลในช่วงปลายกุมภาฯ และต้นมีนาฯ ที่ผ่านมา ก็เริ่มถูกเบียด ถูกแซงแถวๆ โค้งวัดเบญจฯ จากคู่แข่งอย่าง “นายเอ็มมานูเอล มากรอง” (Emmanuel Marcon) หรือแม้แต่ “นายฟรังซัวส์ ฟิลยง” (Francois Fillon) ไปด้วยกันทั้งคู่ แม้ว่าคะแนนที่อาจได้รับจากการเลือกตั้งครั้งแรก (23 เมษาฯ) จะเบียดไปเบียดมากับ “นายมากรอง” ระดับหายใจรดต้นคอ คือทิ้งห่างกันแค่ 1 จุด แต่ถ้าดูจากผลสำรวจคะแนนนิยมที่อาจต้องไปเลือกตั้งกันอีกรอบ (7 พฤษภาฯ) หรือผลสำรวจจากคำถามที่ว่า “คุณคิดว่าใครเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสกันแน่?” กลับเป็น “นายมากรอง” ที่นำโด่งไปถึง 42 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วย “นายฟิลยง” อยู่ที่ 21 เปอร์เซ็นต์ ส่วน “ทรัมป์ศรี” แห่งฝรั่งเศสกลับหดวูบเหลืออยู่แค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น...

แต่อย่างว่า...เรื่องของคะแนนนิยมหรือเรื่องของโพลนั้น คงเอาแน่-เอานอนอะไรไม่ได้มากมายนัก เพราะระดับ “ทรัมป์ตัวจริง” ก็เคยแหกโผ แหกโพล “หักปากกาเซียน” พังพินาศกันไปเป็นด้ามๆ ถึงกระนั้นก็ตาม...สิ่งที่น่าคิดน่าสะกิดใจอยู่ไม่น้อย และคงต้องคอยเพ่งพินิจพิจารณาไปเป็นระยะๆ ก็คือบรรดา “กระแสความคิดความรู้สึก” ที่ถูกเรียกขานกันไปในหลายรูปหลายแบบ ไม่ว่าจะเรียกว่าพวกขวาจัด ชาตินิยม คลั่งชาติ เหยียดชาติ ไปจนถึงพวก “Anti-Establishment” ฯลฯ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ล้วนแล้วแต่ไม่เห็นด้วยกับ “โลกาภิวัตน์” ภายใต้การขับเคลื่อนของทุนนิยมสามานย์ไปด้วยกันทั้งสิ้น ที่น่าสนใจก็คือว่า...กระแสความคิดความรู้สึกที่ว่านี้ มันจะหดจะเหี่ยวปลายลงไปด้วยหรือไม่ อย่างไร หรือกำลังจะวิวัฒนาการไปสู่เนื้อหาใหม่ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ “ทรัมป์ตัวจริง” ได้ถูกพวก “Establishment” ที่เรียกๆ กันว่าพวก “Deep State” ทั้งหลาย เล่นงานซะจนคออ่อนคอพับไปไม่ได้ ไปไม่เป็น ชนิดส่งผลให้บรรยากาศการเมืองอเมริกันทุกวันนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากหนังเรื่องสตาร์ วอร์ส ภาค “The Empire Strikes Back” ไปแล้วในทุกวันนี้...
กำลังโหลดความคิดเห็น